วันหยุดที่ผ่านมาข้าวหอมมีโอกาสได้เข้าไปดูภาพยนตร์เรื่อง Sonic the Hedgehog (โซนิค เดอะ เฮดจ์ฮ็อก) หลังจากที่ลังเลอยู่นานว่าจะเข้าไปดูในโรงภาพยนตร์ดีหรือไม่ เนื่องด้วยสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 แต่สุดท้ายด้วยความที่อยากเห็นเจ้า Sonic ตัวละครจากเกมส์ที่เคยเล่นมาตอนสมัยยังเด็กเมื่อหลายสิบปีก่อนในรูปแบบของภาพยนตร์จึงตัดสินใจเข้าไปดูจนได้ภาพโดยผู้เขียน ตัวหนังเริ่มจากเล่าให้ฟังก่อนว่าโซนิคมาจากดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง แต่ด้วยพลังในตัวของโซนิคที่เป็นที่ต้องการทำให้เขาถูกไล่ล่าและต้องหนีมาที่โลกมนุษย์เพียงลำพังตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยกลัวว่าจะถูกใครเจอตัวและเป็นอันตรายทำให้โซนิคต้องใช้ชีวิตแบบไม่ให้ใครเห็น ซึ่งนั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะเจ้าโซนิคมีพลังพิเศษในตัวหลายอย่างและหนึ่งในนั้นคือความเร็ว เร็วชนิดที่มองไม่เห็นเลยล่ะค่ะภาพโดยผู้เขียน นอกจากเรื่องความเร็วแล้ว เจ้าโซนิคยังมีพลังไฟฟ้า มีไอเทมเป็นแหวนที่ทะลุไปไหนก็ได้ ตรงนี้หากใครที่เคยเล่นเกมส์มาก่อนน่าจะชอบค่ะ เพราะหนังนำเสนอความสามารถของโซนิคออกมาได้ชัดเจนและภาพสวยดีค่ะ แต่เสน่ห์ของเรื่องที่ทำให้ข้าวหอมชอบหนังเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเอฟเฟคหรือซีจีแต่น่าจะเป็นความน่ารักน่าชังของเจ้าโซนิคเองที่นอกจากจะขี้เหงาแล้วยังดูเป็นเด็กเอามาก ๆ โดยเฉพาะเวลากลัว ดีใจหรือตื่นเต้นมันทำให้เราอดรู้สึกเอ็นดูไม่ได้ ข้าวหอมเห็นแล้วนึกถึงเจ้าลูกหมาที่บ้านว่าเหมือนกันยังไงยังงั้นเลยล่ะค่ะ คือมันไร้เดียงสานะแต่ก็แอบฉลาด กวน และเก่งสุด ๆ ไปเลยภาพโดยผู้เขียน สิ่งที่ข้าวหอมเสียดายคือหนังมีฉากต่อสู้ระหว่างเจ้าโซนิคกับตัวร้ายน้อยไปหน่อย บางฉากกำลังเพลินกำลังสนุกก็เหมือนถูกรวบรัดปิดฉากไปซะงั้น พูดง่าย ๆ คือ “มันไม่สุด” “มันยังได้นะ” “ขออีกนิด” แต่หนังตัดจบไปแล้วอะไรแบบนั้น ตัวร้ายเองก็ยังดูไม่เก่งมาก มีอาวุธเป็นแค่ยานและโดรนโง่ ๆ มันดูไม่เจ๋งหรือน่ากลัวเท่าที่ควรภาพโดยผู้เขียน โดยภาพรวมของหนังเรื่องนี้ข้าวหอมว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเลยนะคะ เพียงแต่พล็อตเรื่องมันเหมือนหนังที่ทำออกมาเน้นให้เด็กดูได้สนุกมากกว่า ซึ่งส่วนตัวข้าวหอมชอบนะคะ เพราะตกหลุมรักความน่ารักและความสามารถของเจ้าโซนิคตัวนี้ไปแล้ว เอาเป็นว่าถ้ามีภาคสองออกมายังไงก็ไปดูอีกแน่นอนค่ะ ถ้าใครกำลังมองหาหนังสนุก ๆ ที่สามารถดูได้ทั้งครอบครัวก็อย่าลืมแอดเรื่องนี้เข้าไปในตัวเลือกอีกเรื่องนะคะ