เครดิตภาพ Facebook Officialเดินทางมาถึงภาค 2 กันแล้วนะครับสำหรับ Spider- Man ภาค 2 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลัง Avengers: Eng game ตอนแรกผมคิดว่าจะจบที่ภาคแรกซะแล้วนะนั่น เพราะไม่คิดว่าหนังจะมามุกใหม่มาได้หนังเล่าถึง ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์(Tom Holland) เขาพยายามหนีจากชีวิต Spider-Man และเขาได้มีโอกาสไปทัศนศึกษาที่ยุโรปกับเพื่อนที่โรงเรียน สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถหนีพ้นเมื่อนิค ฟิวรี่ (Samuel L. Jackson) ก็มาปรากฏตัวพร้อมภารกิจปกป้องโลกที่บังเอิญเกิดขึ้นที่ยุโรปพอดี ปีเตอร์ไม่มีทางเลือกนอกจากมาสวมชุดสไปดี้ต่อพูดถึงภาพรวมของหนังเรื่องนี้ในจักรวาลมาร์เวล ทำออกมาได้ไม่ผิดเพี้ยนจากมาตรฐานครับ หนังมีความสนุกสดใส เหมือนหนังกำลังพาคนดูไปเห็นปีเตอร์ พาร์คเกอร์ในมุมมองที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น จึงส่งผลให้หนังเข้มข้นขึ้น เพราะปกติปีเตอร์อาจจะต้องขอคำปรึกษาจากโทนี่ตลอด แต่ในตอนนี้โทนี่ไม่อยู่แล้วเขาจำเป็นต้องพึงพาตัวเองมากกว่าเดิมเครดิตภาพ Facebook Officialหลายคนไม่ชอบภาคแรกเพราะมองว่าปีเตอร์ดูเด็กเกินไป แต่เชื่อเถอะครับว่าลองเปิดใจดูภาคแรกอีกครั้ง แล้วพอมาดูภาค 2 คุณจะเห็นการพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน เพราะหนังไม่ได้มีแต่ความบู๊หรือฉากแอ็คชั่น แต่หนังกำลังเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างความเป็นเด็กกับปีเตอร์ที่เติบโตแล้ว ต้องขอบอกแบบนี้ก่อนว่าผมก็ดูภาคแรก และไม่ได้ชอบมาก แต่ก็มีความรู้สึกที่โอเคมากพอที่จะดูรอบ 2 หนังชี้ประเด็นและถ่ายทอดได้โอเค ภาคสองอาจจะไม่สนุกเท่าภาคแรก เนื่องด้วยความทะเล้นของปีเตอร์ที่ลดลงส่วนความมันส์ในเนื้อเรื่อง ภาคนี้อัดมาเต้มที่มากกว่าภาคที่แล้วมากครับ ภาคนี้หนังครีเอทตัวร้ายมาให้ยากต่อการต่อกรขึ้น ทำให้เราได้เห็นความพยายามของปีเตอร์มากกว่าเดิม ส่วนเรื่องของ CG สีสัน ทำออกมาได้โอเคอยู่ครับเวลาผ่านไปคนอย่างปีเตอร์ที่เจอเหตุการณ์ต่าง ๆ มาเยอะ โดยเฉพาะการสูญเสียโทนี่ มันทำให้ปีเตอร์ดูเติบโตขึ้น ทั้งความคิดและทัศนคติของเขา สิ่งที่เขาต้องการคือเติบโตเป็นคนใหม่แม้จะไม่มีโทนี่คอยสั่งสอนหรืออยู่เคียงข้าง แม้ว่าช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ปีเตอร์อาจจะมีทำพลาดบ้างแต่เขาก็เรียนรู้ที่จะนำข้อผิดพลาดนั้นมาพัฒนาและปรับปรุงตัวเองแม้ว่าหนังจะมีฉากตลกอยู่ไม่น้อย แต่ก็ยังมีความโรแมนติคกุ๊กกิ๊กกับนางเอกเหมือนกัน ในสายตาเราที่มองว่าปีเตอร์ยังเด็กแต่ก็มีความรักซะแล้ว แก่แดดจริง ๆ เลย แต่ก็เชียร์ให้ได้เป็นแฟนกับ MJ อยู่นะครับ ถึงจะแอบหมั่นไส้เล็ก ๆ และถึงจุดที่ปีเตอร์จะต้องตัดสินใจว่าจะใช้ชีวิตแบบวัยรุ่น ซึ่งจะสามารถใช้ชีวิตธรรมดามีเพื่อนมีแฟนได้โดยไม่ต้องระวังหลัง หรือว่า เป็นซุเปอร์ฮีโร่ช่วยชีวิตผู้คน แต่ต้องห่างไกลจากครอบครัวหรือความรักออกไป แน่นอนว่าการตัดสินใจนี้จะทำให้ผู้คนอินไปด้วยแน่นอนคะแนนเนื้อเรื่อง 9/10 เป็นภาคหัวเลี้ยวหัวต่อสำหรับปีเตอร์ว่าจะตัดสินใจกับชีวิตอย่างไร และเราจะได้เห็นทัศคติที่โตขึ้น ไม่ใช่แค่ซนไปวัน ๆ อีกแล้ว อาจจะเพราะเขาสูญเสียโทนี่ด้วย เลยทำให้เขาต้องคิดและตัดสินใจด้วยตนเองในทุก ๆ เรื่องคะแนนเอฟเฟคต์ 9/10 ฉากการต่อสู้ส่วนใหญ่ทำออกมาได้สวยงามพอสมควร เอฟเฟคต์ที่ดูสดใสในแบบฉบับSpider-Man ที่โตแล้วถือว่าทำได้ไม่เลวเลย โดยส่วนตัวผมชอบฉากที่ปิศาจโผล่จากกลางแม่น้ำในยุโรปมาก ถ้าว่ากันตรง ๆ เอฟเฟคต์แบบนั้นมันไม่ได้ทำให้เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ แต่ว่าทีมงานเขาก็ใส่ใจรายละเอียดได้พอสมควรข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้1. ความคิดที่โตขึ้นของปีเตอร์ ถ้าเรามองในภาพรวมจริง ๆ ปีเตอร์ภาคนี้เขามีความคิดที่โตขึ้นมาก ด้วยอายุและประสบการณ์ที่เจออะไรมาหลาย ๆ อย่าง ทำให้เราจะได้เจอปีเตอร์ในทัศนคติที่โตขึ้น2. เสียสละเพื่อส่วนรวม การที่ปีเตอร์เลือกที่จะพิทักษ์โลก ก็ถือว่าเขาเลือกชีวิตที่ต้องการช่วยชีวิตคนบริสุทธิ์มากกว่าที่จะเลือกความปรารถนาของตัวเองถือว่าเป็นภาคที่ดีกว่าภาคที่แล้วพอสมควร ในเรื่องของเนื้อหาที่เข้มข้นและความโตขึ้นของ Spider-Man ทำให้หนังดูมีเสน่ห์มากขึ้นและแน่นอนว่าหนังก็มีใบ้เปนนัยยะว่ามีภาค 3 แน่นอนเครดิตภาพ Facebook Official