ร่วมผจญภัยในแดนทะเลทราย ไปกับความรักของเขาและเธอที่ไม่มีอุปสรรคใดจะขวางกั้น ใน “ฟ้าจรดทราย เดอะ มิวสิคัล” ละครเวทีสุดยิ่งใหญ่แห่งปีจากบทประพันธ์ของนักเขียนชั้นครู โสภาค สุวรรณ ที่เคยสร้างปรากฏการณ์มาแล้วในปี 2550 ในต้นปี 2567 นี้ก็มีข่าวดีให้แฟน ๆ ได้ดีใจอีกครั้ง เมื่อมีการประกาศ Restage ในรอบ 17 ปี พร้อมกับให้ผู้ชมได้คาดเดากันว่า 'ใครคือชาริฟคนใหม่' เพียงเท่านี้ก็เรียกกระแสฮือฮาไปทั้งโซเชียลตั้งแต่วันแรก และยังทำให้เหล่าคอนเทนต์ครีเอเตอร์ทั้งหลายแห่กัน Cover บทเพลง สวมบทเป็นตัวละครต่าง ๆ กันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะเมื่อมีการปล่อยคลิปโปรโมทอื่น ๆ เพิ่มในภายหลัง ก็มีกระแสการพูดถึงงานโปรดักชั่นที่ดูอลังการ สวยงาม น่าสนใจไม่แพ้เวอร์ชั่น 2550 เลย จนทำให้หลายคนตั้งตารอซื้อบัตรตั้งแต่ยังไม่ประกาศรอบการแสดงเลยทีเดียว ผู้เขียนเองได้มีโอกาสไปร่วมชม ฟ้าจรดทราย เดอะ มิวสิคัล ในสัปดาห์ที่ผ่านมา อยากบอกว่าประทับใจมาก ๆ เป็นการซื้อบัตรมาดูที่ไม่ผิดหวัง งานแสดงยิ่งใหญ่ คุ้มค่า สมการรอคอย ใครที่เป็นแฟนบทประพันธ์เรื่องนี้ และใครที่เป็นแฟนละครเวที บอกเลยว่าไม่ควรพลาด! ก่อนถึงเวลาจะได้ชมฟ้าจรดทราย เดอะ มิวสิคัล ขอแนะนำให้เผื่อเวลาอย่างน้อยสัก 1 ชม. ในการเก็บภาพกับบรรยากาศเมืองฮิลฟาราที่ชั้นล่างของโรงละคร มีซุ้มถ่ายภาพสวย ๆ ให้ผู้ชมได้เก็บภาพประทับใจมากมาย แต่งตัวกันมาได้จัดเต็ม แต่แอบเสียดายที่มีซุ้มถ่ายภาพน้อยไปหน่อย ประตูโรงละครเปิดให้เข้าประมาณ 30 นาทีก่อนการแสดงเริ่ม ไม่อนุญาตให้มีการบันทึกภาพหรือใช้เครื่องมือสื่อสารระหว่างการแสดง การแสดงจะแบ่งเป็น 2 ช่วง (มีช่วงพักประมาณ 15 นาที) ทั้งหมดประมาณ 2 ชั่วโมง ผู้เขียนขออนุญาตนำความประทับใจบางส่วนมาแบ่งปันกันนะคะ ข้อแนะนำสำคัญ : ระหว่างการแสดง ผู้ชมควรนั่งหลังตรง พิงพนักเก้าอี้ของตัวเอง ไม่ควรนั่งโน้มตัวหรือขยับไปมามากนัก เพราะ คุณจะบดบังมุมมองการรับชมของผู้ชมด้านหลัง ทำลายอรรถรสและอาจทำให้ผู้ชมคนอื่นพลาดจังหวะดี ๆ นั้นไปโดยไม่ตั้งใจ ความประทับใจใน ฟ้าจรดทราย เดอะ มิวสิคัลณเดชน์ คูกิมิยะ รับบท ชาริฟ ตั้งแต่ปล่อยภาพโปสเตอร์ออกมาให้ลุ้นกันวันแรก จนกระทั่งเฉลยอย่างเป็นทางการว่า ณเดชน์ คือผู้รับบท “ชาริฟ” พระเอกของเรื่อง ก็ทำให้แฟน ๆ นิยายบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “นี่คือชาริฟที่เดินออกมาจากบทประพันธ์” อีกคนหนึ่งเลยทีเดียว ถึงแม้จะคร่ำหวอดในวงการบันเทิงมานานและมีผลงานมากมาย แต่การโดดมาชิมลางงานด้านละครเวทีครั้งแรกซึ่งเป็นมิวสิคัลด้วยนั้น ก็มีหลายความคิดเห็นเกี่ยวกับความสามารถทางการร้องเพลงที่ไม่ใช่นักร้องอาชีพ ว่าจะสามารถถ่ายทอดออกมาได้ถึงหรือไม่ แต่หลังจากไปชมมาแล้วขอบอกเลยว่า 'ณเดชน์เอาอยู่จ้า!' ยืนยันเลยว่าพลังเสียงดีมากจริง ๆ สู้กับนักร้องมืออาชีพได้สบาย ทำเอาผู้เขียนทึ่งไปเลย ส่วนด้านการแสดงก็ไม่มีอะไรต้องกังขา เป็นชาริฟที่เก่ง แข็งแกร่งและอบอุ่น ถ่ายทอดทุกอารมณ์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ณเดชน์เก่งมากจริง ๆ เชื่อเลยว่านี่คือผลลัพธ์ของการทุ่มเทฝึกซ้อมอย่างหนักจนได้ผลงานให้ผู้ชมประทับใจขนาดนี้ พาผู้ชมซึ้งและอินไปกับตัวละคร การแสดงของณเดชน์ยังมีอะไรให้ผู้ชมได้ทึ่งอีกมาก ดีเยี่ยมจนจบการแสดงแล้วเรายัง move on จากชาริฟเวอร์ชั่นนี้ไม่ได้เลยกุลกรณ์พัชร์ เมอร์นาร์ด รับบท มิเชลล์ ให้ลุ้นกันอยู่สักพักสำหรับนักแสดงที่จะมารับบท “มิเชลล์” นางเอกของเรื่อง แฟน ๆ ต่างเดากันไปต่าง ๆ นานา จนในที่สุดก็ประกาศมงลงที่ “แก้ม กุลกรณ์พัชร์” แม้จะมีกระแสไม่เห็นด้วยในช่วงแรกพอสมควรที่เธอไม่ตรงคาแรกเตอร์ตามบทประพันธ์ จนเกิดกระแสปรียบเทียบกับเวอร์ชั่นปี 2550 แต่ถึงกระแสจะเป็นอย่างไร แก้ม กุลกรณ์พัชร์ ก็คือ มิเชลล์ แห่งปี 2567 ที่ทำผลงานได้ดีมาก หาที่ติไม่ได้เลย เสียงร้องที่ใสกังวาลและการแสดงที่มืออาชีพได้ดึงความสนใจของผู้ชมทั้งโรงละครตั้งแต่เปิดตัว แก้มถ่ายทอดความเป็นมิเชลล์ได้อย่างน่ารัก น่าทนุถนอม ในขณะเดียวกัน...ก็เป็นมิเชลล์ที่มีความเข้มแข็ง กล้าหาญและเด็ดเดี่ยว ตรงตามบทประพันธ์ได้กล่าวไว้ ส่วนพลังการร้องและการแสดงนั้นก็ไร้ที่ติ จับใจจนมองข้ามเรื่องคาแรกเตอร์ไปเลย เชื่อฝีมือแก้มได้!หนึ่งธิดา โสภณ รับบท แคชฟียา อีกหนึ่งตัวละครสำคัญของเรื่องที่ขาดเธอไปไม่ได้ “แคชฟียา” เพื่อนรัก เพื่อนร้ายของมิเชลล์ กับการพลิกบทบาททางการแสดงครั้งสำคัญของหนูนา ทำเอาแฟน ๆ ตะลึงและตื่นเต้นกันพอสมควร ส่วนตัวแล้วยอมรับว่าผู้เขียนรอชมฉาก “แค้น” เป็นพิเศษ เพราะ ได้ดูคลิปเบื้องหลังการซ้อมของหนูนาและอยากสัมผัสความแค้นของแคชฟียากับตัวเอง ทว่าคนเราจะแค้นใครคนหนึ่งโดยไม่มีสาเหตุได้อย่างไร เพื่อนรักอย่างแคชฟียาถูกมิเชลล์ทำอะไรจึงได้เจ็บแค้นใจขนาดนี้ บอกเลยว่าหนูนาถ่ายทอดออกมาได้ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ แค่บทพูดก็รู้ว่าร้าย ส่วนบทร้องก็แสบถึงทรวง สะใจสุด ๆ เหมือนจะทำรัชดาลัยเธียเตอร์ถล่มลงมาได้เสียอย่างนั้น และคงเป็นอีกหนึ่งผลงานมาตรฐานสูงที่จะถูกพูดถึงไปอีกนานทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี รับบท องค์อาหเม็ด ได้ชมผลงานละครของ “คุณกบ ทรงสิทธิ์” อยู่เป็นประจำ แต่เป็นครั้งแรกของผู้เขียนที่ได้ชมผลงานด้านละครเวที บอกเลยว่านี่คือ “องค์อาหเม็ด” กษัตริย์แห่งฮิลฟาราที่สง่า สุขุม แสนอบอุ่น บุคคลผู้เป็นที่เทิดทูนของชาริฟและเป็นที่รักของประชาชนชาวฮิลฟารา ทุกฉากที่คุณกบแสดง ผู้เขียนเหมือนได้หูเคลือบแก้ว เพราะ เสียงร้องที่นุ่มทุ้ม กังวาล จนเฝ้ารอชมทุกฉากที่องค์อาหเม็ดจะออกมาเลยทีเดียวธชย ประทุมวรรณ รับบท เจ้าชายโอมาน เป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วกับความสามารถของ “เก่ง ธชย” ที่มีเสียงร้องเป็นเอกลักษณ์ มารับบทเป็น “เจ้าชายโอมาน” ตัวละครสำคัญของเรื่องที่แคสต์ได้ตรงบทประพันธ์ที่สุดคนหนึ่ง เก่งถ่ายทอดความเป็นตัวละครโอมานออกมาได้ยอดเยี่ยมมาก ๆ อินเนอร์แรงชัดจนขนลุก ปล่อยสุดไม่มียั้ง ทุกฉากที่โอมานออกมามันสุดมาก จนสงสัยว่าเก่งเอาพลังมากมายขนาดนี้มาจากไหน เผลอหอบหายใจเหนื่อยไปด้วยเลย นับว่าเป็นศิลปินคุณภาพมากฝีมืออีกคนที่ผู้เขียนอยากให้มีผลงานด้านละครเวทีอีก ไม่ใช่เพียงนักแสดงหลักที่ทำได้ดี แต่นักแสดงสมทบก็ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน ทุกฉากที่ออกมาได้สร้างความสวยงาม ความตะลึงให้แก่ผู้ชม ทุกคนเป็นมืออาชีพสุด ๆ เป็นทีมเวิร์คทั้งคนเบื้องหน้าและเบื้องหลัง เอาเสียงปรบมือดังสนั่นและเอาใจผู้ชมทั้งโรงละครไปเลย นอกจากนี้ งานด้านโปรดักชั่นยังยอดเยี่ยมทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะแสง สี เสียง หรือฉากที่อลังการ ซึ่งก่อนมาชมผู้เขียนนึกไม่ออกว่าฉากต่าง ๆ จะเป็นอย่างไร เพราะ เรื่องราวมันยิ่งใหญ่และสถานที่ต่าง ๆ ค่อนข้างแฟนตาซี ฉากสำคัญก็อยู่กลางทะเลทรายเป็นส่วนมาก แต่ขอชมเลยว่าทีมงานสามารถทำออกมาได้ดีมากและทำถึง รู้สึกทึ่งตั้งแต่ฉากแรก ราวกับยกเมืองฮิลฟาราและทะเลทรายอันกว้างใหญ่มาไว้ในรัชดาลัยเธียเตอร์แห่งนี้ มีการผสมผสานระหว่างฉากที่ฉายผ่านจอดิจิตัลกับฉากจริงที่สร้างมาได้ลงตัวเป็นอย่างดี ทำให้ผู้ชมสัมผัสความยิ่งใหญ่ได้หลากหลายมิติ มีฉากให้ตื่นตามากมาย และมีหลายฉากที่เรียกเสียง “ว้าว” จากผู้ชม การแสดงต่าง ๆ ก็มีลูกเล่นที่ผู้ชมคาดไม่ถึง ทำให้ละครเวทีมีความน่าสนใจ ไม่สามารถเก็บภาพมาฝากได้ อยากให้ได้ไปสัมผัสด้วยตนเอง ในฐานะที่ผู้เขียนเคยอ่านและรักบทประพันธ์เรื่องนี้มาก แต่ไม่มีโอกาสได้ดูการแสดงครั้งปี 2550 จึงไม่มีข้อเปรียบเทียบ แต่เมื่อได้มีโอกาสมาดูฟ้าจรดทรายครั้งนี้แล้ว ก็เชื่อว่านี่คือเวอร์ชั่นที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน อะไรที่ผู้อ่านเคยประทับใจในบทประพันธ์ ก็จะได้เห็นกัน ณ ที่นี้ แม้อาจจะมีบางฉากที่ผู้เขียนรู้สึกติในความเห็นส่วนตัวนิดหน่อย แต่โดยรวมแล้วรู้สึกประทับใจมาก เหมือนได้รับการเติมเต็มภาพในจินตนาการให้เกิดขึ้นจริง รู้สึกเต็มอิ่มไปกับความรักของชาริฟและมิเชลล์ ที่ไม่ว่าความแตกต่างหรืออุปสรรคอันใดก็มิอาจขวางกั้น และความประทับใจครั้งนี้จะติดตรึงใจผู้เขียนไปอีกนาน ก่อนจะลากันไป...เป็นธรรมเนียมเมื่อการแสดงจบลง นักแสดงทุกคนจะออกมาขอบคุณ, ทักทายผู้ชม และให้ผู้ชมได้ถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก เสียงปรบมือที่ดังก้องโรงละครอย่างยาวนานนั้น เป็นสิ่งที่ผู้ชมอย่างเราจะทำได้ เพื่อเป็นการส่งกำลังใจและแทนคำขอบคุณไปถึงนักแสดงเบื้องหน้าและทีมงานเบื้องหลังทุกคน ตอบแทนความสุข ความประทับใจที่พวกเขามอบให้เราในคืนนี้ ภาพปก : ภาพปก ตกแต่งโดยผู้เขียนภาพประกอบบทความ Scenario & Rachadalai : ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 ถ่ายโดยผู้เขียน / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 ถ่ายโดยผู้เขียน / ภาพที่ 9 ถ่ายโดยผู้เขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !