เปิดโผลิสต์ 10 หนังสุดปัง ที่คาดว่าจะโกยรายได้อย่างถล่มทลายในปี 2024
คงจะได้เวลาเริ่มหันมาให้ความสนใจเกี่ยวกับโปรแกรมหนังใหม่ ประจำปี 2024 ที่เชื่อว่าจะเป็นปีที่กลับมาเรียกความเชื่อมั่นให้กับวงการหนังได้อีกครั้ง กับคอนเทนท์ที่อัดอั้นตันใจมาตั้งแต่สมัยโควิด-19 แพร่ระบาด หลาย ๆ โปรเจกต์ที่หนังที่กลับมาสร้างอีกครั้งหลังจากโรคระเบิดสิ้นสุดลงไป ทำให้เต็มไปด้วยหนังบ็อกซ์บัสเตอร์ที่ถูกหมายตาว่าน่าจะกลับมาสร้างสีสันให้กับบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลกได้อีกครั้ง
แต่ก็ไม่สามารถประมาทเกินไป เพราะพฤติกรรมของคนดูในยุคปัจจุบันได้เปลี่ยนไปแล้ว โรงหนังอาจจะยังสามารถยืนอยู่ได้ต่อไป เพียงแต่ความร้อนแรงในเรื่องรายได้อาจจะเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยากยิ่งขึ้น บางครั้งหนังฟอร์มใหญ่ฟอร์มยักษ์ก็อาจจะแป้กในด้านรายได้ได้เช่นเดียวกัน และนี่คือ 10 หนังที่หลายสื่อและผู้เชี่ยวชาญต่างเล็งเห็นเหมือนกันว่า น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะสร้างเม็ดเงินเข้าวงการได้ในศักราชถัดไป
Deadpool 3
(USA: 300-400 ล้านเหรียญ | Worldwide: 900-1,000 ล้านเหรียญ)
ถือว่าเป็นภาคต่อที่แฟน ๆ เฝ้ารอคอยมาสักพักใหญ่ รอคอยมาถึง 6 ปี บัดนี้หนังได้เข้ามาอยู่ใต้ชายคาดิสนีย์อย่างเต็มตัว แม้ว่าแฟน ๆ จะกังวลว่าความทะลึ่งและห่ามอันเป็นสไตล์จะลดลงหรือไม่ แต่ก็พออุ่นใจได้กับทีมผู้สร้างชุดเดิม เพิ่มเติมกับการคัมแบ็กของ..วูลฟ์เวอรีน ที่ทำให้เชื่อว่าหนังเรื่องนี้อาจจะมากอบกู้สถานการณ์หนังฮีโรที่ตกต่ำอยู่ในตอนนี้ได้ | เข้าฉาย 3 พฤษภาคม 2024
Kung Fu Panda 4
(USA: 200-300 ล้านเหรียญ | Worldwide: 550-650 ล้านเหรียญ)
อีกหนึ่งแอนิเมชันที่ยังคงได้ไฟเขียวสานต่ออีกครั้ง กับเจ้าแพนด้านักสู้ ที่เป็นการคัมแบ็กกลับมากับภาคใหม่ในรอบ 8 ปี ที่ยังคงได้ทีมดารานักพากย์ชุดเดิมกลับมาเป็นส่วนใหญ่ พวกเขาหวังว่าจะสามารถเรียกคะแนนแฟนหนังกลุ่มใหม่เพิ่มเติมได้ และน่าจะทำรายได้เป็นกอบเป็นกำจากออกฉายไปทั่วโลก ตามสูตรของหนังแอนิเมชัน | เข้าฉาย 8 มีนาคม 2024
Captain America: Brave New World
(USA: 180-250 ล้านเหรียญ | Worldwide: 400-500 ล้านเหรียญ)
ส่วนเรื่องนี้อาจจะเป็นโจทย์ที่ตอบได้ยากสักหน่อย ด้วยภาวะตกต่ำของหนังฮีโรที่ทำให้อะไร ๆ ก็ไม่ได้สวยหรูเหมือนปูเสื่ออีกต่อไป ยิ่งภาคนี้เป็นการคัมแบ็กในลักษณะรีเซ็ตยกเครื่องหนังครั้งใหม่ มาพร้อมกับกัปตันคนใหม่ แม้จะเป็นตัวละครที่ผู้ชมคุ้นเคย เพียงแต่ว่ามันจะยังสามารถดึงดูดใจได้เทียบเท่ากับทีมนักแสดงชุดแรกได้หรือไม่ หรือจะถูกกลืนกินไปเมื่อหนังฮีโรในปีนี้ | เข้าฉาย 26 กรกฎาคม 2024
Joker: Folie a Deux
(USA: 250-300 ล้านเหรียญ | Worldwide: 700-800 ล้านเหรียญ)
เพราะว่าภาคแรกสร้างมาตรฐานเอาไว้ได้ดีมาก ๆ เป็นหนังระดับพันล้านเหรียญเลยทีเดียว ตอกย้ำสูตรสำเร็จความเป็นเอกเขนกของหนังดีซีที่ประสบความสำเร็จกว่าหนังชุด มาในภาคนี้ยังคงได้ทีมนักแสดงและผู้สร้างชุดเดิม เพิ่มเติมคือมีข่าวว่าจะเป็นหนังอาชญากรรมที่มีกลิ่นอายความเป็นมิวสิคัลหน่อย ๆ คาดว่าผลลัพธ์น่าจะใกล้เคียงกับภาคแรกเคยทำไว้ | เข้าฉาย 4 ตุลาคม 2024
Godzilla x Kong: The New Empire
(USA: 160-200 ล้านเหรียญ | Worldwide: 550-650 ล้านเหรียญ)
แม้ว่าภาคที่แล้วมันจะขรุขระไปนิด เพราะดันฉายตอนโควิด-19 ยังระบาดอยู่ แต่ช่างมัน..เริ่มใหม่ เพราะนี่คือหนังมอนสเตอร์ที่ยังคงเป็นขวัญใจของแฟนหนังทั่วโลกอยู่ต่อไป มีการคาดการณ์หนังน่าจะกลับมาประสบความสำเร็จได้อีกครั้ง แม้ว่ารายได้ในอเมริกาอาจจะได้ตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น แต่คงจะกวาดรายได้ได้ดีจากตลาดต่างประเทศเป็นหลัก | เข้าฉาย 12 เมษายน 2024
Furiosa
(USA: 150-220 ล้านเหรียญ | Worldwide: 360-460 ล้านเหรียญ)
เป็นการกลับมาสานต่อตำนานคนเถื่อนอีกครั้งของปู่จอร์จ มิลเลอร์ หลังจากที่ประสบความสำเร็จปัง ๆ จากใน Mad Max: Fury Road เมื่อหลายปีก่อน คราวนี้กลับมาในภาคแยกที่เน้นตัวละครหญิงสุดเท่ อย่าง ฟูริโอซา ที่น่าจะเป็นอีกหนึ่งหนังแอคชันนักสู้สาวที่น่าจับตามอง โดยคาดการณ์ว่าหนังเรื่องนี้ก็น่าจะเป็นอีกเรื่องที่ทำเงินในตลาดต่างประเทศได้สุดปัง | เข้าฉาย 24 พฤษภาคม 2024
Despicable Me 4
(USA: 260-340 ล้านเหรียญ | Worldwide: 900-1,000 ล้านเหรียญ)
และนี่คือหนังเรือธงของค่ายแอนิเมชัน อิลูมิเนชัน ที่พูดง่าย ๆ พวกเขาก็ยังคงหากินได้อยู่กับหนังชุดนี้อยู่ต่อไป และมันก็ยังคงถูกใจคอหนังได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะผ่านมาเป็นสิบ ๆ ปีแล้วก็ตาม ถือว่าเป็นแฟรนไชส์หนังแอนิเมชันที่ยังสร้างรายได้งาม ๆ ได้ดีในทุก ๆ ปี และภาคนี้ก็ถูกหมายตาว่าจะทำได้งดงามอีกเช่นกัน โดยเฉพาะรายได้จากตลาดนอกอเมริกา | เข้าฉาย 3 กรกฎาคม 2024
Mufasa: The Lion King
(USA: 250-320 ล้านเหรียญ | Worldwide: 600-700 ล้านเหรียญ)
เพราะว่าต้นฉบับกึ่งไลฟ์แอคชันทำออกมาปังมาก ๆ ทั้งรายได้และคำวิจารณ์ ทำให้ดิสนีย์ตัดสินใจเข็นภาคแยกออกมาอีกเรื่อง ที่ยังคงใช้เทคนิคสร้างแบบเดียวกัน กับการเป็นหนังแอนิเมชันผสมไลฟ์แอคชันสุดตระการตา แล้วเพราะภาคก่อนทำมาตรฐานเอาไว้ค่อนข้างสูง ทำให้ภาคนี้ย่อมถูกมองว่าเป็นความหวัง แม้ว่าดิสนีย์เพิ่งจะเจ็บตัวกับหนังไลฟ์แอคชันมาหมาด ๆ ก็ตาม | เข้าฉาย 5 กรกฎาคม 2024
Sonic the Hedgehog 3
(USA: 180-240 ล้านเหรียญ | Worldwide: 400-500 ล้านเหรียญ)
อีกเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้เช่นเดียวกัน และเป็นหนังชุดที่ พาราเมาท์ พิคเจอร์ส มั่นใจมาก ๆ ว่าจะสามารถพัฒนาสร้างให้ไปต่อได้อีกยาวไกล เพราะ 2 ภาคแรกถือว่าทำผลลัพธ์ได้เซอร์ไพรส์ไปน้อย มาให้ภาคล่าสุดนี้ก็ถูกหมายตาเอาไว้ว่าจะปัง ยิ่งได้ฉายในช่วงเทศกาลปลายปีด้วยแล้ว น่าจะมีโอกาสโกยเงินแบบไม่ธรรมดา | เข้าฉาย 20 ธันวาคม 2024
Inside Out 2
(USA: 360-440 ล้านเหรียญ | Worldwide: 900-1,000 ล้านเหรียญ)
ถึงในช่วง 4-5 ปีมานี้เป็นช่วงเวลาที่ตกต่ำสุด ๆ ของสตูดิโอหนังแอนิเมชัน อย่าง พิกซาร์ แต่ว่าหนังภาคต่อเรื่องนี้อาจจะมากอบกู้สถานการณ์ให้ก็เป็นไปได้ นี่คือหนังภาคต่อจากต้นฉบับในปี 2015 ที่พัฒนาต่อเนื่องจากภาคเดิม ที่ถูกหมายตาว่าเป็นหนึ่งในนั้นที่หลาย ๆ คนเฝ้ารอคอยให้ปี 2024 และนั่นก็ไม่แปลกใหม่ที่จะถูกจับตาเป็นตัวเต็งในฐานะหนังแอนิเมชันแห่งปี
และนอกจากบรรดาหนังทั้ง 10 เรื่องข้างต้นนั้น ยังมีหนังอีกหลายเรื่องที่ต้องเฝ้าจับตามอง ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มหนังฮีโร “Venom 3” หรือ “Thunderbolts” ที่ต้องมาลุ้นว่ากระแสจะออกไปด้านไหน แล้วยังหนังภาคต้น “A Quiet Place: Day One” ที่สั่งสมฐานะแฟนหนังมาได้พอสมควรแล้ว หนังแอคชันภาคแยก “Ballerina” ก็ยังรอให้ออกมาบู๊
แม้ว่าภาคแรกจะค่อนข้างเหนื่อย แต่ “Dune: Part Two” ก็ยังมีลุ้นรายได้เช่นกัน ตามด้วยหนังไซไฟ “Mickey 17” ของผู้กำกับเกาหลีดีกรีรางวัลออสการ์ แล้วยังมีหนังจากเกม “Borderlands” หนังแอคชันภาคต่อของคู่หูคู่ป่วน “Bad Boys 4” ภาคใหม่ของพิภพวาร “Kingdom of the Planet of the Apes” และภาคต่อแอนิเมชันแห่งปี “Spider-Man: Beyond the Spider-Verse” และหนังไลฟ์แอคชันเรื่องใหม่ของดิสนีย์ “Snow White” ที่จะได้แก้มือหรือไม่
-------------------------------------
>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa