20 ปี ดิจิมอน "Digimon Adventure Last Evolution" กับชีวิตที่ถูกสร้างจากการ์ตูนในวัยเด็กสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก ๆ ที่เกิดในช่วงราว ๆ พศ. 2530-2540 เพราะเป็นช่วงชีวิตที่มีความสุขกับวัยเด็กได้อย่างเต็มที่ เหมือนอะไรหลาย ๆ อย่างมาเติมเต็มชีวิตในวัยเด็กของเราให้สมบูรณ์แบบอย่างที่มันควรจะเป็น เป็นยุคที่เราได้เล่นของเล่น ได้ดูการ์ตูน ได้เล่นสนุกกับเพื่อน ๆ ซึ่งความสนุกสนานหลาย ๆ อย่างถูกออกแบบมาให้เหมาะกับช่วงชีวิตของเราอย่างมากอาจเพราะสมัยนั้นยังไม่ได้มีเทคโนโลยีอย่าง iPad, แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟนใด ๆ สิ่งที่น่าจะเป็นเทคโนโลยีคู่ใจในสมัยนั้นมากที่สุดคงหนีไม่พ้นทีวี หากย้อนเวลาไปเมื่อประมาณ 20 ปีก่อน (นานเอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย) ก็คงจะเป็นช่วงเวลาที่เด็ก ๆ จะรักการตื่นเช้าในวันเสาร์อาทิตย์ มากกว่าวันธรรมดา เพราะต้องการที่ตื่นมาดูการ์ตูนช่องเก้า ซึ่งสมัยนั้นจะฉายการ์ตูนสี่เรื่องติดกันในช่วงเช้า จนถึงสาย ๆ และดิจิมอนก็เป็นการ์ตูนเรื่องหนึ่งที่เริ่มฉายครั้งแรกในตอนนั้น และยังคงตราตรึงใจผู้เขียนและใครอีกหลาย ๆ คนมาจนถึงวันนี้รูปภาพจากเจ้าของบทความ“ดิจิมอน แอดเวนเจอร์” นอกจากจะเป็นการ์ตูนสำหรับดูเพื่อความสนุกสนานแล้ว ยังให้ข้อคิดดี ๆ และมีส่วนในการสร้างชีวิตของผู้เขียน และเชื่อว่าของใครอีกหลาย ๆ คนที่อยู่ในยุคนั้นด้วย มาดูกันดีกว่าว่าการ์ตูนเรื่องนี้ได้ทำอะไรในชีวิตของผู้เขียนตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมาบ้างดิจิมอน ช่วยฝึกทักษะในการวาดรูปผู้เขียนเป็นคนหนึ่งที่รักการวาดรูปมาตั้งแต่เด็ก ๆ เวลาเรียนมักจะชอบแอบวาดรูปเล่นอยู่บ่อย ๆ บางทีก็แอบวาดตามปกสมุดหนังสือของตัวเอง และสมุดเรียนก็มักจะบางลงเรื่อย ๆ เพราะแอบฉีกหน้ากลางมาวาดรูปเล่นอีกนั่นแหละและตั้งแต่ที่การ์ตูนดิจิมอนเริ่มฉาย มันก็กลายเป็น Reference ในการวาดรูปของผู้เขียน ไม่ว่าจะเป็นดิจิมอนอย่างอากูมอน, กาบูมอน, ปาตามอน หรือกลุ่มเด็ก ๆ ที่ถูกเลือก นอกจากจะวาดรูปเล่นแล้ว ภาพวาดดิจิมอนยังกลายมาเป็นงานส่งคุณครูวิชาศิลปะในสมัยประถม และเป็นเครื่องมือในการเชื่อมสัมพันธ์กับเพื่อน ๆ อีกด้วยรูปภาพจากเจ้าของบทความดิจิมอนทำให้รักการร้องเพลงในวัยเด็กพ่อแม่พยามจะผลักดันให้ผู้เขียนเปิดปากร้องเพลงให้ได้ แต่ด้วยความที่เป็นคนขี้อายมาก ๆ เลยไม่ค่อยกล้าแสดงออกสักเท่าไหร่ ด้วยความที่ตอนนั้นอายุแค่ประมาณ 6-7 ขวบถ้าจะให้ร้องเพลงผู้ใหญ่ก็ดูจะยากไป ที่บ้านเลยพาไปซื้อเทปเพลงดิจิมอน ที่เอามาแปลเป็นภาษาไทย และวางขายในเซเว่นอีเลฟเวน ในราคา 99 บาท (ซึ่งตอนนั้นขายดีจนแทบจะขาดตลาด) เพลงที่หัดร้องแรก ๆ ก็คือเพลง “ปีกรัก” หรือ Butter Fly เพลงเปิดของการ์ตูนเรื่องนี้ เพลง “หัวใจที่กล้าแร่ง” หรือ Brave Heart และเพลงผู้หญิงอย่าง I Wish (เอาจริงเพลงนี้ร้องยากมาก) และเพลงอื่น ๆ โดยดูเนื้อร้องจากปกเทปในระหว่างฝึก และนี่คือจุดเริ่มต้นของความรักในการร้องเพลงของผู้เขียน เรียกได้ว่าการ์ตูนเรื่องนี้มีอิทธิพลสุด ๆดิจิมอนสอนให้เป็นคนไม่เห็นแก่ตัวหากจะสรุปคีย์เวิร์ดสั้น ๆ ของการ์ตูนเรื่องนี้ ในมุมผู้เขียนคงจะสรุปออกมาเป็นคำว่า “มิตรภาพ” เพราะทั้งเรื่องจะสื่อสาร Message นี้ตลอด ซึ่งเป็นมิตรภาพที่เกี่ยวกับความเป็นเพื่อนระหว่างมนุษย์และดิจิมอน การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การไม่เอาเปรียบ ความเสียสละ และไม่เห็นแก่ตัว ตลอดทั้งเรื่องไม่ว่าจะยามที่มีความสุข ยามเผชิญปัญหา หรือในยามที่จะต้องต่อสู้ ดิจิมอนถือเป็นครูอีกคนที่สอนเรื่องความมีน้ำใจโดยชี้ให้เห็นถึงลักษณะของเพื่อนที่ดี การให้ และผลที่ได้จากการเป็นผู้ให้มีฉากหนึ่งที่ผู้เขียนรู้สึกประทับใจ คือในตอนต้น ๆ เรื่องที่พวกเด็กที่ถูกเลือกหลงเข้ามาในโลกดิจิตอลและได้เจอกับพวกดิจิมอนคู่หูของตัวเอง ในระหว่างที่หลบหนีศัตรู ทั้งเด็ก ๆ และดิจิมอนก็หิวข้าว โดยที่ทาเครุได้พกขนมใส่กระเป๋มาด้วยจึงเอาออกมาแบ่งกันกิน แต่พวกดิจิมอนบอกว่าตนเองไม่กินก็ได้ ให้เด็ก ๆ กินดีกว่า แต่สุดท้ายด้วยมิตรภาพที่ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นใจซึ่งกันและกัน จึงแบ่งขนมกันกินรูปภาพจากเจ้าของบทความดิจิมอนสอนให้เราไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคและข้อจำกัดตั้งแต่ต้นเรื่องยามจบเรื่อง ไม่มีช่วงจังหวะไหนที่เด็ก ๆ ไม่เจอกับปัญหาหรืออุปสรรค ด้วยโลกดิจิตอลนั้น ยังมีดิจิมอนที่อยู่ในด้านมืดคอยมารบกวนความสงบของเหล่าดิจิมอน และคอยปั่นป่วยให้เกิดความวุ่นวายและการทำลายล้างต่าง ๆ ทำให้พวกเด็กที่ถูกเลือกและดิจิมอนคู่หูต้องคอยต่อสู่อยู่เสมอ และในทุกครั้งก็ต้องเผชิญกับคู่ต่อสู่ที่แข็งแกร่งกว่า เหนือชั้นกว่า และมีพลังมากกว่า แต่ทุกคนก็ไม่ยอมแพ้ และยิ่งเจอสถานการณ์บีบคั้นมากเท่าไหร่ ก็เป็นช่วงเวลาที่เหล่าดิจิมอนจะได้ปลอดปล่อยพลัง จะวิวัฒนาการไปยังร่างต่าง ๆ ทั้งร่างเจริญวัย ร่างโตเต็มวัย และร่างสุดยอดรูปภาพจากเจ้าของบทความเป็นข้อคิดในการใช้ชีวิตจนถึงวัยทำงานได้ว่า ยิ่งสถานกาณ์บีบคั้นมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งปลอดปล่อยพลังและศักยภาพออกมาใช้มากเท่านั้นทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผู้เขียนได้รับการสร้างชีวิตในวัยเด็กจากการ์ตูนดิจิมอนให้โตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น และไม่ลังเลที่จะกลับไปขอบคุณทีมผู้สร้างการ์ตูนเรื่องดิจิมอนด้วยการสนับสนุนและดูภาพยนตร์อนิเมชัน Digimon Adventure Last Evolution ที่จะเข้าฉายในวันที่ 2 เมษายน 2020 นี้เราอาจจะได้เห็นตัวอย่างที่ปล่อยออกมาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่อาจคาดเดาเรื่องทั้งหมดได้ว่าจะเป็นอย่างไร บอกตามตรงว่าผู้เขียนเองก็รู้สึกตื่นเต้น ราวกับว่าจะได้กลับไปยังโลกดิจิตอล เพื่อพบกับดิจิมอนคู่หูที่ลาจากกันเป็นเวลาหลายปีอีกครั้ง ถ้าเพื่อน ๆ รู้สึกเหมือนแบบนี้เหมือนกันละก็ 2 เมษายนนี้เจอกันค่ะ“ปีกกางเหินไปไม่มีวันแผ่วปลาย”โอ้