ในช่วงต้นปี พ.ศ. 2548 ที่เกิดคลื่นเล็ก ๆ จากประเทศเกาหลีใต้ได้สาดเข้ามาในประเทศไทยจนเริ่มก่อตัวเป็นคลื่นยักษ์ใหญ่ ที่ทำให้มีศิลปินจากเกาหลีใต้ เข้ามาเปิดแสดงโชว์ เร่งทำยอดขายในประเทศไทย จนเกิดการแข่งขันอย่างสูง คนที่อยู่ในช่วงเวลานั้น จะจดจำศิลปินเกาหลีใต้ได้อย่างเช่น เรน, โบอา, เซเว่น หรือบอยแบนด์อย่าง ดงบันชินกิ จนอิทธิพลสื่อบันเทิงของเกาหลีใต้ปกคลุมประเทศไทยไปหลายปี และหนึ่งในคลื่นยักษ์นั้น ก็มีวงบอยแบนด์ที่ครองใจวัยรุ่น โดยเฉพาะสาวไทยที่หลายคนถึงขั้นน้ำตาแตกเมื่อได้ไปชมคอนเสิร์ต และปัจจุบัน ชื่อของพวกเขาไม่เคยหายไปไหน แม้อิทธิพลสื่อบันเทิงของเกาหลีใต้จะไม่เปรี้ยงปร้างเท่าสมัยก่อน และวงนั้นก็คือ Super Junior (ซูเปอร์จูเนียร์)ปี พ.ศ. 2549 ในงานพัทยามิวสิคเฟสติวัล เทศกาลดนตรีของประเทศไทย ที่ช่วงเวลานั้น คนไทยกำลังคลั่งไปกับเพลงร็อคที่กำลังเฟื่องฟูทั้งเมนสตรีมและอันเดอร์กราวด์จำนวนมาก ที่เวทีสีเหลือง ที่เป็นเวทีชื่อ Thailand Grand Invitation โดยจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ก็มีการปรากฏตัวของวัยรุ่นชายสิบสองชีวิต ชุดสูทสีเหลือง ผมสีทองสลับดำ การประกาศชื่อของ ซูเปอร์จูเนียร์ ขึ้นมาในตอนนั้น ยังทำให้หลายคนยังงุนงงอยู่ว่า วงนี้คือวงอะไร และด้วยความที่เป็นเวทีใหญ่ของงาน ผู้คนที่แออัดและไม่อยากจะก้าวออก เพราะกลัวว่าจะเสียที่ ก็จำยืนอยู่ตรงนั้น เพื่อฟังเพลงสไตล์ป๊อปกับท่าเต้นที่ไม่ต่างกับบอยแบนด์ประเทศไทย แต่กลับมีแฟนเพลงชาวเกาหลีใต้และชาวไทยจำนวนหนึ่ง ที่ติดตามข่าวของวงนี้มาระยะหนึ่ง ก็พร้อมใจกันมาดู และส่งเสียเชียร์ เพลง Miracle กับ Way for Love ได้ถูกนำมาแสดงโชว์ที่นี่เป็นครั้งแรก ยิ่งสร้างความประทับใจให้กับแฟน ๆ ที่ติดตามวงอยู่ และหลายคนที่ยืนฟังอยู่ตรงนั้น ก็เริ่มรู้จักวงนี้มากขึ้น แม้จะเป็นการโชว์สั้น ๆ ห้าเพลงในเวลาไม่ถึงสามสิบนาที ชื่อของซูเปอร์จูเนียร์ ก็เริ่มเป็นที่รู้จักของคนไทยไปบ้างและแฟนคลับก็เริ่มก่อตัวขึ้น (คลิกเพื่อชมวิดีโอบรรยากาศโชว์ได้ที่นี่)โดยในปีเดียวกันนั้นเอง ซิงเกิ้ล U พร้อมกับการประกาศสมาชิกคนที่สิบสามอย่าง โจ คยูฮย็อน ที่มีภาพลักษณ์ดูเหมือนเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่เป็นกันเองแบบง่าย ๆ ก็ทำให้ ซูเปอร์จูเนียร์ ทะยานขึ้นสู่ความสำเร็จในประเทศมากขึ้น ยอดดาวน์โหลดเพลงมากถึงสี่แสนครั้งภายในเวลาห้าชั่วโมง และยอดรวมทั้งหมดอยู่ที่มากกว่าหนึ่งล้าน ผสมกับยอดขายแผ่นซีดีที่ได้มากกว่าแปดหมื่นแผ่นปี พ.ศ. 2550 กับซิงเกิ้ล Don’t Don ที่มีในแนวร็อคแบบหนักแน่น ที่ไม่ค่อยเห็นในกลุ่มบอยแบนด์นักเต้น ที่จะใช้เพลงแนวนี้ อีกทั้งท่าเต้นและภาพลักษณ์ของวงที่ดุดัน ก็ทำให้ชื่อของซูเปอร์จูเนียร์เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ที่ถือว่าเป็นความแปลกใหม่ในช่วงเวลานั้น เพลงติดชาร์ตอันดับหนึ่ง ทำยอดขายได้มากกว่าหกหมื่นแผ่นในระยะเวลาเพียงเจ็ดวัน และเมื่อครบสามเดือน ผลสรุปยอดขายอัลบั้มนี้ทำได้มากกว่าหนึ่งแสนหกหมื่นแผ่น อีกทั้งในประเทศไทยก็เกิดเป็นกระแสที่พุ่งแรง จนขนาดเบียดบังบางวงในไทยลงได้ ถึงขนาดเกิดกระแสต่อต้านเหล่าแฟนคลับของวงนี้ขึ้นมาบ้างประปราย แต่ด้วยความที่โด่งดังในประเทศไทยพุ่งสูง ซูเปอร์จูเนียร์ก็กลายเป็นทูตกระชับความสัมพันธ์ในโอกาสครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ไทยกับเกาหลีใต้ในปี พ.ศ. 2551 ที่ซูเปอร์จูเนียร์ได้เริ่มออกทัวร์ต่างประเทศมากขึ้น จนเกิดเป็น The 1st Asia Tour “Super Show” ที่มีห้าโชว์ในเกาหลีใต้ สี่โชว์ในจีน และหนึ่งโชว์ในประเทศไทย การแสดงคอนเสิร์ตใหญ่ ก็ทำให้พวกเขาโด่งดังมากขึ้น แฟนคลับในไทยเพิ่มจำนวน บัตรขายหมดเกลี้ยง ถึงขนาดที่แฟนคลับไปนั่งรอที่เคาน์เตอร์ไทยทิกเก็ตก่อนเวลาเปิด เพื่อที่จะได้ซื้อก่อนใครและบัตรก็หมดลงอย่างรวดเร็ว โชว์ประสบความสำเร็จด้วยดี เสียงกรี๊ดกระหึ่มอิมแพ็คอารีนา เมืองทองธานีซิงเกิ้ล Sorry, Sorry ในปี พ.ศ. 2552 ก็ได้สร้างปรากฎการณ์ของซูเปอร์จูเนียร์ เพลงนี้ติดหูทันทีที่ได้ยินเนื้อร้องท่อนแรก แม้หลายคนจะฟังภาษาเกาหลีไม่ออก แต่คำว่า “ซอรี่ ซอรี่” ก็ยังติดหู ผสมกับท่าเต้นไม่เหมือนใครที่ได้รับการออกแบบจาก นิค แบส นักออกแบบท่าเต้นคนดังของโลก ก็ทำให้ซิงเกิ้ลนี้ ประสบความสำเร็จล้นหลาม ยอดวิวในเว็บไซต์ยูทูบทะลุล้านในเวลาไม่ถึงเดือน จนทำให้เพลงนี้ เป็นเหมือนไวรัส Sorry, Sorry ที่ได้แพร่ระบาดไปทั่วโลกจนผู้คนติดระงมไปพักหนึ่งในประเทศไทย เพลงนี้ถูกเปิดฟังและแชร์ไปตามโซเชียลมีเดียทั้งไฮไฟว์และเฟซบุ๊คจนบางคนอาจจะเอียนที่ได้ยินเพลงนี้บ่อย ๆ แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งความแรงของเพลงนี้ลงได้ ถึงขั้นที่แชนเนลวี ประเทศไทย จัดอันดับเพลงฮิตยอดนิยมห้าสิบอันดับ Sorry, Sorry เป็นเพลงอันดับหนึ่ง แถมยังได้รับรางวล Asian Popular Artist จากเวที Seed Award ของประเทศไทยท่าเต้นของเพลงนี้ ก่อให้หลายคนหัดเต้นทั้งคัฟเวอร์แบบจริงจังและทั้งแบบโชว์ตลกเพื่อความสนุกสนาน แต่นั่นก็กลับทำให้มีการแข่งขันเต้นคัฟเวอร์ในประเทศไทยเกิดขึ้น ซึ่งหนุ่มสาววัยรุ่นไทย ต่างพากันรวมกลุ่มซ้อมเต้นตามห้างและสถานที่สาธารณะ เปิดเพลงเคป๊อปส์ และฝึกฝนกันอย่างขะมักเขม้น เพื่อขึ้นเวทีแสดงลวดลายท่าเต้นกันความโด่งดังที่มาก แฟนคลับที่พร้อมใจกันสนับสนุน ผสมกับการที่พวกเขาได้ถูกตั้งเป็นทูตสานสัมพันธ์ นั่นทำให้สมาชิกของวงปรากฏตัวในสื่อไทยอยู่บ่อยครั้ง เช่น การมาถ่ายทำรายการในประเทศไทย การเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาของ เชว ซีวอน กับ อี ดงแฮ ที่ร่วมงานคู่กับสองสาวดูโอ้ โฟร์-มด แม้กระทั่งจักรยานยนต์ยามาฮ่าฟีโน่ ก็ยังเอาพวกเขาขึ้นเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับรุ่นที่ขายในประเทศไทย ซึ่งการขึ้นเป็นพรีเซนเตอร์รถจักรยานยนต์ในประเทศไทย ก็การันตีได้ว่า พวกเขาจะเป็นที่รู้จักไปทั่ประเทศ เพราะคนไทยส่วนใหญ่มีการซื้อรถจักรยานยนต์เป็นประจำ และภาพของพวกเขา จะต้องถูกโปรโมทไปตามศูนย์บริการทั่วประเทศ แม้กระทั่งในชนบทห่างไกล ก็ต้องเคยเห็นภาพโฆษณาของพวกเขา (คลิกที่นี่เพื่อชมโฆษณาจักรยานยนต์ยามาฮ่า)และในปี พ.ศ. 2553 หลังจากที่เป็นข่าวดังเมื่อ หานเกิง สมาชิกชาวจีนของวง ประกาศลาออกและกลับไปทำงานที่บ้านเกิด คังอินติดเกณฑ์ทหาร คิม คีบ็อมหันไปเอาดีด้านงานแสดง จนสมาชิกที่ออกโชว์ได้เหลือเพียงสิบคน แม้หลายฝ่ายจะกังลถึงความนิยมที่อาจจะลดลง ทางวงก็ยังปล่อยซิงเกิ้ล Bonamana ออกมา แม้จะไม่โด่งดังเท่าเพลง Sorry, Sorry และยอดขายยังไม่เทียบเท่า แต่ในสยามประเทศ เพลงนี้กลับติดอันดับหนึ่งในชาร์ตเพลงฮิตยอดนิยมห้าสิบอันดับของแชลเนลวี ประเทศไทย ถือเป็นปีที่สองที่พวกเขาทำได้ต่อเนื่อง มีการเต้นคัฟเวอร์ในกลุ่มวัยรุ่นขาแดนซ์และมีการนำไปใช้แข่งขันเต้นโชว์ในประเทศไทยมากมายยิ่งกว่านั้น กระแสเพลงเกาหลีใต้ที่แผ่ไปทั่วเอเชีย ยังส่งให้รายการเรียลลิตี้ค้นหาศิลปินชื่อดังอย่าง True Academy Fantasia ในปีนั้น ก็มีการนำโจทย์เพลงเกาหลีใต้ ไปใช้แข่งขัน เพลง Bonamana และเพลง Sorry, Sorry ก็ยังถูกนำไปใช้ร้องแข่งขันโดย ปอ อรรณพ ทองบริสุทธิ์ กับ บอส ธนบัตร งามกมลชัย ที่แม้จะถูกวิจารณ์ว่าร้องไม่ถูก สำเนียงไม่ได้ แต่สิ่งเหล่านี้ ก็เป็นการยืนยันว่าซูเปอร์จูเนียร์และเพลงจากเกาหลีใต้ มีอิทธิพลต่อวัยรุ่นชาวไทยเป็นอย่างสูงและความนิยมของซูเปอร์จูเนียร์ในประเทศไทย ก็พุ่งมาถึงจุดสูงสุด ในปี พ.ศ. 2555 ที่เป็นช่วงหลังวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ของประเทศ การจับจ่ายใช้สอยกลับมาอีกครั้ง คอนเสิร์ตของวงซูเปอร์จูเนียร์กลับมาแสดงโชว์ในประเทศไทยในนาม Super Show 4 และจัดให้ถึงสามรอบการแสดงในวันที่ 16, 17 และ 18 มีนาคม ที่มีผู้เข้าชมกว่าสี่หมื่นคน อัลบั้มเต็มชุดต่อมา Sexy, Free & Single ก็ทำยอดขายได้ดีเยี่ยม ติดชาร์ตอันดับหนึ่งมากมายแต่ธรรมชาติของความสำเร็จที่ขึ้นไปสู่จุดสูงสุด ก็เป็นธรรมดาที่ย่อมจะมีการตกลงมา ในช่วงปี พ.ศ. 2556 กระแสเพลงญี่ปุ่นและความนิยมการฟังเพลงไทยเข้ามาแทนที่ สื่อบันเทิงของเกาหลีใต้ที่มีมาก ทำให้มาถึงจุดเฟ้อ ผสมกับช่องทางการเลือกชมที่มากมาย ทั้งรายการออนไลน์ทางยูทูบ ทีวีที่มีมากช่อง สื่อออนไลน์เข้ามามีบทบาท ทำให้สื่อบันเทิงของเกาหลีใต้เริ่มถูกเบียดออก ผสมกับวงญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ที่เกิดขึ้นใหม่ ซูเปอร์จูเนียร์และวงอื่น ๆ ก็เริ่มหลุดออกจากกระแสหลักไป แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความนิยมของลดลงแต่อย่างใด เหลือไว้แต่แฟนคลับที่ชื่นชอบตัวศิลปิน ที่ยังคอยผลักดันและติดตามผลงานตลอด แม้สมาชิกอย่างคังอินจะต้องออกไปเกณฑ์ทหาร ซ็องมินไปแต่งงานที่เสี่ยงต่อการถูกลดความนิยมลง ชื่อของซูเปอร์จูเนียร์ กลับไม่ได้หายไป ผลงานยังคงถูกปล่อยออกมา เพียงแต่ในประเทศไทย ไม่ได้เปรี้ยงปร้างเหมือนในอดีตที่มีแฟนคลับล้นหลาม จนชื่อของพวกเขาเหมือนหายไปจากหน้าสื่อในประเทศไทย โดยมีสมาชิกอย่างซีวอน ที่ยังคงมาออกงานในประเทศเป็นระยะและในวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2561 ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนิเซีย ซูเปอร์จูเนียร์ ได้ปรากฏตัวและแสดงโชว์ในพิธีปิดมหกรรมกีฬาเอเชียนเกมส์ ที่สร้างความฮือฮาให้เหล่าแฟนเพลงชาวเอเชียที่ชื่นชอบได้รับชมท่าเต้นและฟังเพลงจากพวกเขาอีกครั้ง เป็นการบอกว่าพวกเขายังคงอยู่และรอมอบความสุขให้แฟนเพลงเสมอ (คลิกที่นี่เพื่อรับชมวิดีโอ)ปัจจุบันวงเกิร์ลกรุ๊ปบอยแบนด์ถือกำเนิดขึ้นมากมาย และมีให้เลือกฟังกันจนแทบไม่หมดในทุกช่องทาง แต่ถือว่าครั้งหนึ่งก็มีวงชายล้วนจากเกาหลีใต้ ได้สร้างปรากฎการณ์ที่ส่งอิทธิพลผลต่อคนในช่วงเวลานั้นไปพักใหญ่ ๆ แม้ ซูเปอร์จูเนียร์ จะเริ่มเข้าสู่วัยซีเนียร์แล้วก็ตาม ผลงานของพวกเขา ก็ยังคงอยู่และเป็นบ่งบอกว่า ครั้งหนึ่งที่พวกเขาได้สร้างความสุขและแรงบันดาลใจไว้มากมายขอบคุณภาพจากSM Town OfficialFacebook: Super Junior