รีเซต

รีวิวหนัง “Psycho-Pass Providence” ฉลอง 10 ปี แบบจัดเต็ม บู๊เดือด แอนิเมชันเด็ด

รีวิวหนัง “Psycho-Pass Providence” ฉลอง 10 ปี แบบจัดเต็ม บู๊เดือด แอนิเมชันเด็ด
CreateHatari
20 กันยายน 2566 ( 16:00 )
1.3K

คงต้องบอกว่าสมการรอคอยจริง ๆ สำหรับภาพยนตร์อนิเมะ “Psycho-Pass Providence” (ไซโค-พาส โพรวิเดนซ์) จากอนิเมะแอ็คชัน ไซไฟ สู่การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ฉลองครบรอบ 10 ปี ที่จัดหนักจัดเต็มไปด้วยคุณภาพทั้งด้านเนื้อหา และโปรดักชัน พร้อมด้วยผู้กำกับคนเดิม "นาโอโยชิ ชิโอตานิ" ที่มาเล่าเรื่องราวผ่านการใช้ระบบ AI และมนุษย์ที่ต้องอยู่ร่วมกันในอนาคต อันเป็นบ่อเกิดของเหตุการณ์ลึกลับซับซ้อนที่รอคุณมาคลี่คลายไปพร้อม ๆ กัน บอกเลยว่างานนี้แอ็คชันสนั่นดุเดือดเมามันเกินคาด!

“Psycho-Pass Providence” เล่าเนื้อหาผ่านช่วงเดือนมกราคม ปี 2118 อากาเนะ สึเนะโมริ เธอได้รับรายงานว่าเกิดเหตุขึ้นบนเรือโดยสารต่างชาติ โดยมีการค้นพบร่างของศาสตราจารย์มิลิเชีย สตรอนสกายา ซึ่งผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้คือกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า พีซเบรกเกอร์ส เป็นกองกำลังกึ่งทหารต่างชาติและภัยคุกคามใหม่จากภายนอก พวกเขาหมายตางานวิจัยของศาสตราจารย์ ที่คนรู้จักกันในนามของ “เอกสารสตรอนสกายา” สู่การไขคดีที่ลุกลามใหญ่โตเกินกว่าที่พวกเขาจะคาดคิดเอาไว้

เปิดฉากแอ็คชันสร้างความน่าติดตามกับสถานการณ์อันดุเดือด ด้วยการเกิดเหตุไม่คาดคิดกับศาสตราจารย์มิลิเชีย อันเป็นบ่อเกิดแห่งปัญหาที่มาร้อยเรียงเรื่องราวการสืบสวนสอบสวนในลำดับต่อไป โดยมีการเปิดเผยตัวละครหลักออกมาในช่วงแรกแบบเกือบครบถ้วน ให้เราได้สัมผัสกับคาแรคเตอร์ของแต่ละตัวละครก่อนเข้าสู่เนื้อหาเข้มข้นมากยิ่งขึ้น

สำหรับการเล่าเนื้อหาค่อนข้างไต่ระดับอารมณ์ มีการวางชั้นเชิงของทั้งตัวบทและตัวละคร ตั้งแต่การเริ่มสืบสวนสอบสวนจนเกิดความสงสัยกับบางตัวละคร และค่อย ๆ ย้อนเข้าสู่ลู่ทางปมปัญหาของตัวละคร และเอกสารสตรอนสกายาที่มาของการแย่งชิงในครั้งนี้ เพราะมันส่งผลต่อระบบซีบิล

โดยหากมีความกังวลว่าไม่เคยดูฉบับอนิเมะมาก่อน จะเข้าใจเนื้อหาการดำเนินเรื่องครั้งนี้ไหม เรามองว่าเข้าใจเกือบทั้งหมดเลยนะ แต่ปูมหลังของตัวละคร และการย้อนความเป็นมาของระบบซีบิลที่ใช้กันในเรื่อง จะไม่ได้มีย้อนฉากให้เราได้รื้อฟื้นหรือรับพื้นฐานของระบบเท่าไรนัก แต่แกนหลักในครั้งนี้เล่าออกมาได้ดีเลยทีเดียว 

ในระหว่างการสืบสวนสอบสวนเหตุที่เกิดขึ้น ตัวบทจะมีการสลับฉากและพาร์ทของตัวละครแต่ละฝั่งให้เราได้เห็นถึงความเป็นไปในสิ่งที่เขากระทำ ร่วมด้วยฉากดราม่าปวดตับ กับแอ็คชันมัน ๆ และสอดแทรกการใช้กฎหมายผดุงความยุติธรรม อีกทั้งตัวพล็อตที่มีความไซ-ไฟ ล้ำยุคด้วยการใช้ระบบ AI ในอนาคต มีความแปลกใหม่อยู่พอสมควรสำหรับตัวอนิเมะ

ถึงแม้การเล่าเรื่องทำให้น่าติดตามว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นต่อ ผลของการกระทำจะเป็นเช่นไร ทว่าในบางฉากกลับทำให้เนื้อหามีความไม่กระชับไปสักหน่อยด้วยบทสนทนาก็ดี หรือความสัมพันธ์ของตัวละครก็ตาม พอไม่ใช่เนื้อหาช่วงสืบสวนสอบสวน หรือฉษกแอ็คชันก็แอบชวนหาวไปนิด ๆ และเมื่อบิดกลับมาตาก็ตื่นขึ้นอีกครั้ง

สำหรับการกลับมาในรอบ 10 ปีของอนิเมะเรื่องนี้ คือชวนติดตามเป็นอย่างมาก นอกจากพล็อตและการดำเนินเรื่องแล้ว โปรดักชันก็ดีเช่นเดียวกัน เป็นจุดที่เราชื่นชมได้อย่างเต็มปาก เพราะโปรดักชันคุณภาพมาก ฉากเปิดบนเรือท่ามกลางสายฝนและคลื่นซัดกระหน่ำ พร้อมการต่อสู้แอ็กชันของตัวละครที่เกริ่นขึ้นมา กลิ่นอายความเข้มข้นสามารถดึงดูดได้ตั้งแต่ต้นเรื่อง พร้อมด้วยมุมภาพเอย การตัดต่อ การเคลื่อนไหวแอนิเมชัน ลื่นไหลอย่างลงตัว

อีกทั้งการเก็บรายละเอียดตามฉาก และการเคลื่อนไหว เรารู้สึกว่าค่อนข้างให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็กน้อย อย่างฉากการขับรถบนถนน สองข้างทางหลังกระจกมีการเคลื่อนไหวผ่านไปเรื่อย ๆ หรือฉากฝนตก หิมะโปรยปรายก็หล่นลงมาเป็นสายอย่างสวยงาม ยิ่งฉากแอ็คชันคือมันระเบิด อาจมีจุดที่รู้สึกว่าไม่สมูทในการปะทะกันบ้าง แต่ก็ไม่ได้ตัดอรรถรสในการต่อสู้เลย

พร้อมด้วยมูดแอนด์โทนของเรื่องควบคุมให้เป็นไปในทางเดียวกัน การเกลี่ยสีที่มีความหม่น ขาว เทา ดำ ฟุ้ง ๆ ไปในฉากต่าง ๆ ทั้งบน เรือ ห้องควบคุม เมืองและอาคารสถานที่ มีความกลมกล่อมในมูดเดียวกัน แต่ใช่ว่าจะมูดเดียวทั้งเรื่อง ยังมีฉากที่เข้ามาด้วยการตัดกับโทนสว่างบ้างให้ไม่อึมครึมจนเกินไป

ด้านเสียงประกอบ ยังคงอยู่ในมาตรฐานระดับโอเค เสียงดนตรีประกอบแต่ละฉากมีการเลือกใส่เข้ามาตามอารมณ์ของฉากนั้น ๆ และเสริมอรรถรสให้มีความรู้สึกร่วมมากขึ้น ฝั่งเสียงพากย์ต้นฉบับ คุณภาพการถ่ายทอดเสียงดึงอารมณ์ออกมาได้จริง ๆ แต่อาจจะมีบางตัวละครที่ไม่ได้เป็นแกนหลัก พากย์ออกมาแล้วไม่ทำให้เรารู้สึกมีอารมณ์สัมผัสถึงความรู้สึกตัวละครนั้นเท่าไรนัก

นับว่าเป็นภาพยนตร์อนิเมะอีกหนึ่งเรื่องที่สร้างความตื่นเต้น ลุ้นไปกับสถานการณ์ที่มีการพลิกแพลงของตัวละครอย่างมีชั้นเชิง แม้เนื้อหาจะจัดหนักเต็ม 2 ชั่วโมงก็ตาม แต่มีการไต่ระดับอารมณ์และการดำเนินเรื่องที่น่าติดตาม อาจมีช่วงไม่กระชับบ้างแต่ก็ถือว่าเป็นการลงรายละเอียดให้กับตัวละครเพิ่มมากขึ้น หากใครกังวงว่าไม่เคยดูอนิเมะจะเข้าใจเนื้อหาหรือไม่? คำตอบคือเข้าใจ แต่อาจจะไม่รู้ปูมหลังของตัวละคร และระบบเทคโนโลยีซีบิลที่เป็นแกนหลักเท่าไร พ่วงมาด้วนด้วยงานโปรดักชันดีสนั่น สะท้านพื้นที่จริง ๆ ทั้งการเก็บรายละเอียด การเคลื่อนไหว การตัดต่อลื่นไหลเลยทีเดียว และแน่นอนว่าความไซ-ไฟ สืบสวนสอบสวนชวนลุ้นตั้งแต่ต้นจนจบ

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง: Psycho-Pass Providence

  • ประเภท: แอ็คชัน, ลึกลับ, ไซ-ไฟ, สืบสวนสอบสวน
  • ผู้กำกับ: นาโอโยชิ ชิโอตานิ
  • ให้เสียงพากย์ญี่ปุ่นโดย: คานะ ฮานาซากิ, โทโมกาซุ เซกิ, เค็นจิ โนจิมะ, ชิซูกะ อิโต
  • ความยาว: 120 นาที
  • กำหนดฉายในไทย: 21 กันยายน 2023

Movie.TrueID METRIC: Psycho-Pass Providence

  • ภาพรวม
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰ (9/10)
  • การเล่าเรื่อง
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8/10)
  • การให้เสียงพากย์
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰ (9/10)
  • เทคนิคงานสร้าง
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰ (9/10)
  • บทภาพยนตร์
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰ (9/10)

 

 

-------------------------------------

>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa