“เจี๊ยบ กนกพร” เล่าอดีตทำงานหนัก โดนเอาเปรียบ พ่อเสียยังไม่ได้ดูใจ
“เจี๊ยบ กนกพร” เล่าอดีตทำงานหนัก โดนเอาเปรียบ พ่อเสียยังไม่ได้ดูใจ
ถูกแฟนๆ พูดถึงอีกครั้ง สำหรับ “เจี๊ยบ กนกพร” อดีตนักร้องลูกทุ่งชื่อดังเจ้าของเพลงฮิตมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ขอบคุณหมอชิต, โชคดีปีใหม่, ดีใจได้กลับบ้าน ฯลฯ โดยล่าสุด ถ้าย้อนกลับไป ก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้ไปรักษาตัวด้วยอาการป่วยเป็นมะเร็งเต้านม ระยะที่ 3 จนต้องโกนผมทิ้ง และต้องดูแลคุณแม่ที่มีอายุมากกว่า 90 ปี ที่ป่วยเป็นมะเร็งเช่นเดียวกัน
และออกจากวงการบันเทิงหันเหชีวิตไปทำงานที่บ้านเกิด จ.อุบลราชธานี เป็นแม่ค้าออนไลน์ ไลฟ์สดขายสารพัดสินค้าตั้งแต่เสื้อผ้า อาหาร ครีมบำรุง ไปจนถึงผ้าซิ่น ล่าสุดเรียกว่าชีวิตพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว เพราะอาการป่วยมะเร็งตอนนี้ก็รักษาจนหายแล้ว แถมยังถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 16 สิงหาคม 2566 แต่ที่หลายคนอยากรู้ก็คือจู่ๆ ทำไมถึงออกจากวงการบันเทิงไปทั้งๆ ที่ยังโด่งดังอยู่ ล่าสุดอดีตนักร้องดังได้ออกมาเปิดใจกับห้องข่าวบันเทิงว่า
มันมีความเหนื่อยล้า ทุกคนจะรู้ดีคนในอยากออกคนนอกอยากเข้า ถึงจุดนึงอยากกลับไปอยู่บ้านแล้วเราเหนื่อยกับคน เหนื่อยกับนั่นแหละ บางทีเราหาได้เท่านี้แล้วเหลือถึงเราเท่านี้ สมมุติว่าเราไปงานนึงเราได้ 5 หมื่น พอโน้นนี้นั่นมันเหลือเราที่ 5000 พอหลายๆ ครั้งเราก็เลยเหนื่อย ท้อ ไปอยู่บ้านดีกว่า อันนี้ยกตัวอย่าง ง่ายๆ ก็เอาเปรียบนั่นแหละ กินระยะเวลานานเราเป็นเด็กบ้านนอก การศึกษาน้อย เรามาอยู่เมืองใหญ่ก็เกรงใจ กลัว เราเลยทำตามทุกอย่าง พอไปอยู่บ้านเราทำด้วยตัวเองก็รู้สึกมีความสุขว่าไม่มีคนมาแบ่งกับเรา
คือตอนที่เราเป็นศิลปินเราเดินทางตลอด เราแทบจะไม่ได้กลับมาหาพ่อแม่ จนพ่อเสียยังไม่มีโอกาสได้ดูใจเลย 2-3 ปีกลับบ้านครั้งนึง พ่อแม่เรานอยด์คิดถึงเรา เค้าเศร้า ป่วยทางใจ ถือเป็นตราบาปเราเลยให้แต่เงิน เงินก็ไม่ได้เยอะ ถ้าเปรียบกับเราทำงานจริงๆ ต้องมีหลายร้อยล้านแล้ว เราใส่ชุดแพงมากแต่เงินติดกระเป๋าแค่ 50 บาทก็มี มันเป็นแบบนั้นมันอยู่ข้างในไม่สามารถจะพูดอธิบายได้ แต่เชื่อว่าคนในวงการจะเข้าใจ ร้องไห้ทุกวันเพราะไม่สามารถดูแลครอบครัวได้ทั้งๆ ที่เรามีชื่อเสียง มันเป็นภาพแต่ความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ บั้นปลายชีวิตขออยู่กับครอบครัว อยู่แบบเมาะๆ แมะๆ แบบพอเพียง มีเงินใช้ไปวันๆ ก็พอ แฮปปี้มากเป็นตัวของเราอยากจะทำอะไร อยากจะกินอะไรก็ได้ ไม่มีใครมาบังคับเรา ไม่มีใครมาแบ่งเปอร์เซ็น