รีวิวหนัง "คุณชายน์ The Cliche" ถึงจะตลบอบอวลแบบ 4EVE the Movie แต่ก็ปิดปีที่ดีจึ้ง!

ได้เวลาปี 2567 กับหนังไทยเรื่องสุดท้ายที่จะมาส่งท้ายความสุขแบบเหนือความคาดหมายกันไม่เบากับ "คุณชายน์ The Cliche" ผลงานหนังเรื่องใหม่จากค่ายน้องใหม่ไฟแรงในปีนี้ อย่าง คาร์แมนไลน์ กับ จังก้า สตูดิโอ ใต้ชายคาของเวิร์คพอยท์ที่เราคุ้นเคยกันดี ที่งานนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นการกลับมาแก้มือและแก้เกมได้อีกครั้ง เพราะถือว่าได้วัตถุดิบชั้นดีมารังสรรค์ จากละครเวทีไทย ๆ ระดับตำนานกลายมาเป็นหนังจอใหญ่..สุดจึ้ง!

เรื่องราวของ ชู้ต ชายหนุ่มปากดี ผู้เกลียดเรื่องราวที่เอาแต่ให้ความหวังเกินจริงแบบในละคร วันหนึ่งชู้ตกลับต้องเข้าไปเป็นผู้กำกับละครให้กับ 'เฮียวิทิต' เจ้าของบริษัทผลิตละครในแบบที่ชู้ตเกลียด ชู้ตได้รับความช่วยเหลือจาก น้ำ แฟนสาวที่เป็นเจ้าของร้านทำผมและยังรักการดูละครเป็นชีวิตจิตใจ น้ำเข้ามาช่วยชู้ตทำละครให้ออกมาถูกใจเฮียวิทิตให้ได้ โดยที่มี โจ๊ก เพื่อนรุ่นพี่ที่เคารพ เข้ามาทำให้ความตั้งใจของชู้ตสั่นคลอน การเข้าไปสู่โลกการทำละครในครั้งนี้ ชู้ตเริ่มได้พบว่าในชีวิตจริงมันก็มีสิ่งที่เกินจริงยิ่งไปกว่าละครที่เขาไม่ชอบเสียอีก

คุณชายน์ The Cliche เป็นผลงานที่ฝากฝังเอาไว้ในมือของศิลปินหนุ่มมากฝีมือ "ชัช-ชัชวาล วิศวบำรุงชัย" ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักสร้างคอนเทนท์ตัวจริง เพราะเขาผ่านงานสร้างมาทุกประเภท ไม้ว่าจะเป็น ซีรีส์, ละคร, รายการโชว์ หรือ ผลงานเพลงจากวง 7thScene ล่าสุดก็ได้กลับมาจับงานสร้างหนังอีกครั้งในรอบทศวรรษกับผลงานชิ้นนี้ และถือว่าได้วัตถุดิบอันล้ำค่ามากระทำการดัดแปลงสร้างครั้งสำคัญ ด้วยการหยิบบทประพันธ์ละครเวทีคณะสถาปัตย์ฯ จุฬาลงกรณ์ฯ ในตำนาน อย่าง ปริศนา มาเรียบเรียงเป็นบทหนัง

• "คุณชายน์ The Cliche" มีฉากเครดิตแปะเอาไว้ตอนท้ายเรื่องด้วยหรือ?

สำหรับละครเวที ปริศนา ทำงานแสดงครั้งแรกที่ย้อนกลับไปเมื่อราว ๆ 20 ปีก่อน จากนั้นก็นำมาปัดฝุ่นใหม้ โดยบริษัท โต๊ะกลม มาปั้นเป็นโชว์ที่ชื่อว่า ชายกลาง โศกนาฏกรรมในจังหวะแทงโก้ กลายเป็นหนึ่งในละครเวทีไทยที่ประสบความสำเร็จด้วยดี จากนั้นเมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว ก็กลับมาแสดงใหม่อีกรอบในฉบับร้องรำทำเพลงด้วยใน ชายกลาง เดอะมิวสิคัล ที่ก็ยังเป็นละครเวทีที่ปังอีกเช่นเคย แล้วเมื่อหยิบนำมาขึ้นจอใหญ่ครั้งนี้ เท่า ๆ ที่เห็นในเครดิตรายชื่อผู้สร้าง เห็นว่ามีทีมเขียนบทไม่ต่ำกว่า 5 คน ผนึกกำลังกันปลุกปั้นบทหนังเรื่องนี้

และเพราะด้วยความที่บทประพันธ์ต้นฉบับเป็นละครที่เต็มล้นไปด้วยมิติและมุมมองเสียดสีกระทบกระทั่งวงการละครที่ดีงามอยู่แล้ว เมื่อชูขึ้นมาเป็นฉบับแอคติ้งผ่านการแสดงหน้ากล้อง จึงไม่ใช่ปัญหาใด ๆ เลย เพราะนี่คือการตีแผ่เนื้อหาเกี่ยวกับวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของละครน้ำเน่าไทยโดยแท้ ที่แพรวพราวไปด้วยลูกเล่น ร่วมด้วยมุกแบบหยิกแกมหยอกมากมาย อีกทั้งฉบับหนังใหญ่ยังค่อนข้างเคารพต้นฉบับเป็นอย่างดี โปรยกลิ่นอายความเป็นสเตจและมิวสิคัลเอาไว้อย่างเหมาะเจาะกำลังพอดีด้วย

ในงานโปรดักชันงานสร้างนั้น ต้องยอมรับว่า คุณชายน์ The Cliche มอบผลลัพธ์ให้แบบว่าดีเกินกว่าที่คิดเอาไว้ไม่น้อย ถึงแม้ว่ามันจะเป็นหนังที่มาเพื่อจิกกัดสอดเสียดละครไทยน้ำเน่าก็ตาม แต่การเซ็ตฉากและมุมกล้องถือว่าทำได้น่าประทับใจ โดยเฉพาะการออกแบบบล็อกกิ้งและไดอะล็อกต่าง ๆ ที่เป็นเหมือนละครซ้อนละคร แต่สร้างถ่ายทอดออกมาได้ลื่นไหลเป็นธรรมชาติ และกลมกล่อมไปได้ด้วยดีตลอดทั้งเรื่อง ซ้ำยังน่าประทับใจที่นาน ๆ ทีจะได้เห็นคอนเทนท์กลิ่นมิวสิคัลอยู่ในหนังไทยสักที

กับอีกไฮไลต์ที่โดดเด่นของ คุณชายน์ The Cliche ก็คงจะหนีไม่พ้นแคสติ้งนักแสดง ที่ในเวอร์ชันนี้ยังคงได้ "จ๋าย อิชณน์กร" กลับมารับบทเดิมของเขาที่เคยเล่นเอาไว้ในฉบับละครเวทีมิวสิคัล เมื่อปี 2562 ที่แน่นอนว่าเขาโฟลว์กับบทนี้เป็นอย่างดี และประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นในฐานะนักแสดงของเขา ก็ช่วยต่อเติมมิติให้กับคาแรกเตอร์นี้ได้หนักแน่นยิ่งขึ้นไปด้วยเช่นเดียวกัน

"มายด์ อาทิตยา" ที่ถือว่าเป็นการแสดงหนังแบบเต็ม ๆ ตัวเป็นเรื่องแรกของเธอ แต่กลายเป็นผลงานเดบิวต์จอใหญ่ที่น่าหลงใหลและดีกว่าที่คิดเอาไว้เลยทีเดียว การแสดงของเธอที่อาจจะยังไม่ได้สมบูรณ์แบบที่สุด แต่กลับลื่นไหลไปกับคาแรกเตอร์นี้ได้อย่างเหมาะเจาะ พาคนดูหลงเสน่ห์ของเธอไปเป็นอย่างดี ถึงจะค่อนข้างดีไซน์ตัวละครนี้ออกมาแบบซ้ำ ๆ ซาก ๆ เห็นได้ทั่วไปตามหน้าจอละครไทยก็ตามที

แล้วกลายเป็นว่า คุณชายน์ The Cliche เกือบจะมีชื่อต่อท้ายเป็น 4EVE the Movie ไปเสียแล้ว เพราะสาว ๆ 4EVE ได้มาวาดลวดลายร่วททำการแสดงกันทั้งวง ทีแรกอาจจะรู้สึกหวั่น ๆ ที่เอานักร้องไอดอลมาแสดงประดับประดาในหนังเรียกแฟนคลับเฉย ๆ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาถือว่าพวกเธอกระทำการแสดงละครได้ดีกว่าที่คิดเอาไว้เยอะ โดยเฉพาะ "แฮนนา โรสเซ็นบรูม" ที่ใส่เต็มแบบจัดจ้าน ผู้จัดต้องมอบโอกาสให้เธอได้โชว์ฝีมือเต็ม ๆ สักเรื่องได้แล้วนะ

ขณะที่นักแสดงสมทบคนอื่น ๆ ก็เป็นส่วนเสริมกำลังที่เหมาะเจาะพอดี ไม่ว่าจะเป็น "ดู๋ สัญญา" ที่ปีนี้เขาทำงานหนักมาก มีผลงานแสดงแทบจะทุกเดือน และก็สามารถใช้ประสบการณ์ความเป็นมืออาชีพรับมือกับบทนี้ได้สบาย ๆ เช่นเดียวกับ "จั๊มพ์ พิสิฐพล" ที่ยังโปรยเสน่ห์ได้ดี ไม่จม ไม่หาย แม้ว่านักแสดงจะล้นทะลักจอ และยังมี "ตั๊ก บริบูรณ์" กับ "ต๊งเหน่ง รัดเกล้า" ที่ถึงจะมีซีนออกมาน้อย แต่ก็ขโมยซีนได้ทุก ๆ อินเนอร์ที่พวกเขาปรากฏตัวออกมา

คุณชายน์ The Cliche อาจจะยังไม่ใช่หนังไทยในระดับที่ดีเลิศเพอร์เฟคในทุก ๆ องค์ประกอบอะไรขนาดนั้น แต่ต้องยอมรับว่าหนังหยิบเอาละครเวทีมาสร้างเป็นหนังออกมาได้ในระดับที่น่าพึงพอใจกว่าที่คิดเอาไว้ และหนังก็เต็มไปด้วยความคลีเช่ หรือ ความซ้ำซากจำเจ แบบละครไทยอยู่เต็มไปหมด ที่ก็นับว่าเป็นยิงประเด็นที่ตรงไปตรงมาเป็นอย่างดี นับว่าเป็นความซื่อสัตย์ในเจตนารมณ์ของคอนเซ็ปต์ที่ท้ายที่สุดก็กลายเป็นงานสร้างที่ออกมาค่อนข้างทำถึงได้ไม่เบาเลย

ไม่เพียงเท่านั้น คุณชายน์ The Cliche ยังมาพร้อมกับการสอดแทรกประเด็นและแง่คิดเบา ๆ กับการเชิดชูคนทำงานเบื้องหลังและวงการละครไทย เพราะยังไงละครไทยก็ยังคงเอกลักษณ์ความน้ำเน่าอยู่ต่อไป แม้ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนผ่าน การพัฒนาคอนเทนท์ใหม่ ๆ จะเริ่มมากลบกลิ่นเดิม ๆ ไป แต่หนังก็สะท้อนให้เห็นว่านี่คือศาสตร์ที่ยังมีลมหายใจอยู่ในแง่การสร้างความบันเทิงรูปแบบหนึ่งที่อยู่ครัวเรือนไทยมาอย่างยาวนานแล้ว

อาจจะบอกได้ว่า คุณชายน์ The Cliche เป็นหนังที่มารับหน้าที่ปิดจ็อบส่งท้ายปีนี้ ที่ค่อนข้างทำให้รู้สึกอิ่มเอมใจแบบชอบกล นี่คือหนังไทยที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แพรวพราวและจังหวะการทำหนังที่ออกมาได้สนุกในทุก ๆ มิติ เป็นการดัดแปลงรีเมคของเขาที่ให้ความเคารพต้นฉบับอย่างให้เกียรติ รวมทั้งยังสะท้อนถึงวงการละครไทยที่ใครอาจจะมองว่าไม่พัฒนา แต่ก็เพราะความน้ำเน่าแบบนี้นี่แหละ...เรียกว่าคือเสน่ห์ของความเป็นละครไทย