Series Review Okura: Cold Case Investigation (2024) ทีมล่าอาชญากรคดีที่ถูกลืม งานสืบสวนสุดเข้มข้นสไตล์ญี่ปุ่นที่ลุ้นระทึกเร้าใจในทุกตอนก่อนพัฒนาไปสู่เรื่องใหญ่ได้เนียนกับความพลิกผันหักมุมไปมาจนหยดสุดท้าย รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! ถ้าจะว่าด้วยซีรีส์ญี่ปุ่นที่ผู้เขียนชอบดูไม่น้อยไปกว่าเกาหลีแม้จะต่างกันอยู่ไม่น้อยที่หลายคนอาจชอบต่างกันคือบางคนชอบญี่ปุ่นบางคนชอบเกาหลีที่มักมีการเปรียบเทียบ แต่ผู้เขียนเองชอบดูจากทั้งสองที่คือแต่ละที่ก็มีดีที่คงไม่สาธยายมากเพราะถ้าเป็นคนที่ติดตามอ่านงานเขียนของดูไปบ่นไปมานานก็จะรู้เพราะเคยเขียนบ่อยๆ ที่ผู้เขียนจะบอกคือช่วงนี้ซีรีส์ญี่ปุ่นเริ่มไม่น้อยหน้าเกาหลีแล้วเรื่องปริมาณงานที่ลงจอให้เลือกดูที่เมื่อก่อนจะเป็นซีรีส์ที่อวสานจากบ้านเขาแล้วค่อยมาลงสตรีมเช่นเดียวกับทางเกาหลี จนเดี๋ยวนี้มีการเอาซีรีส์ที่ออกอากาศสดมาลงสตรีมแล้วที่ทางเกาหลีเริ่มมาก่อนด้วยความหลากหลายแล้วระยะหลังญี่ปุ่นก็มาสร้างความลำบากในการติดตามดูยิ่งนัก เพราะขึ้นชื่อว่าชอบแล้วมันก็อยากดูไปหมดแต่เวลาไม่ค่อยมีเกาหลีก็น่าดูญี่ปุ่นก็น่าสนใจไหนจะมีอินเดียหรือไต้หวันโผล่มาแจมอีก อย่างเรื่องนี้สารภาพเลยว่าผู้เขียนดูออกอากาศสดได้ครึ่งเรื่องก่อนที่เวลาจะบังคับให้พักไว้จนกว่าจะดูจบก็ล่วงเลยมาสักพักแต่ก็ไม่เป็นไรเพราะยังคุ้มค่ากับการบอกต่ออยู่ดี ฟูวะ โทชิกิ (โยซึเกะ ซึกิโนะ) สายสืบหนุ่มอนาคตไกลต้องกลายมาเป็นหนึ่งในทีมตำรวจ Okura ที่ว่ากันว่าเป็นสุสานสายสืบที่ทำงานรอวันเกษียณโดยมีหน้าที่กรอกข้อมูลคดีเข้าระบบ แต่ตำรวจหนุ่มอย่างเขายังไฟแรงเกินกว่าจะมาจมปลักอยู่ชั้นไต้ดินจนวันหนึ่งสายสืบเซ็นจู ฮิดากะ (ทาคาชิ โซริมาจิ) ได้เบาะแสของคดีเก่าเก็บที่ทางตำรวจนครบาลปิดไม่ลงมาแล้วเขาก็สามารถจับคนร้ายที่ลอยนวลได้ ทว่าการที่สายสืบเซ็นจูได้เบาะแสหลักฐานมาจากการปลอมแปลงหลักฐานโดยมีตำรวจฝ่ายนิติเวชอิบูเสะ ชู (อาริสะ มิสึกิ) ให้ความร่วมมือ แน่นอนตำรวจน้องใหม่ไฟแรงในทีมรับไม่ได้กับการปลอมแปลงหลักฐานแต่นั่นกลับสามารถทำให้จับผู้ร้ายตัวจริงได้คดีแล้วคดีเล่าแถมยังเป็นคดีที่เกี่ยวพันกับสมาชิกในทีม Okura สายสืบฟูวะจึงต้องเลือกระหว่างความยุติธรรมที่ชอบธรรมในแบบของเขาหรือความยุติธรรมที่ช่วยเยียวยาเหยื่อในคดีแต่บิดเบี้ยวในแบบของสายสืบเซ็นจู สุดท้ายเมื่อต้านทานไม่ได้ฟูวะก็จำต้องเข้าร่วมเพื่อที่จะพากันสืบไปหาเรื่องใหญ่ที่พวกเขาอาจไม่คาดคิด เล่าเรื่องตอนย่อยเป็นโครงข่ายเพื่อพัฒนาไปสู่เรื่องใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังได้เนียนแต่น่าเสียดายที่ปิดท้ายปลายเปิดไปหน่อย จะว่าไปการเล่าเรื่องแบบนี้ก็เป็นวิธีการที่ญี่ปุ่นใช้เสมอมาและทำได้ดีคือเล่าแบบมังงะจบเป็นตอนในเรื่องย่อยเพื่อขยายผลสู่เรื่องใหญ่ แล้วเมื่อนี่คือเรื่องของทีมตำรวจที่ถูกลืมฝังในซอกหลืบของกรมตำรวจสมาชิกทุกคนในทีมจึงมีเรื่องเล่าหรือคดีที่ปิดไม่ลงที่ส่งผลกับตัวเอง แล้วที่น่าสนใจคือครึ่งแรกเหมือนไม่มีอะไรเกี่ยวกันคือเหมือนว่าจะเคลียร์ทีละคดีเคลียร์ปมในใจให้สมาชิกทีละคนแต่เมื่อเข้าครึ่งหลังกลับขยายผลได้เนียน เพราะความน่าสงสัยในตัวละครที่มักจะเป็นแบบนี้ในงานญี่ปุ่นคือเปิดนิดปิดหน่อยน่าสงสัยไปสุดแล้วเมื่อถึงเวลาก็ขยายความได้อย่างเห็นผล แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือเรื่องใหญ่ที่ซ้อนอยู่ข้างหลังมันแข็งแรงจริงมีพัฒนาการมาจากความสงสัยจริงแต่เนื้อในเหมือนไม่ได้ปู จนถึงเวลาเลยกลายเป็นหาทางลงสวยๆแต่ง่ายเพราะเวลาหมดแล้วและตัวละครที่ใส่มาก็เหมือนจับยัดแถมยังปล่อยปลายไว้อย่างนั้นจนคิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าทำไม การผูกมัดเรื่องเล็กเข้ากับเรื่องใหญ่ได้ดีทำให้มีความเข้มข้นสนุกตื่นเต้นเร้าใจในตอนสั้นก่อนพลิกผันสุดคาดเดากับเรื่องใหญ่ เมื่อเล่าเรื่องเล็กที่เกี่ยวพันกับปมในใจที่ทำให้สายสืบที่มีศักยภาพต้องแปรสภาพเป็นเช้าชามเย็นชามในหน่วย Okura ระยะสั้นการเคลียร์คดีเคลียร์ใจจึงได้ลุ้นได้ตื่นเต้น แล้วเมื่อปมเล็กปมน้อยมาสัมผัสกันเมื่อถึงเวลาอันควรก็เดินหน้าไปสู่เรื่องใหญ่ได้อย่างเร็วแรงไม่เกรงใจใครเพราะเล่นใหญ่ถึงระดับองค์กรจนกลายเป็นความสงสัยความลุ้นทะลุขีดจำกัด แล้วสิ่งที่ตามมาที่ผู้เขียนยังคิดว่าญี่ปุ่นทำได้ดีเสมอคือการสร้างตัวละครที่ซ่อนปมไว้ด้วยการพาสมองและหัวใจคนดูไปอีกทางก่อนที่ความพลิกผันเข้ามาเผชิญหน้าจังๆจนบางครั้งเผลอคิดว่าอย่าบอกนะว่า... แล้วความพลิกผันมันดันมาพร้อมกับความไว้ใจที่ตีคู่มากับความไม่ไว้ใจจนไม่รู้แล้วว่าจะไว้ใจหรือไม่ไว้ใจดีทำให้นี่คือความเข้มข้นสนุกตื่นเต้นเร้าใจ เพราะความเป็นญี่ปุ่นด้วยก็คงใช่ที่จะไม่ขยี้ดราม่าคือมีไว้แค่พอดีไม่มีบีบเลยมีเวลาให้ใส่อะไรที่คาดเดาไม่ได้เลยเข้ามาจนกลายเป็นความน่าจดจำ การแสดงและฉากบู๊มาตรฐานงานละครโทรทัศน์แต่มีดีที่การซ่อนเร้นและมีหัวใจไม่ขยี้ในสไตล์ญี่ปุ่น สิ่งที่ผู้เขียนประทับใจในการแสดงมาตรฐานละครทีวีเรื่องนี้คือทาคาชิ โซริมาจิที่ลืมเขาไปแล้วจากที่เมื่อก่อนชื่นชอบจากซีรีส์ที่สร้างจากการ์ตูนที่เคยอ่านคือ GTO แต่เมื่อก่อนนั้นการติดตามดูซีรีส์หรือหนังญี่ปุ่นไม่ได้ง่ายเหมือนทุกวันนี้จนวันนี้เมื่อเห็นหน้าทาคาชิ โซริมาจิเอาจริงคือคุ้นหน้าแต่นึกไม่ออกจากการดูเรื่องนี้ จนกว่าจะนึกออกก็ปาเข้าไปใกล้จบแล้วซึ่งในการแสดงที่ยังมีความเป็นการ์ตูนอยู่ทั้งสีหน้าแววตาภาษากายรวมไปถึงคิวบู๊ที่เป็นสองมิติแต่ยังเห็นความเก๋าในการแสดงของทาคาชิ โซริมาจิที่ชัดเลยว่าเป็นจุดขาย ทำให้โยซึเกะ ซึกิโนะในบทคู่หูที่จะต้องมาเรียนรู้บางอย่างซึ่งเขาก็ทำได้ดีในความมีพัฒนาการแต่โดนความเก๋าของอาจารย์โอนิซึกะหรือทาคาชิ โซริมาจิเล่นงานจนถูกขโมยความเด่นไปทั้งที่มันควรจะตีคู่กัน เหนือสิ่งอื่นใดคือนักแสดงมีเสน่ห์จนน่าจดจำทุกคนในงานซีรีส์ญี่ปุ่นแท้กับเพลงประกอบที่ปลุกเร้าในจังหวะที่เป็นญี่ปุ๊นญี่ปุ่นแบบนี้ ถ้าจะมาแนวสืบสวนต้องให้ได้แบบนี้แม้จะไม่ต่างจากซีรีส์ญี่ปุ่นทั่วไปในการเล่าเรื่องแต่ความสนุกและความน่าติดตามจัดจ้านเหลือกำลัง ถ้าจะเอาความเห็นส่วนตัวเลยคือถ้าจะดูซีรีส์สืบสวนดีๆสักเรื่องที่มาครบองค์คงต้องดูเรื่องนี้จนอาจบอกเลยว้าถ้าจะมาเป็นแนวสืบสวนต้องให้ได้แบบนี้ ก็ใช่ที่ตอนท้ายดูรวบรัดแถมปลายเปิดอ้าซ่าไม่สะเด็ดน้ำปล่อยไว้แบบไม่รู้จะไปทางไหนต่อคือถ้าจะไปต่อก็ได้หรือจะจบก็โอเคเพราะองค์การร้าย Hide and Seek ยังไม่ถูกจัดการ แต่ที่น่าด่าเช็ดคือพวกตัวละครที่เผยตัวมาว่าเป็นผู้ร้ายไม่มีบทสรุปอะไรเลยนี่ล่ะที่ขัดใจแต่ก็ไม่เป็นไรเพราะมันได้ถูกชดเชยด้วยความสนุกตื่นเต้นลุ้นระทึกเร้าใจมาตั้งแต่ต้น สารภาพเลยว่าเรื่องนี้ผู้เขียนดูครึ่งแรกแบบออกอากาศสดก่อนที่จะไม่ค่อยมีเวลาเลยปล่อยทิ้งไว้แล้วเมื่อมีเวลาก็มาตามเก็บครึ่งหลัง ซึ่งนั่นเป็นการตัดสินใจที่ถูกเพราะครึ่งหลังเรื่องพัฒนาขึ้นทำให้ถ้าดูเป็นรายสัปดาห์อาจมีลงแดงเพราะความน่าติดตามจัดจ้านเหลือกำลังและแม้จะเป็นงานแนวสืบสวนญี่ปุ่นแท้แต่มีความเป็นตัวเองสูงซะด้วย ดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก จาก Instagram netflixjp ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2,3,4,5 / ภาพที่ 6,7 จาก Instagram okura_fujitv เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !