Short CommentLaal Singh Chaddha วิ่ง ลาล วิ่ง (2022) "เหมือนรองเท้าวิ่งชั้นดีแต่ขนาดไม่พอดีเท้า ระยะยาวเลยใส่ไม่สบาย"ถ้าเอ่ยชื่อ Aamir Khan คนที่เคยดูหนังอินเดียมาบ้างหรือดูเป็นประจำถ้ามีหนังน่าสนใจเช่นดูไปบ่นไปไม่มีทางไม่รู้จัก เพราะเขาคือนักแสดงแถวหน้าที่ทรงอิทธิพลกับวงการภาพยนตร์อินเดียที่หนังแต่ละเรื่องของเขาจะสามารถการันตีคุณภาพในระดับที่น่าพอใจ (แต่กรุณาลืมๆ Doom 3 ไปสักเรื่อง) หนังของ Aamir Khan มักจะมาพร้อมความขบถในตัวเพราะมักตั้งคำถามกับจารีตสังคมอินเดียที่ค่อนข้างคร่ำครึอย่างเจ็บแต่จริง หนัง Aamir Khan จึงได้ใจคนดูรุ่นใหม่และคนดูต่างประเทศเพราะความคมคายที่จับต้องได้ผ่านความหมายที่เขาพยายามสื่อถึงเรื่อยมา หนังอย่าง Taare Zameen Par (Like Stars on Earth (2007)) , 3 Idiots (2009) , PK (2014) หรือ Dangal (2016) คือเครื่องพิสูจน์ จนเมื่อเขาหยิบเอาหนังคลาสสิคที่อยู่บนหิ้งในใจคนดูทั่วโลกจนไม่คิดว่าจะมีใครหาญกล้าหยิบเอามาทำใหม่อย่าง Forest Gump (1994) มาดัดแปลงแบบแทบยกมาทั้งหมด ชื่อของเขาจึงสามารถดึงความสนใจของคนดูได้ให้ลองพิสูจน์ว่าระดับ Aamir Khan ไม่น่าจะทำให้ผิดหวังLaal Singh Chaddha (Aamir Khan) หรือที่เรียกง่ายๆว่าลาลคือเด็กที่เกิดมาพร้อมความบกพร่องแต่มีแม่ (Mona Singh) ที่คอยปกป้องเลี้ยงดูและอธิบายเรื่องยากให้ลาลเข้าใจง่ายๆเพราะต้องการให้ลูกใช้ชีวิตเช่นคนธรรมดาไม่ใช่คนพิเศษ ลาลมีเพื่อนหญิงที่สนิทหนึ่งคนที่เป็นสัมผัสแรกของความสวยงามคือรูปา (Kareena Kapoor) ที่เป็นเพื่อนซี้ตัวติดกันมาตั้งแต่เด็กจนโต แต่เส้นทางชีวิตของทั้งคู่กลับเหมือนเป็นเส้นขนานที่สวนทางเมื่อความพยายามใช้ชีวิตตามเส้นทางที่แม่ได้สั่งสอนไว้และวลีที่ตรึงในหัวใจว่า "วิ่ง ลาล วิ่ง" จากรูปาได้ทำให้ชีวิตของลาลผ่านเหตุการณ์ต่างๆมาด้วยความราบรื่นและดีกว่ารูปาที่ความฝันชี้ทางให้ไปสู่เงามืดที่ทำร้ายตัวเอง กระนั้นเมื่อลาลคือคนที่คิดไม่ซับซ้อนการกระทำของเขาจึงเปลี่ยนชีวิตใครหลายคนได้และหนึ่งในนั้นคือมูฮัมเหม็ด (Manav Vij) ศัตรูที่รอดชีวิตจากสมรภูมิจากการช่วยเหลือของลาล แต่ไม่ว่ายังไงทุกขณะจิตของลาลก็ยังมีรูปาข้างในและรอวันที่เธอจะรู้ว่าแม้เขาจะไม่ฉลาดหนักแต่เขาก็รู้ว่าความรักคืออะไรนี่ไม่ใช่งานที่แย่เพียงแต่ของเก่าล้ำเลิศเกินไป เมื่อหนังออกตัวว่าเป็นการดัดแปลงมาจากของคลาสสิคขึ้นหิ้งจึงคงปฏิเสธไม่ได้ที่จะถูกเปรียบเทียบ แต่ถ้าจะเอาจริงๆเรื่องนี้เหมือนเป็นการเดินตามรอยเท้าของ Forest Gump ทุกก้าวเพราะบทหนังแทบถอดออกมาร้อยเปอร์เซนต์ทั้งเรื่องที่เล่าไปจนถึงบทสนทนาที่เป็นคำพูดคมๆแบบซื่อๆ ซึ่งเมื่อเดินตามรอยทุกย่างก้าวแบบนี้สิ่งที่ต้องแลกคือคนดูรู้หมดแล้วว่าเรื่องราวเป็นเช่นไรสิ่งที่ตามมาคือไม่มีอารมณ์ลุ้นไปกับเหตุการณ์ เพราะแม้กระทั่งเวลาฉายยังใกล้เคียงกันแต่เรื่องนี้มีการใส่เพลงที่เป็นเอกลักษณ์ของหนังอินเดียเข้ามาทำให้ยาวกว่าเล็กน้อยแต่ถ้าว่ากันที่เนื้อหาก็พอๆกัน กระนั้นสิ่งที่ตรึงคนดูได้คือความอยากรู้ว่าฉบับดัดแปลงจากแดนภารตะนี้จะเอาฉากคลาสสิคที่ทรงพลังที่เคยได้เห็นมาเล่ามาเล่นอย่างไรให้เป็นกลิ่นโรติและเครื่องเทศ และผลที่ได้ก็คือการดูไปอย่างเพลิดเพลินในระดับที่น่าพอใจเพราะแม้จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแต่ก็ไม่มีช่วงน่าเบื่อส่วนหนึ่งเพราะบทหนังออกมามีโครงสร้างที่ดีอยู่แล้ว แต่ก็เหมือนย่ำลงไปในรอยเท้าที่ยิ่งใหญ่และลึกเกินไปให้ไม่ว่ายังไงก็ยังไม่พอดีถูกตาถูกใจแต่ไม่ตรึงใจ สวนหนึ่งเพราะของเดิมมอบความทรงจำและความรู้สึกที่ลึกและสัมผัสได้ด้วยใจผ่านความง่ายของเนื้อหาที่ไม่ซับซ้อน แน่นอนเมื่อมาสร้างใหม่แต่ยังพยายามคงอารมณ์เดิมๆไว้ซึ่งก็ถือว่าทำได้ดีอย่างน่าพอใจ เพราะความรู้สึกที่มีต่อ Laal Singh Chaddha ก็คล้ายกับความรู้สึกที่มีต่อ Forest Gump นั่นคือความเป็นที่รักเอ็นดูและได้ใจในความใสซื่อ แต่ก็ยังมีความต่างทางมิติที่สัมผัสได้เพราะสิ่งที่ตาเห็นต่างออกไปทั้งทางกายภาพและมิติข้างในที่อาจเพราะความต่างระหว่างความเป็นอเมริกันกับอินเดีย แต่ที่ไปไม่ถึงฝั่งจริงๆคือความตรึงใจในฉากทรงพลังมากมายที่สร้างอารมณ์ขนลุกตื้นตันดูกี่ครั้งก็ยังน้ำตารินหลายฉากที่ยากจะยกมาสาธยายเพราะเยอะ และกับเรื่องนี้อารมณ์เหล่านั้นหายไปเพราะบางอย่างถูกตัดออก อาจเพราะไม่เข้ากับบริบททางสังคมบางอย่างก็คงไว้แต่ก็ตามนั้นเพราะคนดูไม่รู้สึกอะไรอันมาจากการที่ตัดบางอย่างออกไปทำให้เมื่อถึงเวลาที่ต้องการชิ้นส่วนบางชิ้นหายไปจนส่งผลให้ไม่สามารถเจาะทะลุหัวใจคนดูได้การปรับบริบทได้อย่างเนียนๆแต่น่าเสียดายที่คนดูคล้ายไม่มีส่วนร่วม สิ่งหนึ่งที่คนดู Forest Gump รู้สึกสนุกและเพลิดเพลินไปตลอดทางคือความใสซื่อของ Forest Gump ที่ได้ผ่านเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ชาติอเมริกันที่เป็นการเอาเรื่องสมมติไปอยู่ในเรื่องจริงได้อย่างสนุกและได้ใจ และด้วยความที่ประวัติศาสตร์ชาติอเมริกาคล้ายกับประวัติศาสตร์โลกกลายๆที่คนดูส่วนใหญ่รู้ทำให้คนดูรู้สึกมีส่วนร่วมและสนุก แต่กับ Laal Singh Chaddha ความรู้สึกแบบนั้นหายไปเพราะเหตุการณ์ที่ใส่เข้ามาคนดูต่างประเทศคงรู้น้อยมากกับประวัติศาสตร์ชาติอินเดีย จึงทำให้เหมือนไม่มีส่วนร่วมและกลายเป็นของประกอบฉากที่แทบไม่มีผลอะไรกับความรู้สึกของคนดูที่มีต่อลาล จะมีก็เพียงหนึ่งเดียวที่ได้ใจผู้เขียนคือการปรับเปลี่ยนการเล่าถึงซุปเปอร์สตาร์ที่กลายเป็นไอคอนของชนชาติอย่าง Elvis Presley มาเป็น Shah Rukh Khan (ชาห์รุค ข่าน) ที่คนเคยดูหนังอินเดียจะไม่มีทางหุบยิ้มได้ และที่ต้องชื่นชมคืองานด้านเทคนิคที่ทำให้ Shah Rukh Khan ออกมาอยู่ในช่วงเยาว์วัยได้เนียนตาการแสดงที่ยังจัดการได้แต่น่าเสียดายที่พยายามมากไปที่จะไม่เป็น Tom Hanks ในส่วนของการแสดง Aamir Khan นับว่าเป็นยอดฝีมือแต่กับเรื่องนี้คือการรับบทที่คงไม่มีทางเทียบเคียงได้ของ Tom Hanks ซึ่ง Aamir Khan ก็คงรู้ดี ทำให้การแสดงในบทอัจฉริยะปัญญานิ่มของเขาเห็นความพยายามเป็นตัวของตัวเองคือพยายามต่างไปจาก Tom Hanks ซึ่งก็ถือว่าทำได้เพราะไม่มีแววของ Forest Gump อยู่เลยแต่ไฉนกลายเป็น PK ไปซะได้ กระนั้นอะไรก็ตามที่ควรจัดการได้ Aamir Khan ก็ทำได้โดยเฉพาะฉากเล่าเรื่องในรถไฟที่ดูๆไปมีพลังและจับใจกว่าเหตุการณ์ที่ถูกเสนอออกมาเป็นภาพอีก ส่วน Kareena Kapoor ที่มาร่วมจอกับ Aamir Khan อีกครั้งหลังจาก 3 Idiots ยังคงมีเสน่ห์ที่ตราตรึงแต่เสน่ห์นั้นกลับทำให้ไม่เหมือนคนสิ้นไร้พลังในแบบที่ Robin Wright เคยเป็น ส่วนที่เป็นมิติที่แตกต่างในการประคับประคองที่ผู้เขียนมองว่าต่างออกไปจนมีความเป็นตัวเองที่สุดคือบทแม่ของ Mona Singh ที่ไม่เหมือนกับของ Sally Field แต่ก็เป็นความต่างที่เข้าที่เข้าทางที่สุดเป็นหนังดีที่ควรได้ดูและจะประทับใจถ้าไม่ได้ดูต้นฉบับแต่มีใครบ้างที่ไม่เคยดู ถ้าลองตัดอะไรที่เป็น Forest Gump ที่อยู่ในหัวออกไปให้หมดหนังเรื่องนี้ก็คือหนังอินเดียชั้นดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคนที่ไม่เคยดู Forest Gump น่าจะสัมผัสด้วยใจได้มากกว่าเพราะในสมองจะไม่คิดถึงฉากและซีนคลาสสิคต่างๆ แล้วหนังยังได้งานด้านภาพที่สวยงามเพลงที่เพราะจับใจแม้จะไม่ติดหูทันทีอย่าง Forest Gump แต่ก็ถือว่าสัมผัสแรงได้ถึงบันดาลใจที่มาพร้อมกับดนตรี แต่ทั้งนี้ที่น่าเศร้าคือจะเหลือคนดูสักกี่คนที่ไม่เคยดู Forest Gump มาเลยทั้งคนที่เกิดไม่ทันแล้วดูตามเสียงลือเสียงเล่าอ้างหรือคนดูที่ได้ดูในโรงและดูซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างผู้เขียน แต่ไม่ว่ายังไงหนังฉบับใหม่นี้ก็ยังเป็นหนังดีไม่ใช่หนังที่แย่เพียงแต่ถ้าจะเปรียบเป็นรองเท้าวิ่งก็คงเป็นรองเท้าแบรนด์เนมชั้นดีคู่ใหม่ที่สวยงามน่าสวมใส่ ทว่าเป็นรองเท้าที่ขนาดไม่พอดีกับเท้าทำให้เมื่อใส่ตอนแรกก็อาจไม่รู้สึกอะไรแต่พอวิ่งไปนานเข้าเริ่มไม่สบายเท้าและคิดถึงรองเท้าคู่เก่าที่เคยใส่วิ่งมาจนชิน ดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 จาก Instagram aamirkhanproductionsภาพที่ 8 จาก Instagram netflix_in อ่านบทความหนังอินเดียโดย "ดูไปบ่นไป" ได้ที่นี่ความเห็นหลังชม Gangubai Kathiawadi หญิงแกร่งแห่งมุมไบ (2022) "หัวใจราชินีมาเฟียแห่งมุมไบ ศักดิ์ศรีที่ไม่มีวันหมด"ความเห็นหลังชม Darlings : ที่รัก (2022) ตลกร้ายคมๆ อารมณ์ขันคันๆ สนุกแบบมีอะไรให้คิด จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !