รีวิว Thor: Love and Thunder (ธอร์: ด้วยรักและอัสนี) ภาคต่อที่เต็มไปด้วยสีสัน และความเกรียน บทความรีวิวนี้ ถูกเขียนขึ้นมาจากความรู้สึกส่วนตัวของผม หากผิดพลาดประการใด หรือไม่ถูกใจใครต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ แต่ก่อนจะมาเริ่มการรีวิวเรามาดูเรื่องย่อกันก่อนดีกว่าเรื่องย่อ Thor: Love and Thunder (ธอร์: ด้วยรักและอัสนี)เรื่องราวในภาคนี้ เราจะได้เห็น Thor (Chris Hemsworth) ที่กำลังเผชิญกับวิกฤตวัยกลางคน หลังจากผ่านสงครามมามากมาย และสูญเสียคนที่รักไปจนหมด เขาจึงปลงกับชีวิตและอยากพักจากการเป็นซูเปอร์ฮีโร่ ทว่าอยู่มาวันหนึ่ง ได้มีวายร้ายตนใหม่ออกอาละวาด และไล่สังหารเทพไปทั่วจักรวาล วายร้ายตนนี้มีสมญานามว่า Gorr the God Butcher (Christian Bale) ชายผู้มีความแค้นกับเหล่าทวยเทพที่มาพร้อมกับดาบเนโครซอร์ด อาวุธสุดทรงพลังที่สามารถสังหารเทพได้ และด้วยความแข็งแกร่งของวายร้ายตนใหม่นี้ Thor จึงต้องทำการรวมทีมกับเหล่าเพื่อนเก่าอย่าง Valkyrie (Tessa Thompson), Korg (Taika Waititi) และ Jane Foster (Natalie Portman) ที่ครั้งนี้เธอกลับมาในฐานะ Mighty Thor สุดท้ายแล้วบทสรุปของสงครามในครั้งนี้จะเป็นอย่างไร ทุกคนต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง Thor: Love and Thunder (ธอร์: ด้วยรักและอัสนี) วันนี้ทุกโรงภาพยนตร์ตัวอย่าง Thor: Love and Thunder (ธอร์: ด้วยรักและอัสนี)รีวิว Thor: Love and Thunder (ธอร์: ด้วยรักและอัสนี)เอาหล่ะมาเริ่มรีวิวกันเลยดีกว่า อย่างที่ทุกคนรู้กันดี ว่าภาคนี้ยังคงกำกับโดย Taika Waititi ผู้กำกับจากภาคที่ 3 อย่าง Thor: Ragnarok (2017) ส่วนตัวตอนเห็นตัวอย่างคืออยากดูมากๆ ด้วยสีสัน และเพลงประกอบที่โดนใจ แถมยังมีตัวละครมากมายที่จะมามัดรวมกันไว้ในเรื่องเดียว แต่เมื่อเข้าไปดูแล้ว ความรู้สึกหลังดูของผมคือ ผิดหวังเล็กน้อย คือคาดหวังไปว่าน่าจะดีกว่านี้ และน่าจะเหนือกว่าภาคก่อน แต่กลายเป็นว่ารู้สึกเฉยๆ แต่ไม่ได้แย่นะ สนุกดี และทำได้ดีในหลายๆ ด้าน มาเริ่มกันทีละส่วนดีกว่า อย่างแรกคือด้านบทและการดำเนินเรื่อง ส่วนตัวบทผมว่าธรรมดามาก ไม่ได้ลึกซึ้งหรือซับซ้อนอะไรมากมาย แต่ก็ไม่ได้แย่ซะทีเดียว ถือว่าสนุกใช้ได้ เพียงแต่บทมันดูไร้น้ำหนักไปหน่อยก็เท่านั้นเอง ปมปัญหาต่างๆ อุปสรรคที่ต้องเจอ ดูเรียบง่ายและผ่านไปได้อย่างง่ายได้ ซึ่งตัวผู้กำกับเองก็น่าจะตั้งใจให้เป็นแบบนี้ และไปเน้นที่ความสนุกและบันเทิงแทนต่อมาด้านการดำเนินเรื่อง ส่วนนี้ถือว่าทำได้ดีเยี่ยมตามมาตรฐาน ดำเนินเรื่องไปแบบฉับไว รวดเร็ว น่าติดตามพอสมควร แม้ว่าผมจะบอกว่าบทมันดูราบเรียบไร้น้ำหนัก แต่การดำเนินเรื่องของภาคนี้นั้นดีมากจนเรามองข้ามเรื่องบทไปได้ คือมันสนุกดูเพลิน แบบรู้ตัวอีกทีหนังก็จบแล้ว ไม่มีจังหวะไหนในเรื่องที่เว้นว่างให้เรารู้สึกเบื่อเลย ส่วนนี้ถือเป็นจุดแข็งจริงๆ คือใครที่ชอบหนังที่มอบความบันเทิงแบบจัดเต็ม แอ็คชั่นหนักๆ คอมเมดี้เยอะๆ มีจังหวะให้เราได้หัวเราะทั้งเรื่อง ผมว่าคุณน่าจะหลงรักหนังเรื่องนี้ได้ไม่ยาก และใครที่ชื่นชอบ Thor: Ragnarok (2017) เป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็น่าจะชอบเรื่องนี้เช่นเดียวกัน เรียกได้ว่าเป็นหนังที่ย่อยง่ายสุดๆ เหมาะกับการเป็นหนังบล็อกบัสเตอร์จริงๆต่อมาด้านการแสดง ในส่วนนี้ถือว่าทำได้ดีกันทุกคนจริงๆ และคนที่โคตรโดดเด่นและแสดงได้อย่างทรงพลังที่สุด ก็คงหนีไม่พ้น Christian Bale ที่รับบทเป็นวายร้ายหลักของเรื่องอย่าง Gorr the God Butcher การแสดงของเฮียแกคือสุดยอดจริงๆ จัดเต็มเหมือนเคย ไม่มีดรอปลงเลย แต่มันก็ยังไม่ทรงพลังเท่าที่ควร เพราะบทเนี่ยแหละ เนื่องจากบทมันยังไม่แข็งแรงพอ ทำให้การแสดงของป๋าเบลดูดรอปลงไปเลย ส่วนตัวผมมองว่าวายร้ายตัวนี้ มันดูทรงพลังและอันตรายมากๆ ไม่ควรที่จะมาอยู่แค่ไหนหนังภาคเดียวเลยจริงๆ ควรจะอยู่ไปอีกซักพักมันจะยอดเยี่ยมกว่านี้ เพราะในเรื่องปมปูมหลังและบทของ Gorr มันยังเบาไปน้อยไป ไม่สามารถทำให้คนดูอินกับความรู้สึกของเขาเท่าไหร่ ส่วนนี้เป็นส่วนที่ผมรู้สึกเสียดายมากๆ มีของดีแต่เหมือนโฟกัสผิดจุด ส่วนนักแสดงคนอื่นๆ ก็ยังแสดงได้ดีตามมาตรฐานเหมือนเคย ส่วนตัวด้านการแสดงไม่มีอะไรจะติ ทุกคนทำได้ดีเยี่ยมแล้วส่วนสุดท้ายคือด้านงานภาพและการโปรดักชั่น ส่วนนี้ผมมองว่าทำออกมาได้ดีมากๆ ทั้งสีสันต่างๆ งานภาพที่สวยงาม และเพลงประกอบที่ยอดเยี่ยม ส่วนตัวผมเป็นพวกชอบเพลงร็อคอยู่แล้ว เลยรักเพลงประกอบในเรื่องมากๆ และธีมในเรื่องก็มีความร็อคพอสมควร ตั้งแต่เพลงเปิดโลโก้ของ Marvel ก็มาด้วยรีฟกีตาร์สุดเท่ห์ ก็ทำให้ผมอมยิ้มได้แล้ว แถมฟอนต์ตัวหนังสือต่างๆ ก็ยังอยู่ในธีมร็อคเหมือนกัน ส่วนนี้คือชอบจริงๆ งานออกแบบ เสื้อผ้าหน้าผม ทุกอย่างดูดีมากๆ สีสันจัดจ้าน และทำให้บรรยากาศในเรื่องดูสนุก และตื่นตาตื่นใจ ส่วนอีกอย่างที่ชอบเลย คือการตัดสินใจให้ตัวร้ายดูน่ากลัว โหดร้าย ซึ่งทุกครั้งที่ตัวละคร Gorr the God Butcher โผล่มา บรรยากาศที่ดูสนุกมันจะเปลี่ยนไปเลย ส่วนตัวในด้านงานภาพและโปรดักชั่นผมชอบมากๆ ไม่มีอะไรจะติเลย สรุปโดยรวมคือ สนุกใช้ได้ เน้นความบันเทิง แอ็คชั้น และความฮา ซึ่งใครที่เป็นแฟนของ Thor ห้ามพลาดจริงๆ ท้ายสุดนี้ผมขอให้คะแนนภาพยนตร์เรื่อง Thor: Love and Thunder (ธอร์: ด้วยรักและอัสนี) ไว้ที่ 7.5/10 คะแนนสุดท้ายนี้ ฝากกดแชร์ และกดติดตามด้วยนะครับชื่อเรื่อง : Thor: Love and Thunder (ธอร์: ด้วยรักและอัสนี)ผู้กำกับ : Taika Waititiแนว : แฟนตาซี , แอ็คชั่น , คอมเมดี้ความยาว : 119 นาทีระบบเสียง : พากย์ไทยและบรรยายไทยช่องทางการรับชม : วันนี้ทุกโรงภาพยนตร์คะแนน : 7.5/10 ช่องทางอื่นๆในการติดตาม ละเลงหนังFacebook Fanpage : ละเลงหนังกลุ่มสำหรับพูดคุยเรื่องหนัง : พูดคุยเรื่องหนังทุกเรื่องบนโลก By ละเลงหนัง บทความอื่นๆของ ละเลงหนัง :รีวิว Stranger Things 4 ภาคต่อที่แสนยอดเยี่ยม สนุก ตลก เศร้า ครบรสเต็มอิ่มรีวิว Lightyear บัซ ไลท์เยียร์ (2022) ภาคแยกที่สนุกเกินคาด จัดเต็มความบันเทิง แฟนๆ Toy Story ไม่ควรพลาด!รีวิว Elvis (2022) ถ่ายทอดเรื่องราวชีวประวัติของราชาร็อกแอนด์โรล จากสูงสุดสู่สามัญรีวิว Money Heist: Korea – Joint Economic Area (ทรชนคนปล้นโลก: เกาหลีเดือด)เปิดวาร์ปนักแสดง Money Heist: Korea – Joint Economic Area (ทรชนคนปล้นโลก: เกาหลีเดือด)เครดิตภาพทั้งหมดจาก Facebook : Marvel Thailandภาพปก : ภาพที่ 1 ภาพประกอบ : ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5วิดีโอ : Marvel Studios' Thor: Love and Thunder ธอร์: ด้วยรักและอัสนี | ตัวอย่าง Official จาก Youtube : Marvel Thailand *STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"*ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลค์คนที่ชอบ`ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี` คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkqอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 3 สิงหาคม 2565