เรียกได้ว่าเป็นกระแสโด่งดังไม่น้อยเลย ณ ตอนนี้กับซีรีส์ All of Us Are Dead อีกหนึ่งผลงานจากฉบับ Webtoon เหมือนกับพวกซีรีส์ก่อนหน้านี้อย่าง Hellbound และ Sweet Home ที่สร้างกระแสโด่งดังไปทั่วโลก ดั่งนั้นการที่เกาหลีเองจะลองหยิบคอมมิคสักเรื่องมาลงจออีกครั้งมันก็คงไม่เสียหายอะไร แถมตลอด 12 ตอนของ All of Us Are Dead มันก็อัดแน่นไปด้วยความสนุกที่แทบดูกันยาวๆไม่ต้องพักเลยปีที่ออกอากาศ : ค.ศ. 2021ประเภท : เกาหลี, ดราม่าจากเว็บตูนผู้กำกับ : อีแจคยูนักแสดง : พัคจีฮู, ยุนชานยอง, พัคโซโลมอน, โจอีฮยอน, อียูมีช่องทางการรับชม : Netflixภาษาในการรับชม : เสียงพากย์ : ไทย, เกาหลี, อังกฤษ, ญี่ปุ่น | คำบรรยาย : ไทย, อังกฤษ, จีน, ระดับความเหมาะสม : อายุ 18+เนื้อหาโดยย่อจะเล่าเกี่ยวกับนักเรียนมัธยมคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะโดนเพื่อนกลั่นแกล้งจนเป็นเหตุให้เข้าโรงพยาบาล อีกทั้งพ่อของเด็กคนนี้ดันเป็นครูอยู่ในโรงเรียนเดียวกับพวกอันธพาลเหล่านี้อีกด้วย แต่ความประหลาดมันคือพ่อเองนั้นเหมือนได้ทำอะไรบางอย่างกับลูกชายตัวเองจนมีอาการแปลกไปคล้ายกับซอมบี้ สักพักซีรีส์ก็ตัดมาในฉากโรงเรียนมัธยมฮโยซาน และต้องบอกว่าต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวทั้งหมดก็อุบัติขึ้นในโรงเรียนแห่งนี้ เหตุการณ์เริ่มจากนักเรียนสาวคนหนึ่งโดนหนูในห้องวิทยาศาสตร์กัดนิ้วเข้า "ซึ่งหนูตัวนี้ก็เป็นหนูผ่านการทดลองบางอย่างของครูวิทยาศาสตร์พ่อของเด็กที่โดนรังแกในต้นเรื่อง" ทีนี้เรื่องราวมันก็ปานปลายตามมาแบบเลี่ยงไม่ได้ หญิงสาวที่โดนหนูกัดนิ้วเธอได้กลายเป็นซอมบี้อย่างช้าๆ และดันไปกัดครูในห้องพยาบาลซะอีก จนสุดท้ายเชื้อไวรัสซอมบี้นี้ก็ลุกลามไปทั่วโรงเรียน เด็กนักเรียนนับร้อยลุกขึ้นวิ่งไล่กัดเพื่อนตัวเอง เหลือเพียงนักเรียนไม่กี่กลุ่มเท่านั้นที่กำลังหาทุกวิธีเพื่อออกไปจากโรงเรียนให้ได้จุดเด่นในวิธีการเล่าเรื่องที่มันค่อนข้างสนุกและเข้าใจง่าย ตลอดทั้ง 12 ตอนของซีรีส์นั้นสามารถดึงคนดูได้อยู่หมัด ยิ่งสองสามตอนแรกช่วงที่ไวรัสซอมบี้ระบาดในโรงเรียนบรรดานักเรียนต้องพยายามหาทางหนีเอาตัวรอดมันยิ่งลุ้นและสนุกจริงๆ แถมข้อดีอีกอย่างคือซีรีส์เองนั้นย่อยง่ายดูแล้วเข้าใจครบทุกประเด็น "เพราะถ้าเทียบกับซีรีส์จากคอมมิคอย่างซีรีส์ Hellbound ก่อนหน้านี้ประเด็นมันค่อนข้างเข้าใจยากกว่ามากหลายเท่า" อีกทั้งตอนจบของซีรีส์เองก็ทำออกมาค่อนข้างลงตัวจบแบบเคลียร์ไม่มีค้างคาใจคนดูทั้งต้นตอการเกิดซอมบี้ ประเด็นศีลธรรมมนุษย์ ประเด็นการเมือง ประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนและครอบครัวแต่ก็ยังมีจุดตำหนิบางส่วนจริงๆในการเล่าเรื่อง นั้นคือช่วงกลางและช่วงก่อนจบที่สังเกตุได้ชัดว่าซีรีส์เริ่มมีความแผ่วปลายการพยายามใส่บทดราม่าเรียกน้ำตาที่มันเยอะเกินความจำเป็นเหมือนซีรีส์เองพยายามยื้อเวลาหาทางลงตอนจบให้ได้ จนบางทีมันทำให้คนดูที่เขาไม่ค่อยอินกับฉากดราม่าเป็นทุนเดิมอยู่แล้วอาจจะพลอยเบื่อหน่ายได้พลังนักแสดงต้องบอกว่านักแสดงแต่ละคนเล่นได้ดีตามมาตรฐาน แต่ละตัวละครในเรื่องมีความน่าสนใจเฉพาะตัวค่อนข้างเยอะ การกระจายที่ค่อนข้างทั่วถึงไม่มีนักแสดงคนไหนที่โดนกลืนหายไปในจอ ผู้เขียนจะขอยกตัวอย่างตัวละครที่โดดเด่น 5 คนคนแรก อีชองซาน รับบทโดย ยุนชานยอง เด็กหนุ่มลูกเจ้าร้านไก่ทอดเป็นตัวละครที่ค่อนข้างมีเสน่ห์ ด้วยคาแรคเตอร์ที่มักจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเพื่อนอยู่ตลอดถึงแม้สองสามตอนแรกบทเจ้าตัวจะไม่ได้เด่นมากนัก แต่พอช่วงหลังของซีรีส์บทบาทของเขานั้นค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว ยิ่งพวกประเด็นดราม่าต่างๆตัวละคร อีชองซาน คนนี้เหมือนจะแบกรับประเด็นนี้ไว้หนักพอสมควรเลยทีเดียวhttps://www.instagram.com/p/CYXkQMHvxUh/นัมอนโจ รับบทโดย พัคจีฮู ลูกสาวนักดับเพลิงที่มีบทบาทตั้งแต่เริ่มเรื่องยันท้ายเรื่อง คาแรคเตอร์เธอนั้นค่อนข้างดูครึ่งๆกลางๆเป็นคนชอบเห็นใจและช่วยเหลือผู้อื่น แต่บางครั้งก็มีเรื่องทุกข์ในใจที่มักจะเอามาปนกับสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานอยู่ตลอด และยิ่งประเด็นแอบรักเพื่อนร่วมห้องของเธอที่มันชวนให้คนดูหงุดหงิดกับนิสัยปากไม่ตรงกับใจของเธอไม่น้อยต่อมากับตัวละคร อีซูฮยอก รับบทโดย พัคโซโลมอน หนุ่มน่าตาดีสายบู๊ที่ดูมีประโยชน์ต่อเพื่อนในกลุ่มอย่างที่สุดเมื่อยามเข้าตาจน อีซูฮยอก คือคนแรกที่เข้าไปบวกกับเหล่าซอมบี้ก่อนเสมอแถมคาแรคเตอร์ที่ดูพูดน้อยต่อยหนักแทบจะไม่มีฉากน่ารำคาญเลยตลอดทั้ง 12 ตอน อีกทั้งประเด็นที่เจ้าตัวแอบชอบหัวหน้าห้อง ชเวนัมรา ก็ทำออกมาค่อนข้างลงตัวชวนคนดูเขิลไปตามๆกันเลยทีเดียวhttps://www.instagram.com/p/CZUS4uCpB89/ชเวนัมรา รับบทโดย โจอีฮยอน หัวหน้าห้องของกลุ่มเพื่อนที่ในสองตอนแรกของซีรีส์เธอเองแทบไม่มีค่อยบทบาทเท่าไร แต่พอช่วงกลางถึงช่วงท้ายเรื่องแอร์ไทม์มันไปกองที่เธอเยอะมาก ชเวนัมรา เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่มีผลต่อเส้นเรื่องโดยเฉพาะการที่เจ้าตัวกลายเป็นครึ่งคนครึ่งซอมบี้ อีกทั้งด้วยคาแรคเตอร์ที่พูดน้อยชอบช่วยเหลือเพื่อนจึงไม่แปลกที่คนดูจะรักตัวละครเข้าอย่างจังสุดท้ายกับ นายอน รับบทโดย อียูมี นักแสดงสาวที่ใครหลายคนคงคุ้นหน้าเธอดีในซีรีส์ Squid Game ซึ่งการเปลี่ยนบทบาทมาแสดงในเรื่องนี้เธอก็เล่นได้ดีไม่แพ้นักแสดงคนอื่นเลยด้วยคาแรคเตอร์ที่เป็นคนเห็นแก่ตัว ชอบสร้างปัญหาในกลุ่มเพื่อน แถมยังมีส่วนในการตายของเพื่อนร่วมห้องอีก ที่เรียกได้ว่ายิ่งอินกับบทบาทเธอมากเท่าไรก็ยิ่งอยากปารีโมททีวีทิ้งเท่านั้น แต่ก็แอบเสียดายที่บทของเธอไม่ค่อยยืนยาวมากนักในช่วงหลังๆของซีรีส์สิ่งที่ซีรีส์ต้องการสื่อ(คีย์เมสเสจ)ลึกๆแล้วซีรีส์ไม่ได้เล่าแค่มุมมองของการหนีเอาตัวรอดซอมบี้เพียงอย่างเดียว การพยายามถ่ายทอดปัญหาสังคมที่มันเกิดขึ้นตั้งแต่ในระดับโรงเรียนจนลามไปถึงระดับประเทศ ปัญหาต้นตอที่แท้จริงในการเกิดไวรัสซอมบี้ มันก็มาจากปัญหาสังคมที่พวกผู้ใหญ่เองไม่คิดจะแก้อย่างจริงจัง อีกทั้งประเด็นการกลั่นแกล้งในโรงเรียน ประเด็นเด็กท้องในวัยเรียน ประเด็นล่วงละเมิดทางเพศ ประเด็นเห็นแก่ตัวของคนระดับสูง สิ่งเหล่านี้ถูกสอดแทรกเข้ามาตลอดทั้งเรื่องได้อย่างลงตัวงานโปรดักชั่นต้องออกตัวชมเลยว่าเกาหลีนั้นเขาไปไกลแล้วจริงๆเพราะสเกลงานโปรดักชั่นในซีรีส์เรื่องนี้ค่อนข้างที่จะใหญ่เอามากๆ ฉากซอมบี้วิ่งไล่กัดมันดูสมจริงไม่หลอกตา ยิ่งฉากบรรดาผู้คนก่อนจะกลายร่างเป็นซอมบี้ที่ชวนขนลุกไม่น้อย ถึงแม้ท่านผู้ชมบางคนอาจจะเบื่อกับซอมบี้ประมาณนี้ของเกาหลีเพราะมันก็มีความคล้ายคลึงกับพวกซอมบี้ในหนังเรื่อง Train to busan หรือหนังเรื่อง Alive แต่ถ้าลองนึกกลับกันว่าจะมีซีรีส์สักกี่เรื่องที่สามารถเนรมิตโปรดักชั่นออกมาไม่แพ้หนังฟอร์มยักษ์ ดั่งนั้นส่วนนี้เลยเป็นจุดที่น่าชื่นชมไม่น้อยสำหรับซีรีส์ All of Us Are Deadจุดด้อยด้วยความที่หลายอย่างมันอิงตาม Webtoon การกระทำของตัวละครบางอย่างมันเลยดูไม่ค่อยมีเหตุผล ทั้งการตัดสินใจช่วยเพื่อนที่ชวนดูหงุดหงิดไปบ้าง หรือประเด็นความรักในกลุ่มเพื่อนที่มันที่ยัดมาในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งพวกฉากดราม่าเรียกน้ำตาที่ถูกสาดเข้ามาในช่วงท้ายเยอะเกินไป "แทบจะมีทุก 10 นาทีเลยก็ว่าได้" ทั้งที่สามสี่ตอนแรกนั้นซีรีส์เองก็ใส่ฉากดราม่ามาพอดีแล้วแท้ๆ มันเลยอดเสียดายไม่ได้ในจุดนี้อีกเรื่องหนึ่งคือการวางกฎของซอมบี้ที่ค่อนข้างชวนสับสนเพราะแต่ละครั้งที่มีการฆ่าซอมบี้คนดูแทบไม่รู้เลยว่าต้องฆ่าพวกมันตรงส่วนไหน หัว หรือร่างกาย แถมยังมีประเด็นของพวกครึ่งคนครึ่งซอมบี้อีกที่ซีรีส์ไม่ได้อธิบายไว้ว่าเกิดจากอะไรกันแน่ รู้แค่ว่าพวกมันมีสติปัญญาแบบมนุษย์ มีพลังกำลังมากขึ้น ซึ่งถ้าซีรีส์เองไปลดบทดราม่าในช่วงท้ายสักหน่อยแล้วมาอธิบายตรงนี้ให้มากขึ้นมันอาจจะเพิ่มอรรถรสคนดูได้อีกเท่าตัวเลยสรุปโดยรวมAll of Us Are Dead เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่ดูได้เพลินๆเลย ทั้ง 12 ตอนที่วางมานั้นก็ดูไม่เยอะจนเกินไปถ้าเทียบกับความเข้มข้นที่ซีรีส์เองพยายามยัดเข้าตลอด ถึงแม้ฉากดราม่าที่อาจจะเยอะไปสักนิดในช่วงท้าย หรือประเด็นความไม่สมจริงของกฎซอมบี้ แต่ถ้าท่านผู้ที่เป็นสายดูเอามันส์ ดูเอาสนุก ไม่แคร์เนื้อเรื่องมากนัก ซีรีส์เรื่องนี้สามารถตอบโจทย์ของท่านได้อย่างแน่นอนhttps://www.youtube.com/watch?v=_fBcXem2C20รูปภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปก : Netflix Geeked | ภาพประกอบที่ 1 : Soompi | ภาพประกอบที่ 2 : Netflix Geeked | ภาพประกอบที่ 3 : Netflix Geeked | ภาพประกอบที่ 4 : 03_hu | ภาพประกอบที่ 5 : Netflix Geeked | ภาพประกอบที่ 6 : yihyun_1208 | ภาพประกอบที่ 7 : Netflix Geeked | ภาพประกอบที่ 8 : Netflix Geeked | วิดีโอประกอบ : Netflix Thailandบทความแนะนำจากผู้เขียนรีวิว The Silent Sea ทะเลสงัด (แบบไม่สปอยล์)The Wasteland หนีเอาตัวรอดจากปีศาจที่เกิดจากความกลัวThe Lost Daughter ภาพยนตร์ดราม่าส่งท้ายปีที่เล่าถึงความเป็นแม่ได้สะเทือนอารมณ์รีวิว Archive 81 วิดีโอเทปลึกลับกับไทม์ไลน์เวลาประหลาดเกาะติดซีรีส์เรื่องใหม่ ๆ ได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !