เอาใจสายซิทคอมกันบ้างกับ The Bigbang Theory (ทฤษฎีวุ่นหัวใจ) ซีรีส์ซิทคอมสุดเนิร์ด ในตำนานที่หลายๆคนน่าจะเคยดูหรือเคยได้ยินชื่อกันมาบ้าง อีกทั้งยังอยู่เป็นมิตรแท้บน Netflix มาแสนนาน เชื่อว่าต้องมีใครเห็นผ่านตาบ่อยๆแน่นอนสำหรับเรื่องนี้ ถ้ายังไม่ได้ดูสักที นี่คือโอกาสอันดีที่จะได้ไปสัมผัสความสนุกและความเนิร์ดขั้นสุดที่จะมาเสิร์ฟอย่างอัดแน่นด้วยจำนวนซีซั่นที่มากถึง 12 ซีซั่นเลยทีเดียว เรียกได้ว่าแน่นๆจุกๆ หัวเราะจนแก้มแตกกันไปเลย ซิทคอมเรื่องนี้ได้ฉายครั้งแรกเมื่อปี 2007 ทางช่อง CBS มีทั้งหมด 12 ซีซั่น และ 279 ตอน โดยมี Chuck Lorre และ Bill Prady เป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานอันล้ำเลิศนี้ และมี Steven Molaro เป็นผู้นำทีมเขียนบทด้วย ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดก็เดินทางมาจนถึงปี 2019 รวมๆเกือบ 13 ปีเลยทีเดียว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่มีระยะฉายนานมากๆ รับประกันเลยว่าไม่สนุกจริงคงไม่ได้ฉายนานขนาดนี้แน่นอน หากใครคุ้นชื่อของ "Chuck Lorre" คงต้องเคยได้รับชมผลงานของเขาอย่าง The Kominsky Method (โคมินสกี้... ซะอย่าง) เป็นซีรีส์ตลกร้ายที่สนุกเช่นเดียวกัน หรือ ซิทคอมอย่างเรื่อง MOM (คุณแม่ตระกูลแซบ), Dharma & Greg, Two and a Half Men และซิทคอมอีกหลายๆเรื่องซึ่งที่ไม่ควรพลาด เรียกได้ว่าคนนี้เขาเป็นเจ้าพ่อวงการซิทคอมจริงๆ ซึ่งตัวละครในเรื่องไม่ได้มีเยอะมากนัก ได้นักแสดงหลักอย่าง Johnny Galecki (รับ บทเลนเนิร์ด), Jim Parsons (รับบท เชลดอน), Kaley Cuoco (รับบท เพ็นนี), Simon Helberg (รับบท วาลโลวิซ), Kunal Nayyar (รับบท คูธพาลี), Mayim Bialik (รับบท เอมี่) และ Melissa Rauch (รับบท เบอร์นาเด็ท) ซึ่งนักแสดงทุกคนก็เต็มที่กับการถ่ายถอดคาแรคเตอร์ในเรื่องสุดๆ นอกจากนี้ตัวละครอย่างเชลดอน ก็มีภาคแยกออกมาเป็นซีรีส์ของตัวเองด้วยมีชื่อว่า "Young Sheldon" เรื่องย่อว่าด้วยเรื่องราวของก๊วนเพื่อน "เชลดอน" นักวิทยาศาสตร์ผู้ฉลาดเป็นกรดแต่บกพร่องในการใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่น และ "เลนเนิร์ด" นักฟิสิกส์ผู้คลั่งรัก และพยายามรับมือกับรูมเมทเจ้าปัญหาอย่างเชลดอน ซึ่งในก๊วนของพวกเขาประกอบไปด้วย "คูธพาลี" หนุ่มดาราศาสตร์ที่มีปัญหาในการเข้าหาผู้หญิง และ "วาลโลวิซ" วิศวกรหนุ่มสุดเนิร์ดที่มีนิสัยแปลกๆ จนมาถึงวันหนึ่งเมื่อห้องตรงข้ามของเชลดอนและเลนเนิร์ดมีผู้ย้ายมาอยู่ใหม่ "เพ็นนี" หญิงสาวเสิร์ฟห้องตรงข้าม ผู้ใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักแสดง หลังจากเพ็นนีย้ายมา ก็เกิดเรื่องราวสุดกุ๊กกิ๊กและปัญหาแบบเนิร์ดๆอีกร้อยแปดประการที่จะชวนทุกคนขำกลิ้ง และต้องคอยลุ้นว่าพวกเขาจะมีวิธีรับมืออย่างไรในแต่ละวันของพวกเขา ห้ามพลาดเลยทีเดียว!! การดำเนินเรื่องเรื่องราวหลักๆของซิทคอมเรื่องนี้ก็จะเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของนักวิทยาศาสตร์ ใช้สถานที่ของการทำงานและในอพาร์เมนต์เป็นหลัก เนื้อเรื่องก็จะดำเนินไปด้วยการเกิดอุปสรรคต่างๆ ซึ่งความน่าสนใจอยู่ที่ว่า ตัวละครในเรื่องนี้ที่มีท่าที มีวิธีการรับมือกับเรื่องต่างๆได้แบบเนิร์ดจ๋าๆ เป็นวิทยาศาสตร์แบบสุดๆและด้วยความเป็นเหตุเป็นผลที่บางที มันไม่ได้สามารถใช้ได้จริง ก็กลายเป็นมุกตลกที่คาดไม่ถึงเหมือนกัน ในช่วงแรกๆเราก็จะงงๆกับคำพูดคำจา ไม่เข้าใจคำศัพท์ทางวิทยาศาสตร์ที่มันค่อนข้างลึก คำศัพท์ที่คนปกติทั่วไปไม่เอามาพูดกัน แต่ตัวละครในนี้จะพูดกันจนเป็นเรื่องปกติ (5555) ซึ่งใครที่กลัวงง ไม่ต้องกลัวเลย เพราะงงจริง แต่มันเป็นเสน่ห์ และมันเป็นไม้เด็ดของการขำขันแบบเนิร์ดๆที่คุณเองก็จะหลงใหล สิ่งที่เราชอบคือคาแรคเตอร์ของตัวละครในเรื่องนี้ชัดเจนมาก แม้แต่ละคนมีวิธีการเล่าเรื่องได้แตกต่างกัน แต่ก็สามารถเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมได้ตลอด โดยเฉพาะตัวละครอย่าง "เชลดอน คูเปอร์" ที่เนิร์ดสุดๆจนเราปวดหัวตามในบางทีกับพฤติกรรมที่สุดแสนจะสุดโต่งและคาดเดาไม่ได้ หรือจะเป็นตัวละครอย่าง "แม่ของวาลโลวิซ" ที่แม้จะไม่มีใครเคยได้เห็นใบหน้า แถมยังโผล่มาแค่เสียงตลอดทั้งเรื่อง ก็ถือเป็นไอเดียที่เจ๋งมากที่สามารถทำให้ตัวละครโดดเด่นขึ้นมาได้โดยที่ไม่ต้องปรากฎตัวเลยในเรื่อง รวมถึงคำศัพท์แปลกๆที่กลายมาเป็น Iconic ของยุค 2000 หรือจนกลายเป็นมีมที่เอามาเล่นกันอย่างแพร่หลายในโลกโซเชียล สำหรับเราเองแม้จะไม่ได้เนิร์ดวิทยาศาสตร์ขนาดนั้น รู้จักแค่พื้นฐานธรรมดาเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างก็ยังขำมากๆแล้ว ยิ่งถ้าใครเป็นสายวิทยาศาสตร์จ๋าๆ น่าจะยิ่งสนุกและฮาแบบเต็มขั้นแน่ๆ และสำหรับสายเนิร์ดก็คงจะพลาดไม่ได้เลยกับ "วัฒนธรรมแบบเนิร์ดๆ" ซึ่งเรื่องนี้ก็เก็บได้ครบทุกเม็ด ไม่ว่าจะเป็นหนังสือการ์ตูน Comic วิดีโอเกม หรือหนังอวกาศสุดฮิตอย่าง Star Trex และ Star war รวมถึงบอร์ดเกมยุคเก่าด้วย ความที่ซิทคอมเรื่องนี้มีระยะเวลาฉายนานมาก เราจะเห็นพัฒนาการของเทคโนโลยีอย่างชัดเจนเลย ตั้งแต่โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ สื่อต่างๆที่ก็ถูกพัฒนาและปรับเปลี่ยนตามยุคตามสมัย เรียกได้ว่าเป็นซิทคอมที่รวม Pop Culture ทั้งเก่าและใหม่ที่ถูกผสมผสานไว้ได้อย่างดีมาก ยอมรับว่าในตอนแรกที่ดูแอบรู้สึกขัดใจ แล้วก็ไม่ได้สนุกอย่างที่เราคาดหวังกับซิทคอมมากนัก แต่พอดูไปสักพัก กลับติดใจ และหลงรักเหล่าตัวละคร และมุกตลกแบบเนิร์ดๆที่คนทั่วไปอาจจะมองว่ามันฝืด แต่ก็ตลกได้จริงๆ มีหลายซีนที่ทำให้เราประทับใจมากๆ ซิทคอมเรื่องนี้มันมีเสน่ห์อะไรบางอย่างที่จะดึงดูดให้คุณดูได้เรื่อยๆ เหมือนมีมนต์สะกดเอาไว้ และด้วยเอกลักษณ์ความอินดี้และเนิร์ดวิทยาศาสตร์ขั้นสุด มันก็เลยกลายเป็นซิทคอมที่โดดเด่นมากๆ ที่สุดอีกหนึ่งเรื่องเลย สรุปเรื่องนี้ก็ได้กลายเป็นซิทคอมที่รักของเราไปแล้ว พลาดไม่ได้จริงๆสำหรับ The Bigbang Theory (ทฤษฎีวุ่นหัวใจ) ซิทคอมที่จะตอบโจทย์เหล่าเด็กเนิร์ดและส่งความฮาแบบไม่จำกัด จากตำนานความบ้าและความ Iconic แห่งยุค 2000 ที่จะต้องดูสักครั้งให้ได้มีฉายแล้วใน Netflix อย่ารอช้าแล้วดูเลย! 🎬🎥https://www.youtube.com/watch?v=NjeKl3ABjWUขอบคุณวิดีโอ First and Last Lines Spoken By The Big Bang Theory Characters จาก Still Watching Netflixขอบคุณภาพปก / ภาพประกอบ 2 จาก bigbangtheoryweeknights และภาพประกอบ 1/ 3 / 4 / 5-1,5-2 จาก The Big Bang Theory จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !