ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Noel_Gallagher%27s_High_Flying_Birds_@_Mexico_City,_April_10th,_2012.jpgหากใครเป็นแฟนบอยหรือแฟนเกิร์ลของวงร็อคอังกฤษยุค 90 คงไม่มีใครไม่รู้จัก "ป๋าโนล" โนเอล กัลลาเกอร์ อดีตมือกีตาร์และนักร้องนำจอมเก๋าของวงโอเอซิส (Oasis) ที่ปัจจุบันผันตัวมาเป็นนักร้องนำเดี่ยวในนาม Noel Gallagher's High Flying Birds ภายหลังจากเกิดปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับอดีตคู่หูนักร้องนำร่วมวงโอเอซิสอย่าง "ป๋าเลียม" เลียม กัลลาเกอร์ ซึ่งเป็นน้องชายแท้ ๆ ของเขาจนวงแตกแยกทางกันไปเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วโดยล่าสุดในวันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา ป๋าโนลได้กลับมาเยือนไทยอีกเป็นครั้งที่สองภายหลังการแยกวงโอเอซิสเพื่อจัดแสดงคอนเสิร์ตNoel Gallagher's High Flying Birds Live in Bangkokที่ลานแสดง Show DC Arena ทั้งนี้ ผู้เขียนได้มีโอกาสไปสัมผัสบรรยากาศคอนเสิร์ตสุดพิเศษในครั้งนี้ ผู้เขียนจึงขออาสาเล่าบรรยากาศของคอนเสิร์ตนี้แก่ทุก ๆ คนได้สัมผัสดูนะครับ ในช่วงก่อนเข้าคอนเสิร์ต ผู้เขียนต้องเข้าซุ้มเพื่อแลกตั๋วคอนเสิร์ตพร้อมสายรัดข้อมือที่ระลึก เมื่อแลกเสร็จแล้วเนื่องจากผู้เขียนถึงงานก่อนเวลามากและมาดูเพียงคนเดียว ผู้เขียนจึงมีโอกาสได้เดินเล่นสำรวจบรรยากาศทั่วไปของแฟนเพลงของป๋าโนลที่มาคอนเสิร์ตนี้ โดยจากการดูด้วยตาเปล่า ผู้เขียนพบว่ามีแฟนเพลงที่เป็นผู้หญิงมากพอ ๆ กับผู้ชาย และมีแฟนเพลงที่เป็นชาวต่างชาติที่มากพอ ๆ กับชาวไทยด้วยรวมทั้งแฟนเพลงมีตั้งแต่วัยรุ่นคนรุ่นใหม่ที่อาจเกิดไม่ทันยุครุ่งเรืองของป๋าโนลในยุคที่ยังอยู่วงโอเอซิส (รวมทั้งผู้เขียนด้วย) ไปจนถึงวัยกลางคนที่เกิดทัน สิ่งที่ผู้เขียนเห็นจึงนับได้ว่าแฟนเพลงของป๋าโนลนั้นมีความหลากหลายมากกว่าที่ผู้เขียนเคยคิดว่าคงมีเพียงคนกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้นที่ติดตามเพลงของป๋าโนลและวงโอเอซิสภายหลังถึงเวลาอันสมควร ผู้เขียนได้เข้าไปในส่วนของพื้นที่จัดแสดงคอนเสิร์ตโดยได้อยู่บริเวณที่ไม่ใกล้และไม่ไกลจากเวทีจนเกินไป ในช่วงแรกก่อนที่ป๋าโนลจะมา ได้มีการวอร์มอัพโดยให้ วงสมเกียรติ ที่่เป็นเจ้าของเพลงชื่อดังอย่างเพลง "ช่างมัน" ขึ้นมาเล่นก่อนเป็นเวลาเกือบชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่วงสมเกียรติกำลังเล่นไป ผู้เขียนได้สังเกตเห็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนตัวตนของป๋าโนลเป็นอย่างมากอยู่บนเวที สัญลักษณ์นั้นคือตราสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเป็นทีมเชียร์ของป๋าโนลที่เขานั้นรักเปรียบเสมือนกับชีวิตจิตใจของเขา เมื่อประกอบกับความจริงที่ว่าช่วงเวลาก่อนที่ป๋าโนลจะขึ้นเวทีตอนนั้นเป็นช่วงเวลาเดียวกับตอนที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้กำลังเล่นเกมพรีเมียร์ลีกพอดี ผู้เขียนจึงแอบคิดทีเล่นทีจริงว่าคงต้องรอให้บอลจบก่อนแล้วป๋าโนลอาจจะค่อยขึ้นมาบนเวทีก็เป็นได้เนื่องจากป๋าโนลคงน่าจะขอแอบนั่งเชียร์ทีมรักอยู่หลังเวทีก่อน ปรากฎว่าความคิดเล่น ๆ ในหัวกลับแม่นอย่างจับวาง เมื่อเวลาสามทุ่มครึ่งที่บอลจบปุ๊บ ป๋าโนลก็เดินขึ้นเวทีทันทีท่ามกลางเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีของแฟนเพลงทั้งลานคอนเสิร์ตรวมทั้งตัวผู้เขียนด้วย เมื่อมาถึงแล้ว ป๋าโนลเริ่มด้วยการบรรเลงชุดเพลงยุคใหม่ที่เขาแต่งขึ้นหลังแยกออกจากวงโอเอซิส สำหรับชุดนี้ เพลงที่ผู้เขียนประทับใจมากที่สุดคือเพลง Dead In The Water ซึ่งเป็นเพลงที่ช้าแต่เมื่อฟังแล้วเปรียบเสมือนต้องมนตร์สะกดจนแฟนเพลงต่างตบมือด้วยความประทับใจ แม้ระหว่างคอนเสิร์ตบรรเลงไปจะเกิดความวุ่นวายเล็กน้อยจากการที่มีชาวต่างชาติสองคนทะเลาะชกต่อยกันจนถูกเชิญออกไป แต่นั่นก็มิได้กระทบต่อบรรยากาศภาพรวมของคอนเสิร์ตแต่อย่างใด และท้ายที่สุด ส่วนที่แฟนเพลงแทบทุกคนรอคอยมาถึงเมื่อป๋าโนลนำเพลงสมัยยุครุ่งเรืองของวงโอเอซิสมาขับร้องใหม่ไม่ว่าจะเป็นเพลง Whatever, Masterplan, Wonderwall, Stop Crying Your Heart Out และขาดไม่ได้ท้ายที่สุดคือเพลง Don't Look Back In Anger ซึ่งเปรียบเสมือน "เพลงชาติ" ของวงโอเอซิส เพลงเหล่านี้นี่เองที่ทำให้ทั้งแฟนเพลงและผู้เขียนต่างตะโกนร้องเพลงด้วยความสุขเหมือนฝันจนหลังจบคืนนั้นผู้เขียนแทบไม่มีเสียงเหลือเลยไปอีกหลายวันท้ายที่สุด เมื่อคอนเสิร์ตจบลง ผู้เขียนรู้สึกว่าประสบการณ์ครั้งนี้เปรียบเสมือนได้ทำตามความฝันได้สำเร็จที่สักวันหนึ่งหวังว่าจะได้ขับร้องเพลงร่วมไปกับป๋าโนล ความสุขเช่นนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็น "ความสุขเชิงสุนทรียะ" ที่คงหาประสบการณ์ไหนมาเทียบเคียงได้ไม่ง่าย ผู้เขียนเชื่อว่าความรู้สึกเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นเพียงกับผู้เขียนคนเดียว แต่แฟนเพลงในวันนั้นทุกคนก็น่าจะได้สัมผัสด้วยเช่นกันและคงเป็นประสบการณ์ที่คงตรึงอยู่ในความทรงจำไปอีกนานแสนนานเลยทีเดียว...