ภาพยนตร์เรื่อง Hobbs & Shaw อาจจะเป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นทั่วไปที่มีเนื้อหาแยกจากจักรวาล Fast & Furious หากลองมองดูให้ดีแล้ว การที่แยกเนื้อหาออกมา มันส่งผลอะไร ๆ ได้หลายอย่างทีเดียวครับ จนบางทีมันอาจจะเป็นไอเดียการทำจักรวาลแยกในอนาคตก็ว่าได้ครับ หากมองให้ลึกลงไป มากกว่าเป็นแค่หนังแอ็คชั่นเพื่อเสิร์ฟคนดูเท่านั้นก่อนที่จะลงลึกเกี่ยวกับประเด็นหลักนั้น เรามาดูที่เรื่องย่อกันก่อนครับ Hobbs & Shaw หรือชื่อเต็ม Fast & Furious Hobbs & Shaw จะดำเนินเรื่องในอีกฟากฝั่งของจักรวาล Fast เป็นเรื่องราวการทำภารกิจของ Hobbs เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทางการฑูต ต้องจำใจร่วมมือกับ Shaw นักฆ่านอกกฎหมายและน้องสาวของเขา โดยต้องชิงอาวุธชีวภาพจาก Brixton ชายสุดแกร่งผู้มีพลังกึ่งจักรกลเพื่อปกป้องโลกใบนี้ให้ได้การทำหนัง Spin-off โดยไม่อ้างอิงจากเนื้อเรื่องหลัก แต่อาจจะอ้างอิงบางตัวละครแล้วเดินเรื่องใหม่หมดนั้น มันมีข้อดีอยู่หลายประการครับ อย่างแรกเลยก็คืออิสระในการเขียนเนื้อเรื่อง ทำให้ทีมเขียนบทสามารถเสริมแต่งจินตนาการได้เต็มที่ ไม่มีการจำกัดกรอบมากนัก ลองคิดดูว่าถ้าหาก Hobbs & Shaw ยังติดอยู่กับเนื้อหา Fast & Furious มันจะมีข้อจำกัดมากมาย เช่นการแข่งรถ, อาชญากรตัวร้าย, รถซิ่งที่ต้องอ้างอิงจากภาคก่อน ๆ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ทำให้จำกัดความคิด ต้องหาทางเขียนบทหาความสมเหตุสมผลด้วยขณะเดียวกันเมื่อแยกเป็นหนังเดี่ยว Spin-off ออกมาเราจะถูกจำกัดแค่ตัวละครเท่านั้น ส่วนเนื้อหาก็จะเปิดกว้างให้เราเติมเต็มใส่ได้เต็มที่ ซึ่งผลลัพธ์ก็ออกมาอย่างที่ได้รับชมกันไปเมื่อปีที่ผ่านมาครับ แถมยังไม่ถูกครหาว่าเป็นหนังออกทะเล นั่นก็เพราะเดินเรื่องใหม่หมดมาในธีมโลกจารชนสุดไฮเทค ไม่ใช่แก๊งซิ่งข้างถนนอีกต่อไป การได้สองตัวละครอย่าง Hobbs กับ Shaw ซึ่งเป็นตัวละครที่มีบทไม่มากนักในจักรวาล Fast หลัก ทำให้มีอิสระในการเขียนบทตัวละครมากขึ้นไปอีก เราจะได้รับรู้อีกแง่มุมของพวกเขาว่ามีอะไรบ้าง แถมการจับคู่ของสองคนนี้ก็เป็นอะไรที่ลงตัวที่สุดครับ การนำตัวละครที่มีความตรงข้ามอย่างสุดขั้วแต่ต้องมาอยู่ร่วมกัน มันเป็นสูตรที่ดูสนุกเสมอจากความอิสระที่ว่ามา เลยทำให้ Hobbs & Shaw มีความเวอร์วังโดยไม่ต้องเคอะเขินครับ ดังนั้นแล้วการจะได้เห็นมนุษย์ดัดแปลงเพิ่มพลัง, มอเตอร์ไซค์เปลี่ยนรูปร่างได้, คนต่อสู้จากที่สูงตกมาแล้วไม่ตาย จึงเป็นอะไรที่รับได้เพราะตัวหนังได้เซ็ตธีมเรื่องสุดโอเวอร์ไว้แล้ว นอกจากนี้ตัวหนังยังทำให้เห็นถึงหนทางใหม่ ๆ ในการทำหนังเรื่องต่อไป เราอาจจะได้เห็นจักรวาล Hobbs & Shaw อย่างจริงจัง รวมถึงภาพยนตร์ Spin-off แยกเดี่ยวของตัวละครใน Fast & Furious ไม่แน่ว่าอาจจะได้เห็นหนังเดี่ยวของ Dominic Toretto ก็ได้ อีกอย่างที่น่าสนใจก็คือมันเป็นการเบิกทางใหม่ เผื่ออนาคตเมื่อเนื้อหาหลัก Fast & Furious ถึงทางตัน ก็ยังมี Hobbs & Shaw เป็นอีกตัวเลือกในการทำเงินอย่างไรก็ตามในตอนนี้ Hobbs & Shaw ก็ยังไม่สามารถบอกได้เต็มปากว่า มันจะมีภาคต่อขยับขยายเนื้อหา ถึงแม้ว่ารายได้กับเสียงคำชมจะอยู่ในเกณฑ์ดีพอใช้ได้ก็ตาม ก็ต้องดูกระแสทิศทางลมต่อไป แต่ส่วนตัวแล้วการเดินทางของภาคแยกแบบนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีครับ เป็นการสร้างสรรค์เนื้อหาใหม่ ๆ ไม่ให้จำเจเกินไป แถมค่ายผู้ผลิตก็ยังรับรายได้ 2 ต่อ เรียกว่าเป็นการตลาดที่ทำได้ดีทีเดียวครับหากจะว่าในเรื่องราวของ Hobbs & Shaw นั้น ส่วนตัวแล้วทางผู้เขียนรู้สึกว่าเป็นภาพยนตร์ที่ตอบโจทย์เรื่องแอ็คชั่นมากขึ้น การเดินเรื่องไม่ซับซ้อนดูง่าย มีทั้งความมันส์และความฮา อีกทั้งเคมีของ Dwayne Johnson กับ Jason Statham เข้ากันได้ดีกว่าที่คาดเอาไว้ รวมไปถึงตัวร้ายอย่าง Idris Elba ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี โดยเฉพาะไคลแม็กซ์สุดท้ายเล่นเอาลุ้นจนตัวโก่งเลยล่ะครับ รวมแล้วมันเป็นภาพยนตร์แอ็คชั่น Spin-off ที่ดูสนุกเพลิดเพลินและเป็นใบเบิกทางที่ดี กับการนำไปสู่สิ่งใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตครับที่มารูปภาพ: ภาพปก / รูปภาพ 1 / รูปภาพ 2 / รูปภาพ 3