Harry Potter คือหนังเวทย์มนตร์จากโลกนวนิยายที่ยังคงไม่หายเวทย์อันแสนวิเศษแม้ว่าจะผ่านมานานแค่ไหน จากปลายปากกาของ เจ. เค. โรว์ลิ่ง ที่สร้างทั้งกระแสและรายได้ขึ้นหิ้งที่น่าจดจำในโลกภาพยนตร์และเป็นต้นแบบของหนังเวทย์มนตร์ในดวงใจของใครหลายคนเป็นต้นมา แม้จะจบไตรภาคไปนานกว่าหนึ่งทศวรรษ แต่ก็ไม่จางหายไปจากความทรงจำคนดู ในหลายครั้งที่ Harry Potter ก็ถูกนำกลับมาฉายอยู่ใหม่หลายครั้ง รวมถึงครั้งนี้ล่าสุดที่ประเทศไทยก็ได้นำ Harry Potter and the Half-Blood Prince มาเข้าฉายอีกครั้ง ซึ่งนี่ก็ได้เป็นประสบการณ์ครั้งแรกของเราที่ได้รับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! Harry Potter and the Half-Blood Prince ครั้งแรก ภาคที่ทั้งหม่น ทั้งหมัดแบบเปลี่ยนโทนได้ทำถึง หนึ่งในสิ่งที่สัมผัสได้ตั้งแต่ต้นเรื่องคือ “ความอึมครึม” ที่เริ่มปกคลุมทุกอย่างฮอกวอตส์ไม่ได้รู้สึกเหมือนบ้านที่ปลอดภัยเหมือนเคยตัวละครหลายคนดูเครียดขึ้น หนักขึ้น และในขณะเดียวกัน คนดูก็เริ่มรู้สึกเหมือนกันว่าโลกนี้กำลังจะเปลี่ยนไปจริง ๆ ซึ่งเปลี่ยนมูดหน้ามือเป็นหลังมือได้สุดพลังแบบไม่เคยสัมผัส ซึ่งเป็นอะไรที่เราชอบอาจจะเพราะพอดีกับช่วงวัยที่ได้มาดูครั้งแรกจึงมีความอินแบบพอดิบพอดี จากเวทมนตร์สู่โลกที่เริ่มไม่ปลอดภัย ภาคก่อนหน้าอาจยังมีบางช่วงที่เบากว่า มีฉากเวทมนตร์ มีการแข่งขัน มีเรื่องให้ตื่นตาตื่นใจบ้างตามภาษาวัยรุ่น แต่ในภาคนี้ สิ่งเหล่านั้นค่อย ๆ ถูกลดทอนลงไป เพื่อเปิดทางให้กับความรู้สึกใหม่ที่เข้มข้นขึ้น ความกลัว ความไม่แน่นอน และความเปลี่ยนแปลงตัวเรื่องเริ่มตั้งแต่โลกมักเกิ้ลถูกรุกราน ฮอกวอตส์ที่เคยปลอดภัยก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแม้แต่ดัมเบิลดอร์เอง ก็ไม่สามารถรับมือกับทุกอย่างได้เหมือนเคยบรรยากาศโดยรวมของเรื่องเต็มไปด้วยแรงกดดันที่ค่อย ๆ สะสม ทั้งอารมณ์และงานภาพที่ดูเปลี่ยนขึ้นจากภาคก่อนได้ชัดเจนและดีขึ้นมาก ๆ ที่ช่วงส่งเสริมให้อินตามหนังได้ดี การกลับมาของสิ่งที่เรียกว่า “ปริศนา” แม้จะเป็นภาคที่เริ่มมีความจริงจังและหม่นลงมากกว่าเดิม แต่ Half-Blood Prince ก็ยังไม่ทิ้งเสน่ห์สำคัญของแฮร์รี่ พอตเตอร์ นั่นคือ “ปริศนา” ที่ต้องคลี่คลายหนังสือปรุงยาของใครบางคนที่ใช้ชื่อว่า “เจ้าชายเลือดผสม” กลายเป็นตัวเชื่อมเรื่องราวทั้งเรื่องในแง่หนึ่งมันช่วยให้แฮร์รี่เก่งขึ้น แต่ในอีกแง่หนึ่ง มันก็ค่อย ๆ ดึงเขาเข้าใกล้ความลับบางอย่างที่อันตรายกว่าที่คิดตัวหนังทำให้คนดูรู้สึกเหมือนกำลัง “ค่อย ๆ ถลกเปลือกความจริง” ออกทีละชั้นและเมื่อถึงจุดเฉลย ก็ไม่ใช่แค่ความตกใจ แต่คือความรู้สึกว่า “ทั้งหมดมันไม่ใช่อุบัติเหตุ” แต่มันคือชะตากรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ซึ่งมันคือมันเหมือนมนต์เสน่ห์ที่เดินออกจากหนังสือมาทำได้ดีอย่างมาก ๆ มากกว่ามืดหม่นคือเรื่องราวความสัมพันธ์ที่ใส่มาพอดี ภาคนี้มีพาร์ทความรักเข้ามาเยอะมาก ซึ่งปกติถ้าใส่มาแบบเยอะ ๆ อาจจะดูขัดหรือทำลายโทนหนังแต่ในเรื่องนี้กลับรู้สึกว่า “พอดี” และ “มีเหตุผล” เพราะตัวละครแต่ละคนก็กำลังเผชิญความเปลี่ยนแปลงในตัวเอง และความรักคืออีกสิ่งที่เขาไม่สามารถควบคุมได้รอนกับเฮอร์ไมโอนี่ที่เริ่มห่าง รอนมีแฟนใหม่ เฮอร์ไมโอนี่แอบเสียใจแฮร์รี่กับจินนี่ที่เริ่มมีเคมีบางอย่าง แม้จะไม่พูดเยอะ แต่คนดูก็รู้สึกได้ทั้งหมดนี้ทำให้โลกของแฮร์รี่ดู “จริง” มากขึ้น เป็นวัยรุ่นที่มีความรักท่ามกลางโลกที่กำลังพัง เพิ่มมิติตัวละครเข้ามาและเรื่องราวที่มีอะไรมากกว่าเวทย์มนตร์สนุก ภาพรวมคือภาคที่กล้าจะโต และทำได้ดีมาก ๆ ในความเป็นภาคต่อ Half-Blood Prince เป็นภาคที่ไม่เน้นแอ็กชันหรือเวทมนตร์ตระการตา แต่เน้น “ความรู้สึก” และ “ความจริง”มีความเป็นหนัง coming-of-age ที่แฝงอยู่ในเรื่องแฟนตาซีแบบชัดเจนและทำให้เห็นว่าโลกเวทมนตร์เองก็โหดร้ายไม่ต่างจากโลกจริงแม้จะไม่ได้มีฉากใหญ่ตระการตามากมาย แต่นี่คือภาคที่เต็มไปด้วยรายละเอียด ความซับซ้อน อาจเป็นภาคที่ไม่หวือหวาแต่คือภาคที่กล้าทิ้งความแฟนตาซีบางส่วน เพื่อพาเราเข้าไปเจอกับความจริงมากขึ้นมันคือการพาเด็กวัยรุ่น 3 คนก้าวเข้าสู่โลกของผู้ใหญ่แบบไม่มีทางถอยและคือภาคที่วางหมากสำคัญไว้ครบถ้วนก่อนเข้าสู่บทสรุปใหญ่ในภาคถัดไปดูจบแล้วไม่ได้รู้สึกแค่ “สนุก”แต่คือรู้สึกว่าเราเองก็โตมาพร้อมกับพวกเขาเหมือนกัน ขอบคุณแหล่งที่มาของภาพ ภาพหน้าปก 1 จาก Facebook : Warner Bros. Pictures ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 จาก Facebook : Warner Bros. Pictures จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !