อีกหนึ่งเพลงที่เป็นตำนานและเป็นการกลับมายืนหยัดในวงการเพลงได้เต็มเกียรติอีกครั้งของ 'Mariah Carey' ถ้าให้นึกถึงคงมีเพลง 'We Belong Together' อยู่ในรายชื่ออย่างแน่ ๆ เพราะเพลงนี้สามารถขึ้นอันดับ 1ในชาร์ต Billboard Hot 100 นานถึง 14 สัปดาห์ ถือเป็นเพลงไอคอนและเพลงตำนานของมารายห์เลยก็ว่าได้ ดังนั้นเพลงนี้จึงถือเป็นอีกเพลงหนึ่งที่น่าสนใจที่จะมาวิเคราะห์เนื้อหาในเพลงกันครับI didn't mean it When I said I didn't love you, so I should have held on tight I never shoulda let you go I didn't know nothing I was stupid, I was foolish I was lying to myself I could not fathom that I would ever Be without your love Never imagined I'd be Sitting here beside myself 'Cause I didn't know you 'Cause I didn't know me But I thought I knew everything I never feltท่อนแรกมรายห์กล่าวว่า "ที่ฉันบอกว่าฉันไม่ได้รักคุณ ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะ ฉันน่าจะกอดรั้งคุณไว้เพื่อไม่ให้คุณจากฉันไป ฉันโง่มากและชอบคุณโกหกตัวเอง ฉันไม่เคยคิดหรือเข้าใจว่าจะอยู่ยังไงโดยปราศจากความรักจากคุณ ฉันไม่เคยจินตนาการมาก่อนที่จะต้องอยู่คนเดียว เพราะฉันไม่เคยรับรู้ถึงความรู้สึกของตัวคุณและตัวของฉันเอง แต่ตอนนี้ฉันรู้ชัดแจ้งแล้วทุกอย่าง"จากท่อนนี้วิเคราะห์ได้ว่า มารายห์กำลังพูดถึงความสัมพันธ์ของเธอกับแฟนในอดีต ความรักของทั้งสองคนนั้นหวานชื่น ซึ่งมันทำให้เธอไม่เคยคิดว่าความสัมพันธ์ครั้งนี้จะแตกหักลงได้ จนบางครั้งเธออาจพูดพลั้งปากว่าไม่รักแฟนของเธอเมื่อมีปัญหา แต่เธอก็ต้องกลับมารู้สึกเสียใจในภายหลัง เพราะจริง ๆ แล้วเธอรักเขามากและการที่แยกทางครั้งนี้มันทำให้เข้าใจอย่างชัดเจนว่าเธอรักเขามากขนาดไหน When you left I lost a part of me It's still so hard to believe Come back baby, please 'Cause we belong togetherWho else am I gon' lean on When times get rough Who's gonna talk to me on the phone Till the sun comes up Who's gonna take your place There ain't nobody better Oh, baby baby, we belong togetherในท่อนฮุคมารายห์กล่าวต่อว่า "เมื่อคุณจากไปจากฉัน มันยากเหลือเกินที่จะต้องทำใจเชื่อ กลับมาเถอะ กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม ใครกันที่ฉันพักพิงได้เวลาเธอปัญหา ใครกันที่จะคุยโทรศัพท์กับฉันจนพระอาทิตย์ขึ้น ใครกันที่จะอยู่กับฉันตอนที่ไม่เหลือใคร กลับมาเถอะกลับมาอยู่ด้วยกัน"จากท่อนนี้เป็นการที่เธอรำพึงรำพันถึงช่วงเวลาดี ๆ ในความสัมพันธ์ ทุกครั้งที่มารายห์เกิดปัญหาแฟนหนุ่มของเธอจะเป็นคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเธอเสมอ ในทุกครั้งที่เธอรู้สึกไม่เหลือใคร จะมีแฟนหนุ่มคนนี้ที่จะเข้ามาเติมเต็มและทำให้ความเจ็บปวดของเธอหายไปได้ตลอด แน่นอนว่าเธอปฏิเสธใจของตัวเองไม่ได้ว่าเธอยังรักเขา ถึงแม้ความสัมพันธ์มันจะจบลงไปแล้ว แต่ลึก ๆ แล้วเธอยังคงต้องการให้เขากลับมาเชื่อมความสัมพันธ์กันใหม่อีกครั้งI can't sleep at night When you are on my mind Bobby Womack's on the radio Saying to me "If you think you're lonely now" Wait a minute This is too deep (too deep) I gotta change the station So I turn the dial Trying to catch a break And then I hear Babyface I only think of you And it's breaking my heart I'm trying to keep it together But I'm falling apartท่อนต่อมาเธอกล่าวต่อว่า "ฉันนอนไม่หลับในตอนกลางคืน เพราะในหัวของฉันยังคงนึกถึง ฉันฟัง Bobby Womack ในวิทยุซึ่งเขาร้องว่า "ถ้าคุณกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวในตอนนี้" ประโยคนั้นมันเจ็บปวดและแทงใจของฉันมาก ฉันต้องรีบเปลี่ยนคลื่นทันที แต่เมื่อเปลี่ยนฉันกลับได้ยินเพลง Baby Face และมันยิ่งทำให้ฉันคิดถึงคุณ ฉันปวดใจมาก ๆ ถึงแม้จะทำใจมากแค่ไหน มันก็ล้มเหลวตลอด"จากในท่อนนี้วิเคราะห์ได้ว่า มารายห์ยังคงคิดถึงอดีตแฟนหนุ่มของเธอเสมอ เธอพยายามที่จะทำใจและลบภาพของเขาออกไปจากความทรงจำ แต่ยิ่งเธอพยายามมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งล้มเหลวมากเท่าไหร่ มิหนำซ้ำมันยังทำให้เธอคิดถึงเขามากกว่าเดิม I'm feeling all out of my element I'm throwing things, crying Trying to figure out Where the hell I went wrong The pain reflected in this song It ain't even half of what I'm feeling inside I need you Need you back in my life, babyท่อนสุดท้ายก่อนเข้าฮุคจบมารายห์กล่าวว่า "ฉันปาของเพราะรู้สึกอึดอัดในหัวใจ ฉันร้องไห้และพยายามหาทางออกว่าฉันทำอะไรผิดไป ความเจ็บปวดในเพลงที่ฉันฟัง มันไม่ถึงครึ่งหนึ่งที่ฉันเจ็บปวดภายในใจ ฉันต้องการคุณกลับมาในชีวิตของฉัน"ท่อนนี้วิเคราะห์ได้ว่า มารายห์นั้นรู้ดีแล้วว่าเธอเองที่ทำให้ความสัมพันธ์ครั้งนี้จบลง เพราะความพลั้งปาดของเธอ และความเจ็บปวดนี้เธอรู้ดีว่ามันไม่มีทางหายไปแน่ ๆ และวิธีเดียวที่จะช่วยเธอได้คือการที่คนรักของเธอนั้นจะกลับมาหาเธออีกครั้งจากบทเพลงทั้งหมดข้างต้นสรุปได้โดยรวมได้ว่า มารายห์นั้นยังคงรู้สึกเจ็บปวดกับความรักครั้งเก่า เพราะเธอรู้ดีอยู่เต็มใจว่าความสัมพันธ์ครั้งนี้ เธอเป็นคนทำลายมันลงเองด้วยคำพูดเพียงคำเดียวว่า "ไม่รัก" แต่เมื่อคนรักของเธอออกไปจากชีวิต มารายห์ก็รู้ทันทีเธอยังคงรักเขาอยู่เต็มหัวใจ ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามลบความทรงจำในอดีตออกไปยังไงก็ไม่สามารถลบออกไปได้อยู่ดี เพราะเธอยังคงต้องการให้เขากลับมาเชื่อมความสัมพันธ์อีกครั้งจริง ๆ บทหากเจาะลึกและวิเคราะห์ดีอย่างจริงจัง เพลงความรักอย่าง 'We Belong Together' ก็เป็นอีกหนึ่งบทเพลงที่เตือนสติคู่รักหลาย ๆ คู่ได้เป็นอย่างดี เพลงนี้สอนให้เรารู้ว่าคำพูดมีอิทธิพลมากขนาดไหน ต่อให้คุณจะทำดีมามากหรือซื่อสัตย์ต่อความรักมาเสมอ แต่การพูดแบบไม่คิดหรือไตร่ตรองก่อน บางครั้งคำพูดเพียง 2 'ไม่รัก' ก็มีอานุภาพพอที่จะทำลายความสัมพันธ์ให้จบลงได้จากคำพูดคำนั้นได้อย่างง่ายดาย ฟังเพลงได้ที่ : Youtubeเครดิตภาพภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพหน้าปก