ในฐานะที่ผู้เขียนเป็นแฟนแอนิเมชัน (Dreamwork Animation) ในจักรวาลเชร็ค (Shrek) อยู่เป็นทุนเดิม แล้วยังเป็นแฟนแอนิเมชันเรื่อง Puss in Boots ที่ฉายบนจอเงินครั้งแรกในปี 2011 นับว่าเป็นแอนิเมชันที่ฉายห่างจากภาคแรกนานมากถึงสิบกว่าปี แต่ก็เป็นสิบกว่าปีที่คุ้มค่าในการรอคอย ต้องออกตัวไว้ก่อนเลยว่าใครที่ไม่ใครดู Shrek มาก่อนหรือ Puss in Boots ภาคแรกมาก่อนก็สามารถดู เจ้าภาคนี้ได้อย่างรู้เรื่องเพราะ Puss in Boots: The Last Wish พุซ อิน บู๊ทส์ 2 เนี่ยเป็นเรื่องราวที่ไม่ได้มีเคล้าโครงหรือจุดที่สร้างต่อจากภาคก่อนหน้าเลยแม้แต่น้อย นับว่าเป็นทุนเดิมที่ภาพยนตร์แอนิเมชันอย่างเรื่องนี้ที่กล้าเล่นใหญ่ไม่แพ้รุ่นพี่อย่าง Shrek กับการยำรวมเรื่องราวของคำว่าเทพนิยาย ที่ได้เรื่องราวจากนิยายต่างๆมายำรวมกันไม่ว่าจะเป็น Goldilocks and the Three Bears จากวรรณกรรมประเทศอังกฤษ หรือแม้แต่ Little Jack Horner จากเพลงกล่อมเด็กในศตวรรษที่ 18 “ความสร้างสรรค์ในการยำโลกเทพนิยาย (Fairy Tales)” ในเรื่องนี้ได้ผู้กำกับมากฝีมืออย่าง Joel Crawford กับ Januel Mercado เขียนบทสุดประทับใจโดย Paul Fisher / Tommy Swerdlow / Tom Wheeler สุดยอดมือเขียนบทที่ฝากผลงานเอาไว้มากมายเล่าย่อๆเรื่องราวของเจ้าแมวส้มนักดาบ ต้องถึงการวางมือเมื่อพบว่าชีวิตของตัวเองนั้นกำลังจะถึงจุดจบ เมื่อเขาได้เผชิญหน้าความตายมาแล้ว ความกลัวจึงเข้ามากัดกินจิตใจของเขา แต่แล้วเรื่องราวก็วายป่วงขึ้นเมื่อได้รู้ว่า มีสิ่งวิเศษสิ่งหนึ่งที่จะสามารถ ทำให้ตัวเขาได้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข และหัวเราะใส่หน้าพญายมอีกครั้ง เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไรต้องติดตาม“กล้องพร้อม นักแสดงพร้อม เทปเดิน…ซีน 1 คัท 1 เทค 1…แอ็กชัน”1 ซีน (Scene) คือ “ฉาก” ว่าด้วยเรื่องของฉาก / Spider-Man: Into the Spider-Verse (2018) ทำไหมผู้เขียนถึงได้หยิบยกแอนิเมชันเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะว่างานสายเส้นของ Puss in Boots: The Last Wish มันเป็นอะไรที่มีเอกลักษณ์ที่เหมือนกันมากๆ เลยก็ว่าได้ แต่เป็นอะไรที่ผู้เขียนชอบเพราะเราจะได้เห็นความสวยงามในแบบ กึ่งอนิเมะกึ่งแอนิเมชันหากเปรียบเทียบกับภาคแรกผู้เขียนชอบงานภาพแนวนี้มากกว่ามันไม่ได้ดูเรียลจนเกินไป เห็นความเป็นเส้นเป็นขีดเหมือนเรากำลังเปิดอ่านมังงะหรือกำลังดูอนิเมะสุดมันส์ยังไงหยั่งงั้น ถึงกระนั้นความเป็น Dreamwork Animation ก็ไม่เคยหายไปเพราะการออกฉากก็ยังคงความงดงามในแบบฉบับได้อย่างดีไม่มีเคอะเขิน ผู้เขียนสนใจงานภาพยนตร์แบบนี้มานานและดีในที่ผู้กำกับอย่าง Joel Crawford เลือกที่จะสร้างมันออกมาแบบนั้น มุมกล้องที่หวือหวางานภาพยนตร์อลังการ บวกกับ Mood and Tone ที่เต็มไปด้วยความน่าสนใจและตรึงตาตรึงใจ และที่แน่นอนคือ ฉากสูตรสำเร็จในการสร้างเรื่องราวของคำว่าแอนิเมะชันที่ขาดไปไม่ได้คงเป็นเรื่องของ ตัวละครที่เต็มไปด้วยจุดน่าสนใจ และน่าค้นหาสัมผัสได้ถึงแอนิเมชันยุครุ่งเรือง ทั้ง Shrek, Kung Fu Panda และ How to Train Your Dragon นับเป็นการกลับมาที่เราเหล่าคนดูคุ้มค่า และหายคิดถึงได้อย่างน่าจดจำ2 คัท (Cut) คือ “มุม”ว่าด้วยเรื่องของบท / ประเด็นการเล่าเรื่องราวที่หนักหน่วงของเรื่องนี้ผู้เขียนต้องยอมรับเลยว่า เล่าเรื่องราวที่สดใหม่ไม่อิงความนิยมหรือความดังจากภาคแรก บอกได้คำเดียวเลยว่า คนที่ไม่เคยดูภาคแรกมาก่อนดูภาคนี้ก็ยังเข้าใจและจะหลงรักตัวละครได้อย่างไม่รู้ตัว เป็นบทภาพยนตร์แอนิเมชันที่น่าสนใจ เพราะเป็นการเล่าเรื่องราวประเด็นผู้ใหญ่ในแอนิเมะชันเด็ก ผู้เขียนเชื่อว่าผู้ใหญ่หลายคนที่ไม่ใช้สายดูหนังเหมือนผู้เขียน คงจะคิดว่ามันก็เป็นแค่การ์ตูนเด็กแต่ที่ไหนได้บทโคตรทรงพลังไปเลย บอกได้คำเดียวว่าใครพลาดคือเสียใจ พล็อตเรื่องที่เล่าถึงประเด็นการใช้ชีวิต สังคม ครอบครัว ที่เหมือนจะเป็นอะไรที่ชวนให้เป็นเรื่องราวดราม่า แต่บทภายนตร์แอนิเมชันเรื่องนี้กลับถ่ายทอดเรื่องได้อย่างอย่างคลายกังวล ผ่านตัวละครแมวส้มเจ้าเสน่ห์ที่เราเหล่าคนดูคุ้นเคย การสร้างบทให้มีมิติแอนิเมะชันเด็กเนื้อหาผู้ใหญ่เรื่องนี้ จึงเป็นอีกเรื่องที่ไม่ชวนหัวแต่เป็นเรื่องราวในแง่การตั้งคำตาม เนื้อหา การกระทำ คำพูด ทุกอย่างจึงเป็นเหตุที่ทำให้ภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องนี้สมเหตุสมผลและลงตัวมากๆอีกเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้3 เทค (Take) คือ “จำนวนครั้งที่เล่น”ว่าด้วยเรื่องของตัวละคร / จากวรรณกรรมอิตาลีในศตวรรษที่ 16-17 ของ Giovanni Francesco Straparola. เรื่องราวของหนุ่มน้อยผู้แสนอาพับที่ได้มรดกเป็นแมวหนึ่งตัว ในนิยายเรื่องนี้แมวตัวนี้คือแมวที่พูดได้และมีนิสัยต้มตุ๋นจนได้ทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อไปมอบให้นายของมัน แต่นี้ไม่ใช่ตัวละครที่ผู้เขียนสนใจเพราะผู้เขียนสนใจตัวละครตัวหนึ่งที่มีเสน่ห์ที่สุดในเรื่องนี้อย่าง The Wolf / EI Lobo ตัวละครที่น่าจดจำมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการวางตัวบทสนทนาหรือแม้แต่คาแรกเตอร์ Death คือสิ่งที่ตัวละครตัวนี้ถูกเรียก Death ตัวละครตัวนี้ไม่ได้พูดให้เหมือนกำลังดูเท่ห์ ในทางเปรียบเปรย ในทางวาทศิลป์ ในทางทฤษฎี หรือแม้แต่ในทางบทกวี นี้คือพญายมตรงตัว ตัวละครที่ดูเหมือนจะมาเป็นตัวร้ายแต่ในสายตาของผู้เขียนตัวละครตัวนี้มีนัยสำคัญมากกว่านั้น ในเชิงความหมายและประเด็นตกผลึก เหมือนว่ามันกำลังจะมาสอนให้เราเหล่าคนดูรู้จักที่จะระวังในการใช้ชีวิตมากกว่า เป็นตัวละครที่น่าจดจำจริงๆโผล่ในเรื่องไม่มากแต่ก็เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ได้โล้กันเลยทีเดียว มือถือเคียวเหมือน ยมทูต กริม รีปเปอร์ แถมยังคลุมผ้าสีดำ ที่น่าสนใจคือเสียงผิวปากแห่งความตายที่เหมือนกับตำนานเก่าแก่ของแถบอเมริกาใต้ อย่าง The Silbón นับเป็นตัวละครที่ออกแบบมาได้อย่างน่าสนใจ 4 Slate คือ ป้ายที่เขียนบอก ซีน คัท เทคว่าด้วยเรื่องของความหมาย / เมื่อตายไปในความเชื่อของคนคือวิญาณได้หลุดออกจากร่าง และการที่วิญญาณหลุดออกมานั้น ในตำนานกรีกโบราณเชื่อว่าจะมีผู้นำดวงวิญญาณชื่อว่า Charon นั้นจึงเป็นเหตุผลใหญ่ๆทำให้ชาวกรีกต้องวางเหรียญไว้ที่ตาทั้งสองข้างเพื่อเป็นค่าผ่านทาง ความตายถูกนำมาเป็นประเด็นที่น่าสนใจมากๆของแอนิเมชันเรื่องนี้ ตัวละครในเรื่องนี้ออกแบบมาผู้เขียนว่ามันมีนัย คือใช้หมาป่าสัญลักษณ์ของการล่าเหยื่ออย่างไม่ลดละความพยายาม เหมือนความตายที่ไล่ล่าเหล่าทุกสัพสิ่งในโลกใบนี้ ในแอนิเมะชันเสนอความเป็นอมตะของแมวว่ามีเก้าชีวิต ในความเป็นจริงแล้วคนที่มีชีวิตที่มากขนาดนั้นย่อมหาทางแก้ไขในเรื่องที่ผ่านมา แต่เจ้าพุซ อิน บู๊ทส์ กับทำเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กเหมือนชีวิตนี้เป็นเพียงของเล่นสำหรับเขา นั้นคือการโกงความตายและไม่เคยแยแสชีวิตที่จากไป หรือสนใจชีวิตที่เหลืออยู่เลย อย่างไรก็ตามผู้เขียนมองว่าของบางอย่างที่มีน้อยหรือหายไปสะก่อน ไม่เว้นสิ่งของหรือแม้แต่ชีวิตก็ตาม คนถึงจะมองเห็นคุณค่าของมันอย่างแท้จริง ดั่งที่ใครหลายๆคนคิดไว้ว่าชีวิตนี้ยังมีเวลาเสมอจะใช้ชีวิตยังไงก็ได้ แต่ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งของชีวิตก็คือในโลกใบนี้ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ตามตายเป็นสิ่งที่แน่นอนเสมอผู้เขียนเชื่อว่าอย่างนั้น แอนิเมชันเด็กพูดประเด็นผู้ใหญ๊ผู้ใหญ่ เคลื่อด้วยความน่ารักของคาแรกเตอร์ตัวละคร เต็มไปด้วย magic moment ที่เรียบง่ายแต่ฮุคหนัก นับว่าเป็นการรอคอยที่คุ้มค่ามากๆในการรับชม5 “คัท !!!!”แอนิเมชันน้ำดีที่เต็มไปด้วย Easter Egg และ ปรัชญาชีวิตเปรียบเสมือนตำราหรือหนังสือเนื้อหาดี ที่ทำให้เราเหล่าคนดูเห็นคุณค่าและหาความหมายในการใช้ชีวิต นับว่ามีแปลกและแหวกขนมมากๆสำหรับแอนิเมชันเรื่องเยี่ยมนี้ ที่ผู้เขียนว่าแหวกขนบเพราะการเล่าเรื่องที่ไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกับเรื่องอื่นๆ เช่นการช่วยเจ้าหญิง ช่วยเพื่อน หรือแม้แต่ช่วยโลก เพราะว่า Puss in Boots: The Last Wish 2022 เรื่องนี้กับต้องมาช่วยตัวเอง หรือที่ผู้เขียนบอกว่ากอบกู้ตัวเอง เป็นความแปลกใหม่ที่น่าสนใจมากๆ อีกหนึ่งอย่างที่ขาดไม่ได้คงจะเป็นในเรื่องของตัวบทที่คมคายเล่าเรื่องราวได้อย่างมีชั้นเชิง ถึงแม้จะการันตีว่าเป็นแอนิเมชันสำหรับเด็กแต่การเล่าเรื่องราวนั้นไม่เด็กเลย เป็นการแหวกขนบที่ Dreamwork Animation การที่จะนำเสนอ กับการเล่าเรื่องของ “ความตาย” ซึ่งในแง่ของแต่ละช่วงอายุนั้นผู้เขียนเชื่อว่า มีการตีความหมายที่แตกต่างออกไปอย่างแน่นอน และสิ่งหนึ่งที่เป็นของจริงคือ “ความตายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และแน่นอนเสมอ”เพลงประกอบอย่างเพลง Fearless Hero ที่ขับร้องโดย Antonio Banderas ก็เป็นอะไรที่ทรงพลังไม่แพ้กันชอบ Dialog นี้ "ข้ารู้ว่าข้าสู้เจ้าไม่ได้เจ้าหมาป่า แต่ข้าขอสู้โดยไม่ถอยเพื่อชีวิตสุดท้าย"(สิ่งหนึ่งที่คนดูอย่างผู้เขียนเห็นคือความตั้งใจของทีมผู้กำกับทีมนักแสดง คะแนนเต็มแบบไหนอย่างไรไม่ควรนำมาตัดสิน กับเรื่องของภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกม "คะแนนของคุณไม่ใช่คะแนนของใคร ที่สำคัญกำลังใจย่อมดีกว่าการตัดสินด้วยคะแนน" ผู้เขียนจะย้ำอยู่เสมอ สิบปากว่าไม่เท่าตาคุณเห็น ต้องชมเองให้ได้เท่านั้น)#จิปาถะและอรรถรสขอบคุณภาพประกอบจาก Puss In Boots - ปก / 1 / 2 / 3 / 4 / 5 / 6 / 7 / 8 ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก End Credits ท้ายเรื่อง และการเป็นแฟนเดนตายผู้กำกับภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกม นักเขียนบทภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกม นักแสดงทุกท่านทีมสร้างภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกมทุกคนและบริษัทและค่ายผู้ผลิตภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกมและในวันนี้ก่อนจากกันไปบอกเราหน่อยว่าผู้อ่านเป็นแฟนภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง Puss in Boots: The Last Wish 2022 เพราะอะไร อย่าลืมกดติดตามเพื่อเป็นกำลังใจ แล้วท่านจะไม่พลาดเหล่าคอนเทนต์ใหม่ๆที่ทาง จิปาถะ และ อรรถรส จัดมาให้แบบ Exclusive เจาะลึกถึงวงการบันเทิงที่มากกว่าใคร หากคุณรักภาพยนตร์ รักซีรีส์ อนิเมะ แอนิเมชัน และเกม ที่เดียวที่ จิปาถะ และ อรรถรสคอมมูนิตี้ “โลกคนรักหนัง” ห้องหวีดซีรีส์ดังออกใหม่มาแรง ป้ายยาหนังดีหนังโดน