Movie Review Lovesick (2025) รักในคำลวง เรียบง่ายสามัญไม่เร่งไม่บีบคั้นตามแบบไต้หวันทำให้พอดีมีความซาบซึ้งสวยใสไม่ไปทางเศร้ากระนั้นก็เหมือนเห็นที่ไหนมาสักที่แต่นึกไม่ออก รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! อย่างที่เคยบ่นในบทความก่อนที่ว่าผู้เขียนเริ่มไม่ตื่นเต้นหรืออยากดูหนังหรือซีรีส์บางแนวแล้วและอีกแนวหนึ่งที่ถ้าท่านผู้อ่านสังเกตก็จะพบว่าผู้เขียนดูหนังดูซีรีส์แนวความรักในวัยรุ่นน้อยลง อาจเพราะอายุที่มากขึ้นและโลกเปลี่ยนไปอะไรที่วัยรุ่นยุคนี้คิดหรือทำผู้เขียนทำได้แค่เข้าใจแต่ไม่ถ่องแท้แม้ว่าจะมีลูกชายคนเล็กเป็นวัยรุ่นคอยประคองอยู่ไม่ให้โลกหนีห่างผู้เขียนมากเกินไป แต่กับเรื่องความรักในวัยรุ่นยุคนี้ยอมรับว่ามันต่างจากสมัยที่ผู้เขียนยังเรียนมัธยมปลายอย่างมากแม้บางครั้งจะคิดอ่านบางอย่างแต่เมื่อบริบทมันเปลี่ยนก็ต้องรับฟังวัยรุ่นบ้าง นั่นหมายความว่าผู้เขียนจะไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องรักในวัยใสอีกต่อไปเรียกง่ายๆว่าดูแล้วไม่อินยิ่งเป็นความกุ๊กกิ๊กขายความน่ารักเป็นหลักแล้วยิ่งเข้าไม่ถึง นั่นทำให้ผู้เขียนดูหนังดูซีรีส์วัยรุ่นน้อยลงมากแต่บางทีก็มียกเว้นเช่นดียวกับหนังเรื่องนี้เพราะนี่คือหนังไต้หวันที่สารภาพเลยว่าผู้เขียนชอบดูมากเห็นเป็นไม่ได้ ยิ่งตอนนี้หนังหรือซีรีส์ไต้หวันใหม่ๆไม่ค่อยลงจอด้วยเมื่อมีหนังไต้หวันมาฉายแม้จะเป็นแนววัยรุ่นยังไงก็ยังต้องดู เย่จื่อเจี๋ย (จานหัวหยุน) นักเรียนชั้น ม.6 ที่การเรียนไม่เฟื่องแต่การหาเรื่องล่ะถนัดจนเรื่องที่เย่จื่อเจี๋ยหาพาความซวยมาให้เพราะดันขี่มอเตอร์ไซค์ไปชนรถครูใหญ่ จนเมื่ออยู่โรงพยาบาลความเข้าใจผิดก็พาลทำให้ครูฝ่ายปกครองและเย่จื่อเจี๋ยมาเข้าใจว่าตัวเขานั้นเป็นมะเร็งแต่ด้วยวีรเวรที่ทำไว้ที่จะโดนไล่ออกเขาจึงต้องตามน้ำไป ทว่าครูประจำชั้นที่มารู้เรื่องเข้าจึงให้เย่จื่อเจี๋ย (เชียงฉี) นักเรียนหญิงชื่อเหมือนกันแต่ต่างกันกับเย่จื่อเจี๋ยชายราวฟ้ากับก้นเหวมาคอยดูแลคนป่วยปลอมคนนี้ แน่นอนเย่จื่อเจี๋ยชายไม่พอใจก็ต่อต้านสารพัดแต่เย่จื่อเจี๋ยหญิงก็ยังทนได้นั่นเพราะเธอเองต่างหากที่ป่วยแล้วแกล้งทำตัวเป็นปกติ ซึ่งจากการปะทะกันจนเหมือนจะเข้ากันไม่ได้จนเมื่อเย่จื่อเจี๋ยหญิงได้รู้เรื่องราวครอบครัวของเย่จื่อเจี๋ยชายอะไรๆก็เริ่มเปลี่ยน และนั่นคือจุดเริ่มของความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปเมื่อเย่จื่อเจี๋ยชายได้ทำอะไรที่เข้าท่าบ้างส่วนเย่จื่อเจี๋ยหญิงที่ใช้ชีวิตระวังมาตลอดก็ได้ทำอะไรตามใจตัวเอง แต่แล้วเมื่อทุกอย่างเบ่งบานอาการป่วยของเย่จื่อเจี๋ยหญิงก็กลายมาเป็นตัวแปร แน่วแน่ชัดเจนมีพัฒนาการแต่ขาดบางอย่างอาจเพราะไม่ต้องการบีบเค้นทำให้เด่นชัดด้านความสัมพันธ์ เพราะหนังชัดเจนที่จะเป็นงานโรแมนติกดราม่าที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ของหนึ่งคนแกล้งป่วยกับหนึ่งคนแกล้งปกติที่บทสรุปไม่ยากต่อการคาดเดาว่าจะจบยังไง ทำให้ว่าตามตรงเหมือนเห็นพล็อตแบบนี้จากที่ไหนมาสักที่แต่นึกไม่ออกด้วยพล็อตที่ต้องยอมรับว่าน้ำเน่ามิใช่น้อย แต่แม้จะน้ำเน่าบทหนังยังมีความแน่วแน่ชัดเจนกับเรื่องของความรักของคนหนุ่มสาวที่เล่าได้อย่างมีพัฒนาการมิใช่การพบหน้าก็หัวใจเต้น แต่ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไปมีจุดเปลี่ยนที่ดีเพราะสามารถสะกิดความคิดและหัวใจของคนดูให้คิดตามได้ว่าในห้วงเวลาที่ตัวละครใช้เวลากับตัวเองเขาและเธอคิดอะไร บทหนังมีดีที่ไม่พยายามบีบเค้นที่ความจริงถ้าจะเค้นก็คงไม่แปลกเพราะเนื้อหามันควรพาไปทางนั้นแต่เลือกไม่ไปทำให้มีดีในตัว แต่น่าเสียดายที่ดราม่าเรื่องของครอบครัวน้อยไปโดยเฉพาะเรื่องของเย่จื่อเจี๋ยชายกับคุณป้ายังสาวที่น่าสนใจในที่มาที่ไปแต่เลือกละเลยเลยกลายเป็นไม่ลึกพอ เลือกทางสวยใสกับความรักในคำลวงที่ต่างฝ่ายต่างปกปิดไว้แต่ใช้ความพอดีมาทำให้ไม่ฟูมฟาย ส่วนที่ดีที่สุดของหนังคือความสวยใสในเรื่องควรเศร้าทั้งที่คนดูอาจเตรียมใจมาเศร้าแต่หนังเลือกไม่ไป นั่นเองที่ทำให้เหมือนเห็นมาจากไหนแต่นึกไม่ออกเพราะโทนหนังต่างไปไม่เข้าใกล้ความเศร้าความโรแมนติกก็ไม่ได้เร่งเร้า เอาจริงคือหนังเลือกความพอดีที่มาจากความบานปลายของการเข้าใจผิดแล้วชั่งน้ำหนักการแกล้งป่วยกับการแกล้งปกติและใช้ลูกเล่นที่พึงมีทุกอย่างในหนังแนวนี้คือเวลาที่มีจำกัดกับสิ่งที่อยากทำมาใช้อย่างคุ้มค่า เมื่อหนังเลือกทางพอดีจึงเป็นว่านี่ไม่ใช่หนังรักหวานแหววหรือกุ๊กกิ๊กฟินจิกหมอนตามประสาหนังวัยรุ่น กลับกันเนื้อหาดูเป็นผู้ใหญ่ด้วยซ้ำเพราะมันคือการก้าวข้ามความเศร้าเพื่อที่จะมีชีวิตต่อไปอย่างสวยงามโดยมีความทรงจำที่ดีให้ระลึกถึงหนังจึงออกมาดูสบายเหลือเชื่อถ้ามองที่เนื้อหา เพราะด้วยเรื่องแบบนี้ถ้าเลือกทางเศร้าซึ้งฟูมฟายก็ตายกันไปข้างได้แน่แต่บางครั้งชีวิตก็ต้องเดินต่อไปเพราะโลกยังมีมุมสวยงามให้ซ่องเสพเสมอ ในส่วนของความต่างและพัฒนาการเชิงความสัมพันธ์นักแสดงทำได้ดีแต่มีหลุดบ้างอย่างน่าเสียดาย ด้วยความที่บทไม่เน้นดราม่าให้จัดจ้านทั้งที่มันจัดจ้านแต่เลือกเล่าแค่พอรู้แล้วไปโฟกัสที่พัฒนาการของความสัมพันธ์ของเย่จื่อเจี๋ยทั้งสองรายชายกับหญิง สิ่งที่เป็นคือนักแสดงมีเสน่ห์มีความน่ารักมีพลังดึงดูดสายตาทั้งจานหัวหยุนกับเชียงฉีที่บางมุมมีความคล้ายโนยุนซอของเกาหลีไม่น้อย ซึ่งในส่วนนี้นักแสดงทั้งสองทำหน้าที่ได้ดีเห็นพัฒนาการที่เดินหน้าไปพร้อมกับหัวใจคนดูในเรื่องของความสัมพันธ์ของทั้งคู่ แต่ตอนท้ายกลับมีหลุดอย่างเหลือเชื่อจนเป็นแผลเมื่อการแสดงอารมณ์ของจานหัวหยุนดูล้นไปคือร้องให้ไม่เป็นธรรมชาติทำให้น่าเสียดายอาจเพราะหนังไม่ได้ฟูมฟายมาตั้งแต่แรกและมีเพียงซีนนั้นซีนเดียวที่ฟูมฟายทำให้คล้ายไม่เข้ากับสิ่งที่เป็นมา และอีกคนที่น่าเสียดายทั้งที่พลังงานบางอย่างมาเต็มคือคอสมอส หลินซูหยูในบทคุณป้ายังสาวที่เป็นตัวละครที่มีเสน่ห์สะดุดตาและน่าสนใจแต่หนังเลือกปล่อยให้คนดูสงสัยที่มาที่ไปตั้งแต่ต้นจนจบซะได้ เป็นหนังรักใสๆภาพสวยเพลงเพราะมีความธรรมดาสามัญเรื่องของคนทั่วไปที่ไม่ยากที่จะได้ใจทำให้ดูเพลินใจเพลินตา เพราะความรักบางครั้งอาจต้องการมากกว่าความรักนั่นคือความเชื่อใจในกันและกันจึงเป็นที่มาของรักในคำลวงที่อาจแผลงมาจากคำว่าไข้ใจ (Lovesick) เพราะเมื่อใดก็ตามที่เกิดความรักแล้วมีอะไรมาสั่นคลอนไม่ว่าดีหรือร้ายไข้ใจก็จะตามมาอย่างน้อยก็ความคิดถึง และหนังเรื่องนี้ใช้บริบทนี้ได้อย่างคุ้มค่าบนความสามัญธรรมดาเป็นคนทั่วไปไม่ใช่คุณหนูคุณชายเพราะนี่คือเอกลักษณ์ของหนังไต้หวันที่มักจะเล่าเรื่องพื้นฐานในชีวิต หนังจะพาคนดูให้เพลิดเพลินทางสายตาด้วยภาพสวยแสงสีและเงาที่ดูแล้วสบายตาเกินกว่าเนื้อหาที่เอาจริงคือหนัก แต่หนังเลือกเอาเรื่องหนักมาเล่าให้ดูสบายเพราะไม่พยายามเศร้ามากไปดราม่าก็มาแค่พอดีไม่บีบไม่เค้นเหตุการณ์ที่เป็นก็สามารถเกิดขึ้นได้กับปุถุชนคนทั่วไป ทำให้เนื้อหาดูแล้วเพลินใจเหลือเชื่อทั้งที่หนังเล่าเรื่องความสูญเสียและการจากลาจนน่าเสียดายว่าถ้าขับเน้นเรื่องดราม่าสักนิดน่าจะซึ้งสุดขีดกว่านี้ ดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2,3,4,5,6,7 / จาก Instagram lovesick.2025 จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !