ย้อนวัยเด็ก "มีนตรา อินทิรา" ฉายา "คุณหนูตกสวรรค์" พร้อมแจงดราม่าเรื่องการแต่งตัว!
เรียกได้ว่าชุดเดียวเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง สำหรับ "มีนตรา อินทิรา" นักร้องสาวลูกทุ่งเลือดใหม่ ที่มาพร้อมกับซิงเกิ้ลล่าสุด “ว่าว” ที่หอบหิ้วมาโชว์ในรายการ “คุยแซ่บShow” ทางช่องวัน 31 เพราะนอกจากจะร้องเพลงนี้เป็นที่แรกในประเทศไทยแล้ว เจ้าตัวยังเล่าถึงชีวิตที่ต้องฝ่าฟันจาก “บ้านคนมีตังค์” กลายเป็น “คุณหนูตกสวรรค์” จนต้องเดินสายประกวดหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัว พร้อมเคลียร์ดรามาแต่งตัวโป๊จนเห็นหน้าอกหน้าใจจนกลายเป็นประเด็นว่อนโซเซียล
ย้อนวัยเด็ก "มีนตรา อินทิรา" ฉายา "คุณหนูตกสวรรค์" พร้อมแจงดราม่าเรื่องการแต่งตัว!
คุณหนูตกสวรรค์ คือ?
“ตั้งแต่หนูเด็ก ๆ ทางครอบครัว มีฐานะ อาจจะไม่รวยมาก แต่อยู่แบบสุขสบาย มีพี่เลี้ยงประกบดูแลหนูคนนึง น้องชายคนนึง จนเกิดสถานการณ์พลิก เป็นช่วงฟองสบู่แตก ที่บ้านก็โดน ล้มละลายหมดเลย ตอนนั้นอยู่ประถม จากบ้านหลังใหญ่ ๆ ก็โดนยึดย้ายไปอยู่กระต๊อบ ไปอาศัยอยู่กับคุณอา แต่ที่ผ่านมาหนูรู้สึกอบอุ่นมาโดยตลอด อะไรที่ขาดที่หายไป เราก็ต้องสู้ไป แล้วพอมาเริ่มร้องเพลง เราเป็นเด็กกิจกรรม ครูเห็นว่าเราชอบ เลยให้เราไปลองประกวด เราก็เลยลองดู มันเลยเป็นจุดเริ่มต้นว่าถ้าเราไปประกวด เราได้รางวัล เราจะได้มีเงินมาช่วยที่บ้าน แต่มันก็ลำบากเพราะกว่าจะเดินทางไปถึงที่ประกวดก็ต้องขี่มอเตอร์ไซค์ ผ่านตัวเมืองไปขึ้นรถบ้านครูสอนร้องเพลง ไปประกวด จะมีภาพจำคือพ่อขับ น้องชายนั่งข้างหน้า ถือรองเท้า เอาถือถ้วยรางวัลกับชุดประกวด”
อะไรยากกว่ากันระหว่าง การประกวดร้องเพลง กับการใช้ชีวิต?
“ก็เป็นการประกวด เพราะตอนนั้นไม่ได้อะไรกับชีวิต แต่เพิ่งมารู้ตอนโตมาว่าเราก็เลือดนักสู้เหมือนกัน เพราะตอนประกวดรางวัลที่เราได้ 3-5 พัน เราเดินสายประกวด แต่ก็ไม่ได้ชนะทุกเวที แต่มันก็ไม่พอที่จะเอาไปจ้างค่าเทอม พอเรามาประกวดที่กรุงเทพฯ ก็ต้องย้ายมาอยู่กับแม่ เพราะพ่อกับแม่แยกกันตั้งแต่เราเด็กๆ เราตัดสินย้ายมาเรียน กศน. เพราะเราจะตามฝันเป็นนักร้อง พอมาอยู่กับแม่ได้แป๊ปนึง ก็ย้ายออกมาดูแลตัวเอง อายุประมาณ 16-17 ปี ตอนนั้นร้องเพลงที่ร้านอาหาร ไม่ใช่ผับ ได้คืนละประมาณ 700 บาท คืนนึงรับ 3 ที่ หักค่าห้อง ส่งให้ที่บ้านทก็พอเหลือใช้นะ“
และเริ่มอยากเป็นศิลปินหรือยัง?
“เริ่มอยากเป็นตั้งแต่เริ่มต้นประกวด การที่เราเข้ามาประกวดที่กรุงเทพฯ เพราะเราอยากเป็นศิลปิน ย้อนกลับไปตอนประกวดของแฟนทีวี ก็ได้รางวัลชนะเลิศ เป็นเซ็นสัญญาเป็นศิลปินฝึกหัดอยู่ 1 ปี แต่ยังไม่ได้ออกอัลบั้ม เพราะยังอ้วน เป็นเด็กอยู่ ท้ายที่สุดก็คุยกับแกรมมี่โกลด์ด้วย ว่าหลายๆ อย่างยังไม่พร้อม ก็เลยคุยว่าต้องเซย์กู้ดบายกัน สักพักไปประกวดเดอะวอยซ์”
คิดว่าสิ่งที่เราเลือกมันคือสิ่งที่ถูกต้องไหม?
“หนูคิดว่าถูกนะ การที่หนูเลือกออกมาใช้ชีวิตตั้งแต่เด็ก ได้ฝึกการไตร่ตรอง ได้ฝึกการใช้วุฒิภาวะตัวเอง ฝึกวางแผนใช้ชีวิตด้วยตัวเอง และพอเราประกวดเดอะวอยซ์เสร็จ เราเริ่มลังเลว่าจะยังไงต่อ เราเริ่มอยู่กับเพลงสตริง เพลงสากลมากขึ้น มีความสับสนว่าเราจะออกเพลงแนวไหนดี เราก็เริ่มทำเพลงเองกับพี่ที่เขาถนัดด้านนี้ และท้ายที่สุดก็ได้บทสรุปว่า ตอนเรากลับอุดร นั่งอยู่ในรถ พระอาทิตย์กำลังตกดิน เป็นทุ่งนา ความเป็นบ้านเรา เพลงพี่ต่ายก็ขึ้นมา วินาทีนั้นเราก็คิดขึ้นได้ว่าสุดท้ายกูก็สาวลูกทุ่งดีๆ นี่เอง เลยตัดสินใจกลับมาประกวดเวทีเพลงลูกทุ่งเลย“
ขอบคุณคลิปจาก รายการ คุยแซ่บ Show
พอเราได้มาเป็นนักร้อง และพยายามเท่าไรก็ไม่ดังค์สักที?
"ใช่ค่ะ หนูเป็นคนนึงทำเต็มที่ทุกโอกาส ทุกเพลง เพราะฉะนั้นที่คอนโทรลไม่ได้คือจังหวะของชีวิต เราทำเต็มที่แล้ว หนูคืดว่าเมื่อไรก็เมื่อนั้น หรือเพลงเราดีมาก กะว่าปล่อยปีใหม่ คือดีมาก ติด 1 มาแรงในยูทูป เป็นไวรัลใน tiktok งานแน่นแน่นอน สรุปโควิดมาล็อคดาวน์ เพลงดีมันทำกันได้ แต่จะทำเพลงให้ดัง มันหูยยยย ชื่อว่าเพลง ห้ามตั๋ว“
ดราม่าแต่งตัวโป๊?
"มันเป็นงานในเล้าจ์ หนูก็เลยใส่ชุดประมาณนั้น ความตั้งใจเดิมที มันจะปิดหน้าอกนิดนึง แต่ความตั้งใจเราจะให้เห็นนิด ๆ สไตล์ฝรั่ง แต่พอเราร้องไปด้วย ยกมือไปด้วย ชุดมันรั้งขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ก็มีการเซฟไว้หมดแล้วนะ แต่ด้วยเวทีอยู่สูง มันเลยได้มุมภาพตามที่เห็นจนเป็นกระแส“
แล้วมันผิดตรงไหน ทั้ง ๆ ที่ร้องอยู่ในเลาจ์?
"หนูก็ไม่รู้ ว่ามันยังไง ทำไมดรามาขนาดนี้ แต่ที่เดา ที่หลายคนเห็นหนูอยู่บ้านในช่วงโควิด เห็นเราแต่ตัวด้วยผ้ามัดย้อม แต่ก็มีคอมเมนต์แรง ๆ ในเรื่องชุดนี้
ประมาณว่าขายอะไรกันแน่ หรือที่แรงๆ เมนต์ไปด่าถึงพ่อ ว่าตอนไปประกวดเห็นพ่อไปด้วย แต่ตอนนี้พ่อตายแล้วเหรอ ถึงไม่มีใครมาดูแล"
สุดท้ายแล้ว โสดหรือไม่?
"ก็มีคนเข้ามา แต่กลัวมาก หนูไม่โฟกัสอะไร"
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama