ขอบคุณรูปภาพจาก http://thedialog.org/movies/christopher-robin-movie-an-enchanting-visit-to-the-past/ Christopher Robin (2018)เป็นเรื่องราวของคริสโตเฟอร์ โรบิน เด็กชายผู้เป็นเพื่อนสนิทของวินนี่ เดอะ พูห์ และผองเพื่อนสัตว์ต่าง ๆ ในป่าร้อยเอเคอร์ เช่น อียอร์ ทิกเกอร์ พิกเล็ต และอื่น ๆ เขาและผองเพื่อนต่างใช้ชีวิตในวัยเด็กร่วมกัน ทั้งเล่น ทั้งผจญภัยต่าง ๆ มากมาย แต่แล้วในวันหนึ่งการจากลาก็มาถึง เมื่อคริสโตเฟอร์ต้องจากป่าร้อยเอเคอร์ไป เพื่อไปเรียนยังโรงเรียนประจำ แต่เขาก็ได้ให้สัญญาไว้ว่าทุกตัวจะยังคงอยู่ในความทรงจำของเขาเสมอแต่น่าเสียดายที่ไม่นานนักคริสโตเฟอร์ก็เริ่มลืมเลือนเหล่าผองเพื่อนด้วยการ ‘เติบโต’ เป็นผู้ใหญ่ ในที่สุด คริสโตเฟอร์ ก็เข้าสู่วัยกลางคน มีงานแสนวุ่นวายอยู่ที่ใจกลางเมือง มีหัวหน้า มีลูกน้อง มีภรรยาและลูกสาว ทำให้เรื่องราวเกี่ยวกับผองเพื่อนสัตว์ตัวน้อยในป่าร้อยเอเคอร์ค่อย ๆ จางหายไปในที่สุดตัวหนังทำออกมาให้เราได้ครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลาถึงความหมายที่แท้จริงของการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ภาระหน้าที่ที่ประเดประดังเข้ามาเหมือนคลื่นที่โหมกระหน่ำซัดให้เราลืมเลือนของสำคัญบางอย่างไปของที่เคยสำคัญกับเรา เคยมีความหมายมากที่สุดกับเราในวันหนึ่ง อาจไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เช่นเดียวกันกับของที่มีความหมายมากกับใครคนหนึ่ง อาจจะไม่ได้มีความหมายกับใครคนอื่นเลยก็ได้ อย่างเช่นในฉากที่คริสโตเฟอร์จะพาลูกเข้านอนด้วยการหนังสือให้ฟัง ตอนนั้นหนูน้อยคงรู้สึกเริงร่า และเต็มไปด้วยความหวัง หนังสือเด็กที่ดูน่าสนุกและเต็มไปด้วยจินตนาการถูกชักออกมาจากใต้หมอน แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อคริสโตเฟอร์ผู้เป็นพ่อตั้งท่าจะอ่านหนังสือที่ออกแนววิชาการให้ฟัง จนท้ายที่สุดเธอจึงต้องรีบแกล้งง่วงในเร็วไวตัวหนังเองทำให้เราย้อนไปถึงสมัยที่เป็นเด็ก อะไรหลาย ๆ อย่างที่เราทำหล่นหายไป และอะไรอีกหลาย ๆ อย่างที่มาแทนที่ หมีพูห์กับลูกโป่งใบสีแดงสดใส ดูจะถูกนำมาเสนอตลอดทั้งเรื่อง ทำให้อดคิดไม่ได้ ว่าลูกโป่งคือตัวแทนที่หนังต้องการจะสื่อถึงอะไรบางอย่างหรือเปล่าท้ายที่สุดแล้วหนังก็ดำเนินเรื่องราวไปในทิศทางที่เราพอจะเดาได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามหนังเรื่องนี้ก็ยงจัดว่าเป็นอีกเรื่องที่ดูได้ และสร้างความเพลิดเพลินได้ไม่น้อยเลยทีเดียว“แด่ความลับในผืนป่าร้อยเอเคอร์...”