บางคำกล่าวที่ว่า สิ่งธรรมดาที่สุดที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเลย นั่นกลับทำให้รับรู้ถึงความงดงามในชีวิตมากที่สุด ดูจะไม่ไกลเกินความเป็นจริงเท่าใด หากชีวิตเป็นเรื่องของการอยู่รอด ความมหัศจรรย์ของการมีชีวิตจึงเป็นสิ่งที่มากคุณค่า ทั้งในแง่ของชีวิตเราเอง คนที่ช่วยให้เรามีชีวิตอยู่ และช่วยให้เราอยากมีชีวิตอยู่Roma ผลงานของผู้กำกับภาพยนตร์ชาวเม็กซิกัน อัลฟองโซ คัวรอน Alfonso Cuarón ผู้เคยฝากฝีมือจากหนัง Gravity (2013) ที่ทำเงินอย่างมากมายมหาศาลมาแล้ว รวมถึงกวาดรางวัลยอดเยี่ยมไปอย่างนับไม่ถ้วน ชื่อของ Alfonso Cuarón ขึ้นมาอยู่แถวหน้าของผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง และกลายเป็นผู้นำทางด้านความคิดของโลกฮอลลีวูด ที่นับวันผลงานการกำกับของเขาจะยิ่งเยือกเย็น และสุขุมมากขึ้น ภาพประกอบโดย iSSANDYจากเรื่อง Gravity ที่เล่นกับความเป็นความตายในห้วงอวกาศ เล่นกับสติปัญญา และสภาพปัญหาจิตใจของนักแสดงนำ การมีชีวิตอยู่ต่อ หรือไม่อยู่ต่อ การต่อสู้กับสภาวะล่องลอยในชั้นบรรยากาศ และในจิตใจมนุษย์ แต่ใน Roma กลับเป็นเพียงความเรียบง่ายของชีวิตความเป็นสามัญ Alfonso Cuarón เลือกใช้นักแสดงนำหญิงเหมือนกัน แต่ใน Roma คราวนี้บทเป็นคนรับใช้หญิงที่ต้องต่อสู้กับสภาวะบ้านเมือง ความเปลี่ยนแปลงอันรุนแรง การต่อสู้แบบคนไร้การศึกษา ที่ไม่ได้เข้าใจโลกกว้างใบนี้ได้มากมายเหมือนคนอื่น สิ่งเดียวที่ Gravity และ Roma พยายามบอกเราเหมือน ๆ กันคือการอยากมีชีวิตรอด การใช้สติ-ปัญญาหาทางออก และความรักตัวกลัวตายของมนุษย์นักวิจารณ์ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า Roma เป็นหนังสัจนิยม คือมีความเรียบง่าย และไม่ปรุงแต่งอะไรมากมาย พล็อตเรื่องอาจไม่ชัดเจนเท่าใด และเนื้อเรื่องพูดถึงคนชั้นล่าง Alfonso Cuarón เลือกให้ Roma เล่าผ่านสายตาของคนยากจน ใช้ภาพแทนแบบขาว-ดำ นั่นก็ยิ่งทำให้ความเรียบง่ายดูทรงพลังมากขึ้นไปอีกมากมาย แต่จริง ๆ แล้วเขาเลือกทำหนังขาว-ดำ เพราะ Federico Fellini ผู้กำกับชาวอิตาลีที่เขาเองชื่นชอบ และเขาตั้งใจตั้งชื่อหนังว่า Roma เหมือน Roma (1972) ของ Fellini เช่นกัน ซึ่งสอดคล้องกับชื่อย่าน Colonia Roma ในเม็กซิโก ซิตี้ ในหนัง และปี ค.ศ. ในเรื่องอย่างกลมกลืนภาพประกอบโดย iSSANDYRoma บอกเล่าปัญหาความรุนแรงทางการเมืองในประเทศเม็กซิโก การต่อสู้ของกลุ่มจัดตั้ง การหาเสียงของพรรคการเมือง การรัฐประหารของผู้นำอำนาจเผด็จการ การประท้วง การไล่ล่า การกวาดล้าง ขณะเดียวกันก็เลือกเล่าปัญหาเล็ก ๆ ของการดำเนินชีวิตมนุษย์ล้อควบคู่กันไปด้วย อย่างการที่ต้องแบ่งรองเท้าสลับกันใส่เพื่อไปโรงเรียน หรือการทำจักรยานหาย Roma อาจจะเดินเรื่องแบบเรียบง่าย จนบางครั้งบางคราวดูเนิบนาบเกินไป หนังถ่ายทอดชีวิตประจำวันแบบปกติ จากวันสู่วัน เดินเรื่องแบบชีวิตจริงจากวัน เป็นเดือน เป็นปี แต่กลับถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าทึ่งเลยทีเดียวขอบคุณภาพประกอบจาก Luisalvaz Creative ภายใต้สัญญาอนุญาต Commons Atribución 2.0Roma เป็นหนังที่ใช้สัญลักษณ์ต่าง ๆ บอกเล่าเรื่อง อย่างฉากที่พี่น้องทะเลาะกันแบบพอประมาณ แบบที่ไม่อยากสร้างบาดแผลเพิ่มให้แก่กันอีกแล้ว หรือฉากที่ครอบครัวต้องมาดูทีวีพร้อมหน้าพร้อมตากัน ฉากร้องเพลงกล่อม ฉากที่ตัวแสดงนำอย่าง Cleo ออกกำลังกายกับเพื่อนคนรับใช้ด้วยกัน หรือฉากขัดล้างพื้นทางเดินในตอนต้นเรื่อง ทิ้งให้เราต้องเฝ้าดูน้ำไหลลงท่อ หรือเฝ้ามองการเดินขึ้นบันไดเหล็กไปยังดาดฟ้า แล้วก็มีเครื่องบิน บินผ่านไป Roma ใช้การทำงานบ้านธรรมดา ๆ และการใช้ชีวิตของคนทั่วไปเป็นสัญญะสำคัญได้ดีมากทีเดียวขอบคุณภาพประกอบจาก ขอบคุณภาพประกอบจาก Luisalvaz Creative ภายใต้สัญญาอนุญาต Commons Atribución 2.0Roma ของ Alfonso Cuarón ทำให้เรารู้สึกล่องลอยอย่างแปลกประหลาด ความเรียบง่ายที่คู่ขนานไปกับความบ้าคลั่ง ในโลกที่แสนจะวุ่นวาย สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับดูมีความหมายมีคุณค่าไปเสียหมด นั่นก็เพราะ Roma สะท้อนตัวตนของมนุษย์ออกมาเท่าที่สะท้อนได้จริง ๆ การสูญเสียอาจนำพามาซึ่งความเจ็บปวดชอกช้ำ แต่หากมนุษย์เรายังตระหนักถึงการมีกันและกันอยู่ เราก็จะรับรู้ว่าแท้จริงแล้วเราแทบจะไม่ได้สูญเสียอะไรเลย ภาพปกโดย iSSANDY