Movie Review Jigra (2024) ฝ่านรกแดนประหาร งานใหม่ "Alia Bhatt" ที่อาจเต็มไปด้วยริ้วรอยไร้ชั้นเชิงอย่างที่เคยได้จากหนังอินเดียยุคใหม่ทั่วไปแต่สุดจัดอัดความบันเทิงเต็มมาพิกัด รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! ทุกสรรพสิ่งย่อมมีการเปลี่ยนแปลงซึ่งนับว่าเป็นจริงอย่างยิ่งที่ถ้าจะลากมาเกี่ยวกับบทความนี้ให้ได้คือทุกวันนี้โลกเปลี่ยนไปมากแม้กระทั่งการแสวงหาความบันเทิงของคนเรา แน่นอนว่าผู้เขียนเองที่ยอมรับว่าอายุก็ไม่น้อยแล้วและคนอายุไม่น้อยนี่ล่ะที่มักจะยึดมั่นถือมั่นในความเชื่อของตัวเองจนบางครั้งก็เหมือนกับว่ามันมากเกินไปที่เจ้าลูกชายคนเล็กบอกว่าอีโก้จัด เช่นกันเมื่อก่อนการแสวงหาความบันเทิงในชายคาบ้านของผู้เขียนก็มาจากหนังแผ่นหรือรายการโทรทัศน์จนปัจจุบันนี้รายการโทรทัศน์กับผู้เขียนไม่ได้มาบรรจบกันนานเท่าไหร่แล้วก็ไม่ทราบ แล้วถ้าวัดจากสตรีมมิ่งที่ครอบครองพื้นที่ไปทั่วอย่างทุกวันนี้สารภาพอีกทีว่าพฤติกรรมของผู้เขียนเปลี่ยนไปจากที่เคยดูหนังฝรั่งเป็นหลักตอนนี้โดนความหลากหลายของระบบสตรีมมิ่งทำลายสิ้นแล้ว จนไม่น่าเชื่อวาวันนี้ผู้เขียนเสาะหาหนังหรือซีรีส์ที่หลากหลายและก็ไม่อยากเชื่อตัวเองเหมือนกันว่าเมื่อก่อนเฝ้ารอแต่หนังฝรั่งแต่ตอนนี้บางครั้งมีหนังอินเดียมาให้เฝ้ารอแล้วว่าเมื่อไหร่ซับไทยจะมาสักทีเพราะฟังภาษาฮินดีไม่รู้เรื่อง ฮา Satyabhama Anand หรือ Satya (Alia Bhatt) คือหญิงสาวที่ต้องเลี้ยงดูน้องชาย Ankur Anand (Vedang Raina) เพียงลำพังหลังจากที่พ่อของสองพี่น้องฆ่าตัวตายและมีญาติรับทั้งคู่ไปดูแล แต่ในการดูแลนั้นกลับเหมือนกับว่า Satya เป็นพนักงานหรือหัวหน้าแม่บ้านมากกว่าแต่ก็ไม่มีปัญหาเมื่อน้องชายของเธอยังสุขสบายดีพี่คนนี้ยอมทำและทนได้ทุกอย่างแม้กระทั่งตามล้างตามเช็ดปัญหาที่คนในบ้านนี้ก่อ จนวันหนึ่ง Ankur ได้โอกาสให้ไปเสนองานที่ต่างประเทศกับ Kabir Mehtani (Aditya Nanda) ลูกชายของบ้านที่ Satya กับ Ankur อาศัยอยู่และก็ดำเนินไปด้วยดี ทว่าด้วยวิถีของคุณหนูลูกคนรวยไฮโซที่มักจะมีปัญหาทุกทีแล้วคราวนี้ Kabir ถูกจับคดียาเสพติดในประเทศที่การครอบครองยาเสพติดเท่ากับโทษประหาร แต่แล้วทุกอย่างดันถูกโยนเข้าหา Ankur ตามวิธีการของพวกคนรวยจนเขากลายเป็นแพะรับบาปเป็นนักโทษประหารในประเทศที่ไม่คุ้นเคย เมื่อเป็นเช่นนั้น Satya จึงต้องทำทุกทวิถีทางที่ต้องช่วยน้องชายออกมาให้ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม ซื่อตรงผิดวิสัยหนังอินเดียยุคใหม่ที่เหมือนไม่ได้ตั้งใจมาเหนือเมฆจนกลายเป็นทื่อๆแถมยังไม่เนี้ยบเพียบพร้อมด้วยริ้วรอย ในความเป็นหนังสักเรื่องเรื่องนี้มีบทภาพยนตร์เต็มไปด้วยข้อบกพร่องเดินหน้าไปด้วยความซื่อปานขีดด้วยไม่บรรทัด นั่นคือหนังไม่มีชั้นเชิงไม่มีสับขาหลอกคือตั้งธงไว้ที่จุดหมายแล้วก็ไปมันทื่อๆเจอกำแพงก็ปีนไม่มีความพลิกผันใดให้ตื่นใจ ซึ่งจะว่าไปมันผิดวิสัยหนังอินเดียยุคใหม่ที่ไม่ร้องเพลงเต้นระบำแล้วที่ช่วงหลังจะเห็นชั้นเชิงการเล่าเรื่องและการเล่นกับสมองคนดูที่เรียกได้ว่าเหนือเมฆบ่อยๆ ทำให้ในความเป็นหนังอินเดียคือเป็นหนังที่ต่างไปเพราะบทหนังไม่เนี้ยบเพียบด้วยริ้วรอยมากมายเช่นการไม่ลงพื้นฐานเรื่องตัวละคร Satya ว่าเก่งมาจากไหนถึงกล้าเล่นใหญ่แบบนั้น แถมด้วยสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความบังเอิญและหาทางไปง่ายๆตลอดเรื่องอย่างที่ว่าคือเจอกำแพงก็ปีนข้ามมันเลยไม่ต้องเจาะหรือเดินอ้อมให้มากความ ทำให้ในส่วนของความน่าเชื่อถือของสถานการณ์มันเบาหวิวดังปุยนุ่นคือเชื่อลำบากแม้เหตุการณ์เกิดในประเทศสมติก็ตาม แต่... ในความซื่อละทื่อก็ถูกชดเชยด้วยความบันเทิงที่สุดจัดประหนึ่งตั้งใจมาทางนี้ เพราะบางครั้งการดูหนังสักเรื่องก็จะเป็นแบบนี้คือดูไปก็เอะใจไปตลอดทางแต่หนังมันดันสนุกเป็นบ้ามอบความคุ้มค่าทางอารมณ์เต็มพิกัดซึ่งหนังเรื่องนี้คือกรณีนั้น ทำให้ความบันเทิงที่ถูกอัดมานั้นมาชดเชยน้ำหนักของเหตุการณ์ที่บกพร่องได้และที่ต้องชมคือแรงจูงใจที่ยังเข้มพอ นั่นคือหนังสร้างความรู้สึกร่วมได้คือทำให้คนดูเห็นฉากหน้าของความอยุติธรรมและสามารถทำให้ให้เชื่อได้ก่อนแล้วว่าพี่สาวคนนี้พร้อมที่จะบุกน้ำลุยไฟไปช่วยน้องชายแม้มันจะขัดกับภาพความเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆธรรมดาซึ่งมันท้าทายมโนสำนึก ซึ่งหนังอุทิศเวลาให้กับการสร้างแรงจูงใจได้เต็มที่เมื่อคนดูเทใจให้ตัวละครเพราะหัวใจถูกผลักเข้ามุมอับแล้วก็ถึงเวลาเถิดเทิง ทำให้หนังมีไคลแมกซ์ที่บ้าคลั่งและระห่ำตามมาด้วยความสาสมใจเพราะหนังตั้งใจมาสุดจัดชัดเจนที่ความบันเทิงอย่างที่ว่า แต่ว่าก็ว่าถ้าจะแบ่งเวลาให้ไปล้างแค้นคนที่ใส่ร้ายให้สะใจกว่านี้น่าจะถูกใจคนดูมากกว่านี้ที่จะทั้งดูสนุกและได้ใจไม่คาใจนิดๆแบบนี้ ชัดๆเลยว่ามาเพื่อขายชื่อ "Alia Bhatt" เพราะให้เธอเป็นศูนย์กลางเป็นทุกอย่างของหนัง เห็นหน้าก็รู้ดูชื่อก็ทราบแล้วว่ามันคือความจงใจเต็มที่ที่จะมาเพื่อขายชื่อ Alia Bhatt เพราะวันนี้ชื่อนี้มันขายได้หลังจากกระหึ่มโลกในบทราชินีโสเภณีในคังคุไบที่ขนาดคนที่ไม่ค่อยดูหนังอินเดียยังต้องดูและรู้จักเธอ แล้วเรื่องนี้เอาจริงก็คือให้ Alia Bhatt มาเป็นนางแบกเต็มที่เพราะนอกจากบทบาทของตัวละครของเธอแล้วทุกตัวละครในเรื่องล้วนแล้วแต่แบนราบ นั่นเพราะบทหนังเหมือนตัดเอาช่วงหนึ่งมาเล่าโดยไม่ลงรายละเอียดที่มาพร้อมจะหาช่องมุดไปหาที่ไปสถานเดียวเป็นเหตุให้แม้จะเป็นตัวละครที่ผลต่อเรื่องอย่างตัวน้องชายของ Vedang Raina เหมือนเป็นภาระให้พี่สาวเต็มที่ทุกมิติ นั่นอาจเพราะบทหนังเทไปทาง Alia Bhatt คือบทในส่วนของเธอต้องสร้างแรงจูงใจที่จับต้องได้ว่าเธอจะไปช่วยน้องชายไม่ว่าจะต้องถล่มคุกต่างประเทศให้ราบเป็นหน้ากลอง แน่นอนว่า Alia Bhatt รับผิดชอบตรงนี้ได้ดีที่เห็นนะว่าฉลาดและเก่งเพียงแค่ไม่รู้ว่าความเก่งความฉลาดนั้นท่านได้แต่ใดมา ถ้าคาดหวังหรือคุ้นเคยกับหนังอินเดียยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความพลิกผันชั้นเชิงเหนือๆเรื่องนี้ไม่ใช่แต่ความสนุกใช่แน่นอน กลายเป็นว่านี่คือหนังที่ผิดจากความเป็นหนังอินเดียแต่ก็มีความเป็นหนังอินเดียเต็มที่ที่อย่าเพิ่งงง ที่ว่าต่างคือต่างจากหนังอินเดียยุคใหม่ที่คนรุ่นใหม่ชอบดูคือหนังที่เต็มไปด้วยชั้นเชิงเหนือๆพลิกผันซับซ้อนยากจะคาดเดา แต่เรื่องนี้กลับมีความเป็นหนังอินเดียเต็มที่ที่จะมีความเว่อร์ในตัวที่ไม่ต้องไปอ้างเหตุผลหรือมโนสำนึกใดๆในหนังอินเดียแบบนี้ที่อาจหาดูได้จากหนังอินเดียเก่าๆหรือใหม่ๆก็ยังมี แต่ทั้งนี้สิ่งที่ต้องยอมรับคือหนังอินเดียแบบนี้ที่ไม่พะวงเรื่องสมองคนดูแบบนี้มันเป็นหนังสนุกเสมอคือรู้แหละว่ามันเว่อร์มันนอนเซนส์แต่เมื่อมันดูสนุกใครจะไปทำอะไรได้ แล้วหนังเรื่องนี้ที่อาจขายได้เพราะชื่อ Alia Bhatt ก็จริงแต่เนื้อในก็ดูสนุกด้วยเพียงแต่อย่าเพิ่งไปคาดหวังมากมายกับสิ่งที่เคยเห็นมาก่อนหน้า เพราะการดูหนังสักเรื่องเราอาจต้องการแค่นี้คือหนังที่ดูสนุกมอบความบันเทิงให้หย่อนใจได้กับเวลาสองชั่งโมงกว่าที่ไม่เสียเปล่าก็น่าพอใจแล้ว ดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2,3,4,5,6,7 จาก Instagran eternalsunshineproduction เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !