รีวิวหนัง "ผู้บ่าวนิกะห์" ทำเป็นเล่นไปสู ตัวตึงไทบ้าน x ตัวจี๊ดมลายู ผสมกันดีกว่าที่คิดนะ
ดูเหมือนว่าวาระปิดศักราช 2567 เราจะได้พบกับคอนเทนท์หนังที่พร้อมมาสร้างความบันเทิงอิ่มใจอรุ่มเจ๊าะเสียแล้ว เพราะการมาของหนังไทยฟอร์มไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร แต่กลับโดดเด่นที่ความกล้าและท้าทายในการผนวกเข้าด้วยกันระหว่าง แดนอีสาน กับ ด้านขวานไทย กลายออกมาเป็น "ผู้บ่าวนิกะห์" หนังเฮฮาที่นำมาด้วยคอนเซ็ปต์ผสมผสานความต่างระหว่างประเพณีและผู้คนบนคำจำกัดความที่ว่า..ความไร้ไม่มีพรมแดน
ผู้บ่าวนิกะห์ เป็นเรื่องราวงานวิวาห์ของ บักไข่ หนุ่มไทบ้านจากขอนแก่น กับ โซเฟีย สาวมลายูจากแดนปัตตานี ที่ต้องเผชิญหน้ากับบททดสอบที่ท้าทาย เพราะ บังลี พี่ชายของเธอพยายามจ้องหาวิธีล้มงานแต่งงาน เพราะปมในอดีตที่ฝังใจและเกลียดคนอีสานขึ้นสมอง ทำให้กลายเป็นการเปิดศึกประจัญหน้ากันระหว่างหนุ่มตัวตึงจากพื้นที่ที่ราบสูงกับหนุ่มตัวจี๊ดแห่งดินแดนใต้สุดของไทย ที่กลายเป็นความชุลมุนวุ่นวายบนความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมและศาสนาที่ดันเป็นจุดเปลี่ยนที่ลงตัว
ได้ชื่อว่างานสร้างหนังจากแดนใต้ "เกรียงไกร มณวิจิตร" ได้กลายเป็นตัวพ่อนักสร้างหนังมลายูในยุคนี้ไปโดยปริยายแล้ว เขาคือนักสร้างที่ขยันหาลู่ทางและแนวคิดผลิตคอนเทนท์ตีแผ่ความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวใต้ออกมาได้อย่างต่อเนื่อง ลองผิดลองถูก ลองทำมาแล้วหลากหลายแนว ล่าสุดก็หวนกลับมาสู่แนวตลกกลิ่นอายแห่งรักและครอบครัวชาวไทยมุสลิมดูอีกครั้ง ที่กลายเป็นว่างานชิ้นนี้เราได้เห็นถึงพัฒนาสร้างที่เติบโตขึ้นจากฝีมือการสร้างหนังของเขา ที่โฟลว์ยิ่งขึ้นแบบชัดเจน
ผู้บ่าวนิกะห์ ก็ยังเป็นหนังภายใต้การผลิตจากค่ายหนังของผู้กำกับเอง อย่าง มณวิจิตร ที่ก็ยังคงใช้ทีมงานผู้สร้างชุดเดิมจากผลงานก่อน ๆ อย่าง ของแขก หรือ รักนะซุปซุป ถึงแม้ว่าหนังเรื่องนี้ยังคงเต็มไปด้วยรอยบอบช้ำเยอะแยะอยู่มากมายตามเคย แต่ผลลัพธ์โดยรวมออกมานั้น กลายเป็นหนังที่ทำออกมาสนุกและถึงอรรถรสได้มากกว่าที่คิดเอาไว้ทีเดียว เพราะด้วยเสน่ห์ความเป็นธรรมชาติของทีมนักแสดง บวกเข้ากับบทหนังที่ค่อนข้างมีทิศทางที่ชัดเจนและมั่นคงยิ่งขึ้น
ในส่วนของบทหนังของผู้บ่าวนิกะห์ อาจจะยังไม่ใช่บทหนังที่ดิบดีอะไรเท่าไหร่นัก เพราะหนังก็ยังมากับสูตรซ้ำ ๆ เดิม ๆ มาแบบแพ็คเกจดูเพลินแบบง่าย ๆ ไม่ต้องคิดอะไรให้เห็น แต่ดันเป็นสูตรที่สามารถเข้าถึงผู้ชมได้ดีอยู่เหมือนกัน ประเด็นของหนังค่อนข้างเด่นชัดดีว่าต้องการจะสื่อถึงอะไรและประเด็นไหน อาจจะมีบททีเล่นทีจริงผสมปนเปกันไปบ้าง แต่ก็มีหลายครั้งที่หนังยังดึงสติกลับเข้ามาสู่เนื้อเรื่องได้อย่างขันแข็งดี
อย่างน้อย ๆ หนังก็ค่อนข้างเล่าเรื่องได้จอยดี โดยเฉพาะช่วงครึ่งแรกของหนัง นับว่าเป็นความบันเทิงระดับรสชาติค่อนข้างดีทีเดียว กลายเป็นความประทับใจแรกที่มัดใจคนดูได้อยู่หมัดพอสมควร ถึงแม้ว่าในช่วงครึ่งหลังของหนังก็ออกอาการเหมือนเครื่องบินหาจุดแลนดิ้งให้สวย ๆ เลยบินวนอยู่นานสองนาน แล้วก็ลงจอดแบบไว ๆ งง ๆ ยังไม่ค่อยน่าประทับใจสักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อย ๆ หนังก็เล่าเรื่องได้บันเทิงตลอดทั้งเรื่อง
ทางด้านโปรดักชันและงานสร้างต่าง ๆ ก็ถือว่าใช้ได้ เห็นแนวพัฒนาที่ดีขึ้นจากผลงานก่อน ๆ ของหนังในค่ายนี้ แม้ว่าในจุดของการตัดต่อและลำดับภาพในหนังเรื่องนี้ยังค่อนข้างเป็นปัญหาขรุขระอยู่ตลอดทางเหมือนกัน กลายเป็นจุดที่ไม่ลื่นไหลสักเท่าไหร ทั้ง ๆ ที่การเล่าเรื่องพยายามบิวท์อารมณ์คนดูได้แล้ว เลยมาเป็นจุดสกัดขาคนดูในบ่อยครั้งเช่นกัน กับอีกจุดเล็ก ๆ ก็คือโลเคชันที่ค่อนข้างคุ้นตาและช้ำไปหน่อย เพราะหลายจุดที่หนังใช้ถ่ายทำก็เคยใช้ซ้ำกับหนัง 2-3 เรื่องที่ผ่านมาของหนังค่ายนี้ไปแล้วเช่นกัน แต่หนังก็ถ่ายทอดสถานที่สวย ๆ ชายแดนใต้ออกมาได้มีเสน่ห์ โดยเฉพาะทะเลใต้สุดของไทย มันช่างสวยและสงบเหลือเกิน
แน่นอนว่าไฮไลต์ที่ดีเด่นสุด ๆ ของผู้บ่าวนิกะห์ ต้องยกความดีความชอบให้กับเหล่านักแสดงล้วน ๆ นี่คือหนังที่จับเอาทีมดาราจากแดนอีสาน มาประชันบทบาทกับตัวท็อปฝั่งมลายู ที่ดันกลายมาเป็นการผสมผสานความแตกต่างที่ลงตัวแบบชวนประหลาดใจกันยิ่งนัก "ดงเด้ง ณัฐวุฒิ" ก็ยังมอบการแสดงแบบไม่เหมือนแสดงด้วยวิถีธรรมชาติแบบไทบ้านของเขาเช่นเคย ที่ดันกลายมาเป็นจุดที่กำลังเหมาะเจาะดีในหนังเรื่องนี้
ขณะที่ "ชาร์ลี อาหมัดกูเชียรี" อินฟูลฯ หนุ่มคนดังที่โดดมาปะทะฟาดฟันก็ทำออกมาได้น่าสนใจ ถึงแม้ว่ามิติบทบาทตัวละครของเขาจะยังไม่ค่อยขับออกมามากนัก ทั้ง ๆ ที่น่าจะใส่เต็มได้มากกว่านี้ แต่ก็จัดได้ว่าเขาทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างน่าพอใจแล้ว เช่นเดียวกับ "แทมมี่ กมลพร" ที่อาจจะไม่ได้ซีนที่หวือหวาอะไรสักเท่าไหร่ แต่ก็มาช่วยเติมเต็มบทบาทฝั่งทีมมลายูได้เป็นอย่างดี และเป็นตัวแทนความงามสาวมุสลิมในเรื่องนี้ได้ถ่องแท้
แต่ที่กะพริบตาไม่ได้เลยก็คือ "ตาต้า ชาติชาย" ที่มาเพื่อเป็นตัวตึงตัวแทนจากไทบ้านโดยแท้ เขาก็ยังแสดงในรูปแบบที่ไม่เหมือนแสดงเหมือนเคย เป็นตัวปล่อยมุกและตัวสับสวิชต์อารมณ์ของหนังได้อย่างน่าประทับใจ ไม่ใช่แค่เพียงการรับส่งต่อกับดงเด้งได้ดีเท่านั้น เขายังผลัดรับผลัดส่งกับเพื่อนทีมมลายูได้อย่างชวนหัวด้วย เหมาะกับตำแหน่ง MVP ประจำเรื่องนี้จริง ๆ แล้วยังมี MVP ทางฝั่งมลายูด้วย ก็คือ "อดุลย์ บอสู" คนนี้ก็ใส่เต็มจัดเต็ม กระชากสติคนดูได้ชวนเซอร์ไพรส์ทุกซีน
จะว่าไปแล้ว ผู้บ่าวนิกะห์ ได้กลายมาเป็นหนังไทยที่มาพร้อมกับผลลัพธ์ที่เหนือความคาดหมายพอสมควรเลย แม้ว่าจะไม่ได้คาดหวังใด ๆ ก่อนเบิกเนตรมาสัมผัสเนื้อหาของหนังเรื่องนี้แล้ว แต่สิ่งที่ได้กลับไปค่อนข้างเซอร์ไพรส์อยู่ไม่น้อย แม้ว่าหนังจะไม่ถึงขั้นสมบูรณ์อะไรเลยก็ตาม ยังมีจุดบกพร่องและจุดด้อยอยู่เยอะไปหมด แต่อย่างน้อย ๆ ความจริงใจและเส้นเรื่องที่ขันแข็งดีก็เป็นตัวชูที่โดดเด่นของหนังเรื่องนี้ และทำให้ภาพรวมออกมาค่อนข้างบันเทิงได้กว่าที่คิดไว้อีก
และอีกจุดหนึ่งที่ค่อนข้างประทับใจในผู้บ่าวนิกะห์เรื่องนี้ ก็คือการหยอดใส่คำถามแคลงใจในสังคมไทยที่มีต่อชาวไทยมุสลิมหรือผู้ที่นับถืออิสลาม เป็นประเด็นสงสัยง่าย ๆ ที่หนังมอบคำตอบที่ชี้แจงออกมาได้ชวนเข้าใจในระดับพื้นฐานได้เป็นอย่างดี เกี่ยวกับพื้นเพชีวิตของคนภาคใต้ โดยเฉพาะคนสามจังหวัดชายแดน ที่ถึงแม้ว่าจะมีวัฒนธรรมและศาสนาที่แตกต่างจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของไทย แต่ก็ล้วนเต็มไปด้วยเสน่ห์ในตัวพวกเขาเองที่น่าสัมผัสเข้าถึง
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง: ผู้บ่าวนิกะห์
- ประเภท: ตลก
- ผู้กำกับ: เกรียงไกร มณวิจิตร
- นำแสดงโดย: ณัฐวุฒิ แสนยะบุตร, อาหมัดกูเชียรี ดอเล๊าะ, กมลพร แสงวัชรสุนทร
- ความยาว: 116 นาที
- กำหนดฉายในไทย: 19 ธันวาคม 2024
Movie.TrueID METRIC: ผู้บ่าวนิกะห์
- ภาพรวม
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7.6/10) - การเล่าเรื่อง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (7.9/10) - การแสดง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8.2/10) - เทคนิคงานสร้าง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7.0/10) - บทภาพยนตร์
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (6.6/10)
-------------------------------------
>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa