Series ReviewQueen Woo ราชินีอู กู้บัลลังก์ Part 1 (2024)กระชับ เข้มข้น ระทึกเร้า ใจในงานพีเรียดเยี่ยมๆกับเกมชิงอำนาจซ้อนแผนพลิกผันที่อาจไม่เหนือชั้นแต่ตรึงอารมณ์ได้อยู่หมัดในฐานะคนที่ดูซีรีส์และละครเกาหลีเป็นหลักอย่างผู้เขียนที่ดูเป็นประจำแต่ระยะหลังอาจลดจำนวนลงเพราะเวลาไม่ค่อยอำนวยเหมือนเมื่อก่อนแต่ยังไงก็ต้องดู ยิ่งปัจจุบันช่องทางการดูมีมากจากระบบสตรีมมิ่งที่แทบทุกค่ายต่างเลือกเฟ้นคอนเทนต์ดีๆที่น่าสนใจมาให้คนดูเลือกและเพื่อแย่งชิงจำนวนสมาชิก กำไรจึงตกมาที่คนดูมีงานที่น่าดูน่าสนใจออกมาให้ดูกันเรื่อยๆสิ่งที่ตามมาคือช่องทางการสื่อสารกับคนดูเพื่อยั่วน้ำลายคนดูให้ตั้งตา แล้วการเสพข่าวนั่นเองที่ทำให้ผู้เขียนไปสะดุดตากับซีรีส์เรืองหนึ่งที่เหมือนว่าเป็นลิมิเต็ดซีรีส์จากเกาหลีเพราะออกฉายผ่านทางค่ายสตรีมมิ่งบ้านเขาไม่ได้ออกอากาศทางฟรีทีวีเหมือนละครทั่วไป ด้วยจำนวนตอนที่น้อยแต่ดันแบ่งออกเป็นสองภาคภาคละสี่ตอนมีนักแสดงนำที่ชื่อชั้นขายได้อย่างน่าสนใจคือจอนจองซอและจีชางอุค ในงานแนวย้อนยุคที่เรียกว่าชากึกชิงอำนาจราชบัลลังก์ที่จะมีความน่าสนุกในตัว ทำให้เรื่องนี้เป็นการรอคอยของผู้เขียนและเมื่อการรอคอยสิ้นสุดผลของสี่ตอนแรกจึงออกมาแบบนี้หลังจากที่พระเจ้าโกนัมมู (จีชางอุค) ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งโคกูรยอพระองค์ก็ทำศึกยึดแผ่นดินที่เสียไปในรัชกาลก่อนคืนมาแต่กินเวลานานปล่อยให้พระมเหสีคือราชินีอูฮี (จอนจองซอ) ต้องเผชิญกับปากเหยี่ยวปากกากับเกมการเมืองในท้องพระโรงเพียงลำพัง มีเพียงอัครมหาเสนาบดีอึลพาโซ (คิมมูยอล) ที่คอยสนับสนุนและปกป้ององค์ราชินีตามรับสั่งขององค์ราชา ทว่าเมื่อองค์ราชาเสด็จกลับมายังเมืองหลวงเกมการเมืองก็ปลงพระชนม์พระองค์ทำให้องค์ราชินีอูฮีต้องตกอยู่ในอันตรายเพราะอำนาจจะเปลี่ยนมือไม่ได้มิฉะนั้นก็คืออันตรายถึงชีวิตทั้งตระกูล อึลพาโซจึงพยายามถ่วงเวลาที่จะปล่อยให้ข่าวการสิ้นพระชนม์ของพระราชาไว้จนถึงที่สุดโดยที่ทางออกคือราชินีอูฮีต้องเสด็จออกจากวังหลวงเพื่อไปอภิเษกกับพระอนุชาของพระราชาเพื่อคงสถานะราชินีและอำนาจต่อไปที่จะรักษาชีวิตของคนทั้งตระกูลของพระนางไว้ได้ เวลาหนึ่งคืนต่อจากนี้คือนาทีชีวิตขององค์ราชินีทุกนาทีว่าจะผ่านมันไปได้อย่างมีชีวิตรอดหรือไม่ในครึ่งแรกนี้เล่าต้นสายควบคู่ปลายเหตุได้อย่างเข้มข้นเหมือนมีเกมซ้อนกลแต่ก็เหมือนไหลตามน้ำไปเพราะดูไม่ออกว่าซ่อนอะไรไว้ ความจริงแนวชากึกชิงบัลลังก็ก็พอรู้แหละว่าจะต้องมีเกมกลซ้อนแผนให้มีความพลิกผันคือรู้นะว่าจะมาไม้ไหน แต่ความเยี่ยมของเรื่องนี้คือการซ่อนบางอย่างไว้แนบเนียนแต่เหมือนแบะท่าว่ามันน่าจะมีอะไรในความที่ลื่นไหลเหมือนตามสถานการณ์ไปเรื่อยๆ เพราะแม้จะรู้ทั้งรู้แต่ก็ไม่รู้ว่าคืออะไรเพราะการเล่าเรื่องที่เล่าต้นสายคืออดีตควบคู่ไปกับปลายเหตุได้ลงตัวเรื่องไม่แยกออกจากกัน ทำให้เมื่อเวลาผ่านไปอะไรที่เป็นรากฐานของตัวละครเริ่มมัดแน่นความเข้มข้นก็เพิ่มมากขึ้นที่เอาจริงมันก็ตั้งแต่ตอนแรกที่ความกดดันถาโถมเข้าหาองค์ราชินีอูฮี แน่นอนสิ่งที่เป็นตั้งแต่แรกคือการเอาหัวใจคนดูไปผูกติดกับองค์ราชินีก่อนด้วยการเล่าเรื่องสลับไปมาอย่างที่ว่าทำให้คนดูเอาใจช่วยเต็มประตู ที่เหลือก็แค่เปิดทางให้คนดูคิดว่าองค์ราชินีมีอะไรซ่อนไว้ในใจเกมนี้จะออกหน้าไหนเพราะก็รู้เต็มอกว่าพระนางหาใช่หมูในอวยเล่าเรื่องได้กระชับไม่เสียเวลาเล่าอะไรที่ไม่จำเป็นทำให้เรื่องเดินเร็วแรงไปหาความระทึกเร้าใจอย่างสุดกำลัง ความต่างของเรื่องนี้กับละครแนวนี้ที่ฉายทางฟรีทีวีคือการสามารถใส่ความรุนแรงและฉากที่ล่อแหลมทางเพศได้อย่างโจ๋งครึ่ม และสิ่งเหล่านั้นคือส่วนเสริมให้โครงสร้างการเล่าเรื่องที่แน่นหนามีความเข้มขลังเพราะความรู้สึกคนดูจะเหมือนกับว่าเป็นเรื่องจริงที่อาจใช่หรือไม่ใช่แค่ความรู้สึกมันใช่ อีกสิ่งที่ต่างไปคือความกระชับที่ไม่มัวเล่าเรื่องอะไรที่ไม่จำเป็นทำให้ไม่เห็นรอยต่อของเรื่องราวเพราะเอาแต่เนื้อๆน้ำไม่ต้องจนไม่เสียเวลาในการลากเรื่องโดยใช่เหตุ สิ่งที่เป็นคือเรื่องเดินหน้าไปอย่างเร็วแรงมาพร้อมอารมณ์ระทึกขวัญในบรรยากาศที่มืดและเงียบงันในเวลาหนึ่งคืนแห่งชีวิต ทั้งยังมาพร้อมฉากต่อสู้ที่ดุเดือดเลือดสาดพอประมาณแล้วเมื่อไม่เสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องความระทึกทางความรู้สึกก็เดินหน้าเข้าหาความระทึกทางอารมณ์ผ่านฉากต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดขององค์ราชินีอย่างสุดกำลังจนอาจเรียกได้ว่าระทึกแทบทุกนาทีแม้จะเน้นไปที่ตัวละครราชินีที่ทำได้ดีมากๆแล้วแต่คนอื่นๆก็มีเวลาที่ยอดเยี่ยมเมื่อได้ขึ้นจอ เมื่อเจตนาของบทคือซ่อนบางอย่างไว้แต่ไม่ยอมให้รู้ว่าคืออะไรคือรู้ว่าซ่อนแต่ไม่แน่ใจว่าซ่อนจริงหรือไม่ การแสดงสีหน้าแววตาจึงต้องซ่อนให้ได้และต้องสื่อให้คนดูสงสัยไปในตัวว่าในใจคิดอะไรอยู่หรือไม่อย่างไร และสิ่งที่ว่ามาจอนจองซอคือสามารถกำหนดได้เลยเมื่อคนดูได้เห็นเธอสวมบทเป็นราชินีอูฮีที่ทั้งเก่งและหัวใจแกร่งทั้งยังมีมุมอ่อนไหวให้เห็นบ้างนับเป็นการสวมบทที่ต้องจดจำอย่างไม่ต้องสงสัย จอนจองซอมาด้วยความสง่างามมีความเท่ในตัวกับการเป็นสตรีที่แข็งแกร่งเก่งและฉลาดจนไม่สามารถอ่อนออกและนั่นคือผลของการเน้นไปที่ตัวละครราชินีอูฮี ซึ่งก็แน่นอนเพราะชื่อเรื่องก็บอกโทนโท่แต่สิ่งที่เยี่ยมมากคือนักแสดงคนอื่นที่อาจเป็นบทสมทบกลับสามารถมีเวลาที่ดีเมื่อได้ขึ้นจอ และคนคนนั้นคือจีชางอุคที่เวลาน้อยกว่าแต่เมื่อได้ขึ้นจอก็คือความยอดเยี่ยมในบทพระราชากร้านสงครามที่รักภรรยาของพระองค์สุดหัวใจรวมไปถึงความนิ่งของคิมมูยอลที่ทำให้อ่านอะไรต่อจากนี้ไม่ได้เลย แถมด้วยความอลังการงานดนตรีประกอบที่ยิ่งเร่งเร้าให้ความระทึกทะลุขีดสุดอีกต่างหากเป็นความบันเทิงที่หนักแน่นตรึงอารมณ์ได้ตลอดเวลาการดูยาวๆสี่ตอนรวดจนอดคิดไม่ได้ว่าจะต้องนับวันรอรอบทสรุป สารภาพว่าผู้เขียนโกรธตัวเองเล็กๆที่ตัดสินใจเปิดดูทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าเรื่องถูกแบ่งเป็นสอง เพราะแต่เดิมคือว่าจะรอให้มาครบก่อนจึงจะดูแต่มันอดไม่ได้จริงๆแล้วเมื่อดูแล้วในความเห็นส่วนตัวคือผู้เขียนอดไม่ได้ที่จะคิดถึงงานแนวนี้ที่เป็นระดับมาสเตอร์พีซอย่าง Kingdom ของค่าย NETFLIX เพียงแค่เปลี่ยนจากซอมบี้มาเป็นเหล่ามือสังหารที่ต้องการสังหารราชินีเพื่อแย่งอำนาจ แต่เรื่องแนวนี้โครงเรื่องก็จะประมาณนี้บทพิสูจน์มันอยู่ที่รายละเอียดถึงหรือไม่และเรื่องนี้ถ้าว่ากันที่ครึ่งแรกนับว่าคือความยอดเยี่ยมเชิงอารมณ์ เพราะเป็นความบันเทิงที่หนักแน่นแทบไม่มีเวลาให้ผ่อนคลายสถานการณ์พัฒนาไปข้างหน้าไม่รู้ว่าจะออกมาหน้าไหนทั้งที่รู้ว่าทั้งหลายนั้นคือเกมกลการเมือง ทำให้นี่อาจเป็นงานระดับมาสเตอร์พีซของทางค่าย VIU ก็เป็นได้ที่จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อภาคสองออกมาในอีกหลายวันข้างหน้าที่โกรธตัวเองเหมือนกันที่รีบดูจนต้องตั้งตารอแบบนี้ดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก,ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2,3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 จาก Instagram tving.officialเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !