Movie ReviewThe Abandoned ร่างที่ถูกทิ้ง (2023)ระทึกลุ้นกันตัวโก่งอาจไม่เร่งเร้าแต่ค่อยๆบีบและเพิ่มแรงกดเรื่อยๆด้วยชั้นเชิงง่ายๆแต่ได้ผลเพราะใครจะไปคิดหลงจากพ้นเทศกาลแห่งความสุขบอกลาปี่เก่าเข้าสู่ปีใหม่ที่ผู้เขียนเองก็ไม่คิดว่าชีวิตจะเปลี่ยนอะไรไปมากมากมายเพราะยังดำเนินชีวิตดังเดิมพอว่างก็หาหนังหาซีรีส์ดู และอาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ผู้เขียนดูหนังเรื่องสุดท้ายของปี 2023 เป็นหนังตลกจากไต้หวันแล้วหนังเรื่องแรกของปี 2024 ก็เป็นหนังไต้หวันที่เปลี่ยนแนวมาเป็นดราม่าอาชญากรรมเข้มๆบ้าง แล้วถ้าท่านผู้อ่านได้ติดตามงานจากไต้หวันมาจะนึกออกกับซีรีส์สืบสวนชั้นเยี่ยมจากไต้หวันคือ Copycat Killer ที่เต็มไปด้วยความเข้มข้นระทึกปนหลอนและพลิกผันไปมา กระนั้นก็ยังคงเล่าเรื่องในแบบไต้หวันที่จะค่อยๆเล่าแล้วเก็บรายละเอียดเพื่อเดินไปช้างหน้าอย่างมีพัฒนาการและแน่นอนแล่นกับจิตใจมนุษย์ที่วัยรุ่นข้างบ้านเรียกว่าสโลว์เบิร์น ซึ่งเมื่อจับจุดได้ทุกอย่างแล้วสภาพจิตใจและอารมณ์ดิ่งลึกลงไปอย่างที่ต้องการทุกอย่างจะตามมาเช่นเดียวกับหนังอาชญากรรมกระตุกขวัญเรื่องนี้ที่เพิ่งเข้าใหม่ได้ไม่นาน เพราะถ้ามองดูจริงๆก็เป็นแนวที่เคยเห็นกันมาแต่เมื่ออารมณ์ถูกจุดติดเพราะสภาพจิตผูกมัดไปกับตัวละครแล้วอาการดำดิ่งก็ตามมาเหมือนเดิมค่ำคืนหนึ่งที่ริมแม่น้ำรองสารวัตรอู๋เจี่ย (จางหนิง) กำลังจะตัดสินใจปลิดชีวิตตนเองตามสามีที่ฆ่าตัวตายในรถคันเดียวกันไปก่อนหน้าเพราะอาการซึมเศร้าและเธอรับความเจ็บปวดไม่ไหว ทว่าการตัดสินใจครั้งนี้กลับถูกขัดจังหวะโดยวัยรุ่นที่ไปมั่วสุมริมแม่น้ำที่อยู่ในสภาพตกใจสุดขีดแล้วด้วยความเป็นตำรวจอู๋เจี่ยจึงไปดูแล้วพบว่ามีร่างที่ถูกทิ้งอยู่ที่ริมแม่น้ำ อีกด้านหนึ่งสายพิณ (ศจี อภิวงศ์) หญิงสาวชาวไทยที่เดินทางมาเป็นแรงงานต่างด้าวที่ไต้หวันก็ไปหาหลินหยูเซิง (อีธาน หรวน) นายหน้าค้าแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเพื่อตามหาพี่สาวทีชื่อวารีที่เป็นคนรักของหลินหยูเซิงที่หายตัวไป ระหว่างนั้นการชันสูตรศพก็พบว่าเป็นศพหญิงสาวชาวไทยที่ถูกฆ่าอย่างทารุณแล้วควักหัวใจออกไปแน่นอนร่างนั้นก็คือวารีพี่สาวของสายพิณนี่เอง อูเจี่ยจึงได้รับมอบหมายให้สืบคดีนี้ร่วมกับสายสืบตำรวจน้องใหม่แล้วการสืบสวนก็คืบหน้าเพราะเบาะแสพุ่งไปหาหลินหยูเซิงกระนั้นเขาก็ไม่ใช่คนที่ฆ่าวารี จนเมื่อไม่มีทางเลือกอู๋เจียจึงต้องร่วมมือกับนายหน้าแรงงานผิดกฎหมายหลินหยูเซิงเพื่อตามล่าฆาตกรโหดรายนี้ให้ได้ค่อยๆเล่าเก็บรายละเอียดที่เหมือนไม่มากเพราะหนังพุ่งเป้าไปอย่างมีทิศทางและเหมือนไม่ได้จงใจให้สับสน เพราะคอนเทนต์ไต้หวันส่วนมากจะเป็นแบบนี้คือจะไม่เร่งรีบแต่ค่อยๆเล่าเก็บรายละเอียดเพื่อสร้างความชอบธรรมให้เหตุการณ์ที่จะพัฒนาไป แล้วการเก็บรายละเอียดของเรื่องนี้อาจไม่ใช่ทางอารมณ์แต่ค่อยๆละเลียดความสงสัยที่การเล่าเรื่อยๆปล่อยให้ความคุกรุ่นเริ่มก่อตัวและค่อยๆเพิ่มขึ้นตามสถานการณ์และเบาะแสแบบนี้เองที่วัยรุ่นข้างบ้านบอกว่าสโลว์เบิร์น กระนั้นแม้หนังจะจงใจเก็บเล็กผสมน้อยแต่ก็มีเป้าหมายให้พุ่งชนชัดเจนคือการหาตัวฆาตกรโหดที่มีทิศทางแน่นอน ซึ่งเป็นคนละอย่างกับการพยายามสร้างความสับสนซึ่งบทหนังเป็นไปในทางชวนสงสัยมากว่าเอาความสับสนเข้ามาเพื่อสับขาหลอกซึ่งก็แปลกดี ทำให้หนังออกมาดูง่ายไม่แตกประเด็นไปไกลหรืออาจกล่าวได้ว่าดูไปเถอะไม่มีงงเพราะแม้จะเหมือนเป็นงานแนวสืบสวนที่ซ่อนความลับบางอย่างไว้แต่ก็เล่าง่ายๆ เพราะหนังมีโฟกัสอยู่ที่ความหมายของการมีชีวิตของตัวละครอู๋เจี่ยที่จะต้องก้าวผ่านหล่มชีวิตไปพร้อมกับการไขคดีจุดไฟในใจด้วยการกดอารมณ์ให้ดิ่งไปกับตัวละครทำให้อารมณ์อึดอัดเข้ามาความเร้าใจลุ้นระทึกจึงตามมา พอเริ่มที่ตัวละครเอกกำลังจะฆ่าตัวตายเพราะปมในใจอันดับแรกเลยอารมณ์ที่ถูกกดดิ่งจะก่อตัวขึ้นมา แล้วเมื่ออารมณ์ดำดิ่งไปด้วยกันสิ่งที่ตามมาคือความอึดอัดกดดันที่จะมาเยือนไปพร้อมๆกันเมื่อต้องเจอกับสถานการณ์และการต้องตัดสินใจโดยมีภาพอดีตมาคอยฉุดรั้งความคิดไว้ได้เรื่อยๆ นั่นหมายความว่าอารมณ์จะไม่ได้งอกเงยเต็มที่เพราะดิ่งไปกับอาการติดหล่มหัวใจไปกับอู๋เจี่ยจนอึดอัดแถมบรรยากาศยังมาแนวมืดๆทึมๆชื้นแฉะ ปะกอบกับการเผยภาพเหยื่อสังหารที่ถูกฆ่าอย่างโหดร้ายจนแทบเบือนหน้าหนีแล้วเมื่อเป็นเช่นนี้เวลาที่ผ่านไปก็จะตื่นเต้นเร้าใจความลุ้นระทึกก็ตามมาเป็นเงาตามตัว เพราะยิ่งถูกกดจนแทบกลั้นหายใจก็ยิ่งอยากสูดอากาศให้เต็มปอดสักทีด้วยการสูดหายใจยาวๆแต่อารมณ์ของหนังผ่านภาพที่เห็นก็ไม่เปิดโอกาสให้ทำแบบนั้น หนังจึงเต็มไปด้วยความอึดอัดกดดันอาจเพราะตัวละครเอกเป็นผู้หญิงที่คนดูจะเอาใจช่วยอยู่แล้วก็มีส่วนหนังจึงเดินหน้าไปแบบไม่ต้องมองเข็มนาฬิกาเต็มไปด้วยความพลิกผันที่ท้าทายให้เดาด้วยลูกเล่นเดิมๆง่ายๆที่ยังได้ผลแต่น่าเสียดายที่จุดสำคัญ Impact ไม่แรงพอ แม้ว่าหนังจะมีทิศทางที่ชัดเจนและเดินหน้าไปเป็นเส้นตรงไม่ได้ถึงกับตั้งใจมาหลอกแต่ก็มีความพลิกผันไปมามากพอดู ด้วยลูกเล่นง่ายๆคือเปิดหน้าท้าให้เดาเพราะถูกชี้นำไปเต็มที่เริ่มที่ใครคือฆาตกรที่คนดูจะคิดไปแล้วเรียบร้อยแต่ก็คิดผิดครั้งแรกผ่านไปครั้งที่สองก็ผ่านไป ทว่านี่น่าเสียดายคือความพลิกผันครั้งใหญ่ที่หนังมีไว้ท้าทายสมองคนดูที่ความจริงไม่ได้ซ่อนเร้นอะไรเลยแต่มันไม่มีส่วนกับเหตุการณ์มากมายหรือเรียกง่ายๆว่าเป็นส่วนที่ไม่ได้มีความสำคัญ ทำให้จุดนี้ Impact ต่ออารมณ์ไม่แรงพอเพราะไม่ใช่ส่วนสำคัญที่มีส่วนร่วมทางหัวใจมาก่อนแม้จะมีผลกระทบแรงต่อเรื่องราวแต่นั่นมันคนละส่วน ต่อมาคือเหตุการณ์บางอย่างเชื่อมกันแค่บางเบาคือกรณีของสายพิณที่เปิดมาอย่างน่าสนใจแต่แล้วก็ทิ้งเธอไปแล้วโผล่มาอีกทีเพื่อเป็นตัวแปร ซึ่งก็คือลูกเล่นเดิมๆง่ายๆในหนังที่อาจคล้ายเห็นมานับครั้งไม่ถ้วนแต่เรื่องนี้มีดีที่ซ่อนความจงใจหลอกได้เนียนจนเหมือนไม่ได้ตั้งใจมาหลอกการแสดงที่ดิ่งลึกถึงอารมณ์เป็นตัวกำหนดอารมณ์ของเรื่องแต่ยังมีบางอย่างที่เป็นรอยแผล ที่ต้องชื่นชมสิ่งแรกเลยคือการสร้างอารมณ์ที่ดิ่งลึกเหมือนถูกกดไปตามอารมณ์ของตัวละครที่บทตั้งใจมาเป็นแบบนั้นและจางหนิงคือคนควบคุมอารมณ์นั้นที่เธอทำได้ดี ทว่าระหว่างทางกลับเห็นริ้วรอยทางการแสดงที่ดูก็รู้ว่าตั้งใจเกินไปและเหมือนผู้กำกับจะพอใจที่เป็นแบบนี้ทำให้มีแผลทางการแสดงอยู่บ้างในบางอารมณ์ ซึ่งก็เป็นทั้งตัวจางหนิงเองและอีธาน หรวนในบทที่ต้องใส่อารมณ์ซึ่งก็ทำได้ดีแต่เมื่อต้องโคลสภาพเข้ามาใกล้ในบางบทสนทนาก็ดูล้นไปเช่นกัน แล้วที่ต้องชื่นชมอย่างยิ่งคือนักแสดงไทยคือศจี อภิวงศ์ที่ดูจากเครดิตแล้วก็มีผลงานอินเตอร์หลายเรื่องแล้วการแสดงอารมณ์ผ่านสีหน้าแววตายอมรับว่าไม่มีที่ติจนจะดูเนียนกว่านักแสดงไต้หวันด้วยซ้ำ แต่ทันทีที่ต่อบทสนทนาเป็นภาษาไทยกลายเป็นว่าการต่อไดอะล็อกก็กลับมาเป็นแบบไทยๆคือเหมือนท่องบทมาซึ่งก็แปลกดี ทำให้โดยรวมแล้วการแสดงของนักแสดงสามารถกำหนดอารมณ์ได้อย่างที่หวังแต่มันยังไม่เนี้ยบเนียนเต็มร้อยเท่านั้นจัดเป็นหนังที่ดูสนุกดูแล้วลุ้นระทึกเร้าใจดูแล้วหยุดไม่ได้แถมยังเหมือนเป็นเรื่องใกล้ตัว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหนังเรื่องนี้ก็เป็นหนังที่ดูสนุกสามารถพาคนดูไปได้เรื่อยๆที่อาจไม่เร่งเร้ารวดเร็วแต่จัดการอารมณ์จนอยู่หมัด เพราะเมื่อได้ดูแล้วจะสงสัยแล้วก็ยิ่งสงสัยขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งค่อยๆคลายความสงสัยไปทีละเปลาะและสิ่งนั้นเองที่มาพร้อมความลุ้นระทึกเร้าใจ แถมด้วยบรรยากาศที่ไม่น่าไว้ใจไม่น่าออกไปไหนกับสภาพแวดล้อมที่เล่าเรื่องของแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายในบ้านเขาที่ก็ไม่ค่อยต่างจากบ้านเรา แถมยังเล่าผ่านคนไทยที่ไปทำงานที่ไต้หวันที่เหมือนเป็นปัญหาและเป็นช่องว่างให้เรื่องผิดกฎหมายเกิดขึ้น แล้วเมื่อเรื่องก่อนหน้าก็ได้ดูหนังไต้หวันที่กล่าวถึงนักฆ่าชาวไทยเรื่องนี้และเรื่องนั้นจึงรู้สึกใกล้ตัวโดยเฉพาะเรื่องนี้ที่พูดภาษาไทยกันเยอะมาก ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของไต้หวันที่จะเล่าเรื่องพื้นฐานทางสังคมหรือชนชั้นพื้นฐานทางสังคมแต่เรื่องนี้กลายเป็นว่าลงต่ำกว่าเพราะเป็นแรงงานต่างด้าวที่คุณภาพชีวิตไม่ดีนัก และเมื่อเรื่องมันเหมือนใกล้ตัวคนดูชาวไทยก็คงจะสนุกไปพร้อมกับอารมณ์ที่ดิ่งลึกอย่างที่หนังต้องการดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2,3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5,6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 จาก Instagram the_abandoned_movie ถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องเหล่านี้https://entertainment.trueid.net/detail/3DG24vv4VNbkhttps://entertainment.trueid.net/detail/NOW9lo6Q7AK4https://entertainment.trueid.net/detail/xyPA5Z6B14qMhttps://entertainment.trueid.net/detail/N3E61k7z882vเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !