(ภาพปกถ่ายโดยผู้เขียน) เชื่อว่าหลายคนคงเคยดูภาพยนตร์ The Da Vinci Code ของ แดน บราวน์ (Dan Brown) แล้ว เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ความรู้สึกหลังจากดูจบคือทึ่งมาก เพราะผู้แต่งนำเครื่องหมายและสัญลักษณ์ต่าง ๆ ในศาสนาคริสต์มาผูกเรื่องได้อย่างน่าตื่นเต้นและน่าสนใจ หนังจบเราไม่จบ พอไปร้านหนังสือแล้วเจอหนังสือที่สนองความอยากรู้ เราจึงไม่พลาดซื้อทันที หลังจากอ่านจบต้องบอกเลยว่ามีประเด็นน่าสนใจเพียบ หนังสือที่ว่าคือ เครื่องหมายและสัญลักษณ์ในคริสตศิลป์ เขียนโดย จอร์จ เฟอร์กูสัน แปลและอธิบายเพิ่มเติมโดย กุลวดี มกราภิรมย์ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์อมรินทร์(ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) ปกหน้าพอเริ่มอ่าน แค่คำนำก็ทำให้อยากอ่านต่อแล้ว ในส่วนนี้ของหนังสือกล่าวว่า ถ้าจะศึกษาศิลปะที่มีเนื้อหาทางคริสต์ศาสนาให้เข้าใจและสนุก ผู้ที่ศึกษาควรมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องราว เครื่องหมาย และสัญลักษณ์ที่ปรากฏในคริสตศิลปะบ้าง เพราะศิลปินนิยมใช้เวลาถ่ายทอดประสบการณ์ ยกตัวอย่างเช่น ใช้ไม้กางเขนแทนความรักที่พระเจ้ามีต่อมนุษย์ เพราะทรงยอมสละพระบุตรเป็นเครื่องสังเวยบนไม้กางเขน จากนั้นหนังสือก็ยกตัวอย่างภาพอันงดงามมากมายของศิลปินซึ่งมีนัยทางศาสนา เช่น ภาพของเลโอนาร์โด ดาวินชี ราฟาเอล มีเกลันเจโล เป็นต้นภาพถ่ายโดย Pixabay คริสตศิลปะหนังสือแบ่งหมวดของสัญลักษณ์ดังนี้หมวด 1 สัตว์ นก แมลงหมวด 2 ดอกไม้ ต้นไม้ และพืชหมวด 3 พื้นพิภพและท้องฟ้าหมวด 4 ร่างกายมนุษย์หมวด 5 รังสี ตัวอักษร สี และตัวเลขหมวด 6 เครื่องแต่งกายทางศาสนาหมวด 7 วัตถุที่ใช้ในศาสนพิธีหมวด 8 สิ่งประดิษฐ์หมวด 9 ภาคพันธสัญญาเดิมหมวด 10 นักบุญจอห์นแบปทิสต์หมวด 11 แม่พระผู้นิรมลหมวด 12 พระเยซูคริสต์หมวด 13 พระตรีเอกภาพ แม่พระ และทูตสวรรค์หมวด 14 นักบุญ(ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) ปกหลังในบทความนี้เราจะขอพูดถึงบางหมวดที่สามารถเข้าใจได้แม้จะไม่ได้อ่านหนังสือทั้งเล่ม โดยจะขอพูดถึงหมวดที่ 1 สัตว์ นก แมลง ตอนที่เราเริ่มอ่านเรื่องของสัตว์ชนิดแรกอย่างลิงต้องยอมรับว่าแปลกใจ เพราะเพิ่งรู้ว่าในศาสนาคริสต์ลิงถือเป็นสัญลักษณ์แห่งบาป ความมุ่งร้าย ความคิดคด ตัณหา ความเฉื่อยชา นั่นหมายความว่า ถ้าเห็นลิงปรากฏอยู่ในภาพวาดที่มีนัยทางศาสนาคริสต์ สิ่งที่ศิลปินต้องการจะสื่อคือแง่มุมที่ชั่วร้ายภาพโดย Pixabay ลิงเป็นสัญลักษณ์แห่งบาป ทีนี้มาดูความหมายของแมวกันบ้าง เชื่อว่าทาสแมวอ่านแล้วคงสะดุ้งกันเป็นแถว เพราะแมวคือสัญลักษณ์แห่งความเกียจคร้านและตัณหาราคะ (เราเองอ่านแล้วก็ตกใจเพราะชอบแมวอยู่ไม่น้อย) ในทางกลับกัน สุนัขเป็นสัญลักษณ์ของคุณธรรมเรื่องความซื่อสัตว์และระแวดระวัง เช่นเดียวกับนกกระเรียนที่เป็นสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์ จงรักภักดี ภาพโดย Pixabay แมวสื่อถึงตัณหาราคะ ส่วนเรื่องของนกฮูก อ่านแล้วรู้สึกหวือหวาดี เลยอยากจะเล่าถึงด้วย หนังสือกล่าวว่า นกฮูกเป็นสัตว์ที่กลัวแสงสว่าง ชอบซ่อนตัว จึงใช้เป็นสัญลักษณ์ของซาตานผู้มีสมญานามว่า เจ้าชายแห่งความมืด และมีความเชื่อว่านกฮูกชอบล่อนกอื่น ๆ ไปติดกับของนายพราน ซึ่งเหมือนกับที่ซาตานชอบล่อลวงมนุษย์ แต่ในขณะเดียวกันนกฮูกก็เป็นสัญลักษณ์แห่งความสันโดษด้วย ถ้าไม่อ่านหนังสือเล่มนี้ ต้องยอมรับเลยว่าไม่เคยรู้อะไรพวกนี้มาก่อนเลย มิหนำซ้ำความหมายยังตรงข้ามกับสิ่งที่เราเคยคิดไว้ด้วย จึงถือว่าหนังสือช่วยเปิดมุมมองให้ ภาพโดย Pixabay นกฮูกเป็นสัญลักษณ์ของซาตานหมวดที่ 3 พื้นพิภพและท้องฟ้า ก็เป็นอีกหมวดที่น่าสนใจ เพราะถึงคนไทยอย่างเรา ๆ จะมีวัฒนธรรมต่างจากชาวตะวันตก แต่สิ่งต่าง ๆ ที่อธิบายถึงในหมวดนี้ ทั้งสองวัฒนธรรมต่างก็มีเหมือนกัน เช่น รุ้งกินน้ำที่หนังสืออธิบายว่าเป็นสัญลักษณ์ของการรวมกันเป็นหนึ่งเดียว หรืองาช้างที่เป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์และความมั่นคงแห่งคุณธรรม เพราะคุณสมบัติที่ไม่เน่าเปื่อยผุพังอีกหมวดหนึ่งที่จะขอพูดถึงคือ หมวด 4 ร่างกายมนุษย์ เพราะคิดว่าน่าสนใจ ตัวอย่างเช่น เต้านมคือสัญลักษณ์ของความรัก การฟูมฟัก และกาารปกป้อง ในขณะที่หูสื่อถึงการทรยศต่อพระคริสต์ ส่วนเท้าหมายถึงความถ่อมตนและการเต็มใจยอมรับใช้ภาพโดย Pixabay หูสื่อถึงการทรยศต่อพระคริสต์ หนังสืออธิบายความหมายของสัญลักษณ์ต่าง ๆ เยอะมาก แเละเล่าถึงที่มาที่ไปด้วย จึงทำให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น โดยส่วนตัวคิดว่าเหมาะจะใช้เป็นหนังสืออ้างอิงมาก ใครที่สนใจงานคริสตศิลป์ อ่านเล่มนี้จะทำให้ได้ข้อมูลและเข้าใจสิ่งที่ศิลปินต้องการจะสื่อมากยิ่งขึ้น ส่วนคนที่เป็นนักอ่าน หากได้อ่านเล่มนี้ก็จะทำให้เข้าใจวัฒนธรรมของชาวตะวันตกและความเชื่อทางศาสนาคริสต์มากยิ่งขึ้น