รีเซต

ผู้สร้างซีรีส์ "The Last of Us" บอกสาเหตุที่เปลี่ยนแปลงเรื่องราวของ บิล กับ แฟรงก์

ผู้สร้างซีรีส์ "The Last of Us" บอกสาเหตุที่เปลี่ยนแปลงเรื่องราวของ บิล กับ แฟรงก์
แบไต๋
2 กุมภาพันธ์ 2566 ( 11:30 )
372

ซีรีส์ The Last of Us ดำเนินเรื่องมาถึงตอนที่ 3 แล้ว ในตอนนี้มีเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ มีการดัดแปลงเนื้อหาให้แตกต่างออกไปจากต้นฉบับเกม เนื้อหาหลังจากนี้มีสปอยล์

ในตอนที่ 3 Long, Long Time จะเล่าถึงความสัมพันธ์ความรักระหว่าง บิล แสดงโดย นิก ออฟเฟอร์แมน (Nick Offerman) กับ แฟรงก์ แสดงโดย เมอร์เรย์ บาร์ตเล็ตต์ (Murray Bartlett) ซึ่งแตกต่างจากเนื้อหาภายในเกม

บิลกับแฟรงก์มีความสัมพันธ์บางอย่าง ตัวเกมไม่ได้บอกชัดเจนมากนัก หลังจากเบื่อกับการกระทำของบิล แฟรงก์ตัดสินใจทิ้งบิล หนีจากเมืองที่ใช้ชีวิตร่วมกันกว่า 20 ปี เรื่องราวของแฟรงก์จบลงด้วยการปลิดชีพตัวเองหลังจากการติดเชื้อ แฟรงก์ทิ้งข้อความไว้ให้กับบิล “ผมเดาว่าคุณพูดถูก การพยายามหนีจากเมืองที่จะฆ่าผม ยังดีกว่าการได้อยู่กับคุณต่อไป”

พอซีรีส์ออกฉาย มีการปรับเปลี่ยนเนื้อหาความสัมพันธ์ของบิลกับแฟรงก์ เล่าความรักของทั้งคู่ ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงช่วงสุดท้ายของชีวิต

เครก มาซิน (Craig Mazin) และ นีล ดรักแมน (Neil Druckmann) อธิบายเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องราวของทั้งสองคนใหม่

“เมื่อพวกเราเดินทางมาถึงส่วนนี้ เครกอยากนำเสนออะไรใหม่ ๆ มีตัวอย่างมากมายที่จะนำเสนอแง่มุมต่าง ๆ ของมุนษย์ ภาพสะท้อนเหล่านี้เป็นเครื่องเตือนใจสำหรับโจลว่า ‘นี่คือสิ่งที่คุณต้องสูญเสีย'” ดรักแมน บอก “พวกเราอยากนำเสนอให้คุณรู้ว่าจะสามารถยืนหยัดเอาชัยชนะเรื่องพวกนี้ได้ยังไง?”

“เครื่องเตือนใจโจลคือการเสียเทสไปในท้ายตอน 2 สำหรับซีรีส์พวกเราสามารถทิ้งตัวละครหลักของเราได้ แต่ในเกมจะต่างออกไป ดังนั้นพวกเราอยากเล่าเรื่องราวของบิลหลังจากเกิดเหตุการณ์โรคระบาดบ้าง และการพบเจอกับแฟรงก์ การตกหลุมรักและแก่ไปด้วยกัน สิ่งเหล่านี้เป็นวัฏจักรของความรักและการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับใครสักคนและพบเจอประสบการณ์ที่ต้องสูญเสีย การสูญเสียในแง่มุมนี้คือความสุขที่ได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่แล้ว”


“ผมคิดว่าตอนจบนำมาซึ่งความสุข” มาซิน เสริม “ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่มักคิดเสมอความตายคือความทุกข์ โดยเพราะเมื่อคุณกำลังนึกถึงวิดีโอเกม คงรู้สึกแย่ทีเดียว ในซีรีส์ก็ทำเสนอความทุกข์ใจของโจลเช่นกัน เขาสูญเสียลูกสาว สูญเสียเทส พวกเรารับรู้ได้ช่วงต้นและท้ายของตอน”

โจลกับเอลลีเดินทางมาหาบิลกับแฟรงก์ที่บ้าน ทั้งสองพบจดหมายที่บิลเขียนทิ้งไว้หลังจากตายไปแล้ว บิลเป็นเหมือนแรงผลักดันสำคัญของโจลในซีรีส์นี้

“ผมว่าผมมีความสุขไปกับบิล เขาเป็นเหมือนแรงบันดาลใจสำคัญให้โจลและเอลลี” มาซิน บอก “เขายกของทั้งหมดที่มีให้กับโจล บิลรู้ว่าเหตุผลเดียวที่จะมาบ้านเขาคืออะไร ‘ปกป้องคนรัก’ มันเป็นเรื่องยากที่โจลจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา ‘จะทำยังไงต่อเมื่อไม่มีเทส? ผมควรจะหยุดดีไหม? ทำไมผมต้องมาที่นี่ด้วย?’ ในตอนจบบิลเป็นแรงผลักดันให้โจลเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง”

เรื่องราวในตอน 3 เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่เรื่องราวเหล่านี้ไม่มีอยู่ในเกม เป็นเหมือนการเพิ่มเติมเนื้อหาที่ขาดหายไป

ดรักแมนอธิบายว่าถึงเวลาทำให้คนที่คุ้นเคยกับเกมได้ประหลาดใจแล้ว “พวกเรามีเรื่องราวและสิ่งที่สำคัญที่สุดของตอนที่พวกเราอยากนำเสนอเกี่ยวกับความรักและการรุกขึ้นยืนอีกครั้งของโจเอล ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่ ตอนนี้เป็นจุดเริ่มต้น”

“ผมกับเครกพูดคุยกันอยากนำแฟรงก์กลับมา เครกมีไอเดียอยากเล่าเรื่องราวของความรัก ผมตกอยู่ในความรัก” ดรักแมน บอก

มาซินพูดคุยกับดรักแมนจนเขายอมเปิดใจเปลี่ยนแปลงตัวละครที่เขารัก “ผมมองไปยังเขาและพูดว่า ‘มันจะยอดเยี่ยมมากเมื่อได้เห็นผ่านทีวีจากโลกที่สร้างจากวิดีโอเกม’ ผมเองก็กังวลเหมือนกัน มันซับซ้อนพอสมควร มีปรัชญาหลายอย่างที่จะนำเสนอออกมาให้รูปอื่น ๆ”

ดรักแมนยอมรับว่าเขาไม่เห็นด้วยกับการจะเปลี่ยนตัวละครเหมือนหลายปีก่อน “แต่พอผมได้พูดคุยกับเคร็ก ผมเปิดรับไอเดียใหม่มากขึ้น อะไรที่จะเล่าเรื่องราวให้ดีขึ้น และนี่เป็นเรื่องราวที่สวยงามมาก มันเป็นเรื่องง่ายมากที่ผมจะบอกว่า ‘มาลุยกันเถอะ'”

“ผมหวังว่าแฟนเกมที่ได้ชมจะรักในสิ่งที่พวกเราใส่ลงไปและสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเดียวกับพวกเรา นี่ยังคงเป็น DNA ของ The Last of Us มันเป็นจักรวาลคู่ขนาดที่สะท้อนออกมาอีกแง่มุมหนึ่ง”

อย่าลืมติดตามชมซีรีส์ The Last of Us ทาง HBO Go ทุกวันจันทร์เวลา 9.00 น. ซีรีส์มีทั้งหมด 9 ตอน และตอนนี้ได้รับการอนุมัติซีซัน 2 แล้ว

อ้างอิง IGN