ตอนที่เขียนเล่าเรื่องชวนฟังเพลง "Everybody Needs A Friend" ของวง Wishbone Ash เสร็จไป จู่ ๆ ก็นึกถึงเพลงนี้ขึ้นมา อาจเพราะทั้งสองเพลงนี้เป็นผลงานจากวงดนตรีที่มีมือกีต้าร์คู่เหมือนกันก็เป็นได้ เป็นเหตุให้ต้องมาเขียนเล่าเรื่องชวนฟังเพลงนี้กันสักหน่อยเพลง "Say Anything" ผลงานระดับคลาสสิคของวงเฮฟวี่เมทัลเลื่องชื่อจากแดนอาทิตย์อุทัย X Japan ซึ่งแต่เดิมนั้นใช้ชื่อวงว่า X และเพลงนี้อยู่ในอัลบั้มปี 1991 ของวงที่ชื่อ "Jealousy" ซึ่งเป็นอัลบั้มสุดท้ายที่ยังคงใช้ชื่อเดิมนี้อยู่ และเป็นอัลบั้มสุดท้ายที่ Taiji รับหน้าที่มือเบสของวง ก่อนจะถูกแทนที่โดย Heath มือเบสที่อยู่กับวงมาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบันขอบคุณภาพจาก: Julio Fugimoto | Commons.wikimedia.org ภายใต้ CC BY-SA 2.0เคยขึ้นไปสูงสุดที่อันดับ 3 บนชาร์ต Oricon ของญี่ปุ่น และอยู่บนชาร์ตได้นานถึง 25 สัปดาห์ จัดเป็นหนึ่งในเพลงที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุดของวง X Japan เคยขายดีจนได้รับแผ่นทองคำขาวจาก RIAJ หรือ Recording Industry Association of Japan มาแล้วในปี 1992 และยังเคยถูกนำไปใช้เป็นเพลงธีมของหนังทีวีซีรีส์แนวสืบสวนทางช่อง TV Asahi เรื่อง Lullaby Keiji ในช่วงต้นยุค 90s อีกด้วยเพลงนี้โด่งดังมาก จนถึงกับมีการนำมาทำเพลงเวอร์ชั่นภาษาไทยซึ่งรู้จักกันในชื่อ "เธอไม่เคยตาย" ผลงานการร้องของวง Two อีกหนึ่งศิลปินดูโอขวัญใจวัยรุ่นชาวไทยในยุค 90s จากค่าย RSYoshiki มือกลองของวงเป็นคนแต่งเพลงนี้ เป็นเพลงร็อคบัลลาดที่มีเนื้อหาในแนวของความรักที่ไม่สมหวัง คำร้องสะท้อนความร้าวรานได้อย่างงดงาม ผ่านดนตรีในแนวเฮฟวี่เมทัลของยุค 80s และเสียงร้องในโทนสูงของ Toshi ด้วยเวลาที่ยาวนานได้ใจถึงเกือบ 9 นาที เพลงยังมีคุณลักษณะสำคัญของเพลงฮิตอยู่อย่างครบครัน ทั้งเสียงเปียโนนุ่ม ๆ หวาน ๆ และท่วงทำนองจากกีต้าร์คู่ประสานงาม ๆ ให้ทั้งความไพเราะและหนักแน่น จับจิตจับใจผู้ฟังชาวเอเชียเยี่ยงเรายิ่งขอบคุณภาพ "X Japan ในปี 1991-1992" จาก: Lucie | flickr ภายใต้ CC BY-SA 2.0"Say Anything" เป็นเพลงในยุคที่ hide มือกีต้าร์คนสำคัญของวงยังมีชีวิตอยู่ เสียงกีต้าร์คู่ประสานของเขากับ Pata จัดเป็นเอกสักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งในงานเพลงของ X Japan ซึ่งโดยพื้นฐานคือดนตรีแนวเฮฟวี่เมทัลของยุค 80s สำหรับผมแล้ว พวกเขาคือหนึ่งในมือกีต้าร์คู่ที่ดีที่สุดของวงการเพลงร็อคญี่ปุ่นมาจนถึงทุกวันนี้เลยองค์ประกอบสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เพลงนี้ฟังโดดเด่นเป็นพิเศษ น่าจะมาจากเสียงอันอบอุ่น ไพเราะชวนฟัง ของวงเครื่องสายที่เริ่มบรรเลงกันตั้งแต่ท่อนอินโทรมา การเรียบเรียงเสียงประสานส่วนของวงเครื่องสายในเพลงนี้ เป็นฝีมือของคุณ David Campbell นักเรียบเรียงดนตรีระดับมือทองของวงการ ที่ผมเพิ่งกล่าวถึงเขาไปตอนที่เล่าถึงเพลงดัง "I Don't Want To Miss A Thing" ของวง Aerosmith ซึ่งเป็นเพลงที่ใช้บริการการเรียบเรียงเสียงเครื่องสายของคุณ Campbell เช่นเดียวกันเสียงของวงเครื่องสายที่ถูกผสมผสานลงไปในดนตรีร็อคหนัก ๆ อย่างเฮฟวี่เมทัล ได้ทำให้บทเพลงนี้มีทั้งความหนักแน่น และความละเมียดละไมที่ยกเพลงร็อคธรรมดาขึ้นไปสู่อีกระดับของสุนทรียะ เป็นงานศิลปะทางดนตรีที่ควรค่าแก่การฟัง ไม่ว่าจะในยุคใดสมัยใดก็ตาม ขอบคุณภาพ "Yoshiki และ Toshi บนเวทีที่ Madison Square Garden" จาก: May S. Young | Commons.wikimedia.org ภายใต้ CC BY-SA 2.0ดูเหมือนว่านี่จะเป็นการร่วมงานกันครั้งแรกของคุณ Campbell กับวง X Japan และเมื่อได้ผลงานเพลงในระดับนี้ออกมา มันจึงไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ต่อมาในปี 2011 พวกเขาได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งในอัลบั้มของวงที่ชื่อว่า "Jade" สำหรับคนที่เคยผ่านชีวิตในช่วงเวลาที่เพลงนี้กำลังโด่งดังมา คงปฏิเสธไม่ได้ถึงอิทธิพลของเพลงนี้ที่มีกับชีวิตเรา และในบางครั้งมันอาจทำให้เรานึกถึงเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น เสมือนว่ามันคือเสียงที่ทำหน้าที่บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ของเราเอาไว้ เพื่อให้เราเข้าถึงความทรงจำเหล่านั้นได้ง่าย ๆ เพียงแค่เรากลับมาฟังมันอีกครั้ง เมื่อเวลาผ่านไป...คลิิกที่นี่เพื่อฟังเพลงนี้บน Youtube เครดิตภาพหน้าปก: May S. Young | flickr [ cropped and desaturated ] ภายใต้ CC BY-SA 2.0อ้างอิง:https://en.wikipedia.org/wiki/Say_Anything_(X_Japan_song)https://en.wikipedia.org/wiki/Jealousy_(X_Japan_album)