Movie ReviewDunki (2023)ขบขัน คมคาย อิ่มเอม ตื้นตัน ชัดเจนในการตั้งคำถามกับสังคม ทัศนคติ และมุมมองต่อโลกในเรื่องจริงที่ยิ่งกว่านิยายถ้าเอ่ยถึงหนังอินเดียรุ่นใหม่คนดูหนังอินเดียรุ่นใหม่อาจมองไม่ออกว่าหนังอินเดียรุ่นเก่ามีความคลาสสิคขนาดไหนจนกลายเป็นมีมที่ล้อเลียนกันสนุกสนานบนโลกออนไลน์ แต่สำหรับคนรุ่นผู้เขียนแล้วหนังอินเดียไม่เคยตายไปจากความทรงจำแน่นอนว่าหนังอินเดียก็เหมือนหนังจากทุกที่ในโลกที่ย่อมต้องมีทั้งงานชั้นเยี่ยมงานชั้นดีงานธรรมดาๆและงานชั้นแย่ แต่ถ้าจะให้ลงลึกเข้าไปจริงๆกับหนังอินเดียยุคใหม่ที่คนดูหนังรุ่นใหม่ๆบางคนอาจจับต้องได้กับความร่วมสมัยในทัศนคติที่ออกมากับตัวหนังทั้งที่สังคมอินเดียค่อนข้างจะหัวเก่า คนดูรุ่นใหม่ๆจึงได้เสพความคมคายในการตั้งคำถามต่อกรอบ ระบบ ขนบ และบริบททางสังคมอินเดียในหลายแง่มุมที่หลายคนอาจฉุกคิดและถูกสะกิดให้ติดตามหนังอินเดียจากงานชั้นยอดอย่าง 3 Idiots (2009) ที่คมคายในการตั้งคำถามกับระบบการศึกษาและทัศนคติเกี่ยวกับการศึกษาในบ้านเขา หรืออาจจะเป็นการตั้งคำถามเรื่องความศรัทธาที่กล้าท้าทายความเชื่อและความงมงายในสังคมอินเดียอย่าง PK (2014) และคราวนี้การตั้งคำถามแบบนั้นกลับมาอีกครั้งกับผู้กำกับที่ชอบถามหัวใจคนดูราจกุมาร์ ฮิรานิปี 2020 มานู (ตาปสี ปานนู) หญิงชราชาวอังกฤษเชื้อสายอินเดียคนหนึ่งที่กำลังป่วยได้หนีออกจากโรงพยาบาลในลอนดอนเพื่อไปทวงถามถึงวีซ่าเข้าประเทศอินเดียที่เธอถูกปฏิเสธให้กลับเข้าประเทศบ้านเกิด เมื่อหมดสิ้นหนทางเธอจึงติดต่อไปยังฮาร์ดี (ชาห์ รุข ข่าน) ชายชราที่ว่ากันว่าจะสามารถพาเธอกลับอินเดียได้แม้จะไม่ถูกกฎหมาย แต่คำถามคือทำไมคนอินเดียอย่างมานูถึงกลับอินเดียไม่ได้เรื่องราวจึงย้อนกลับไปในปี 1995 ที่รัฐปันจาบ เมื่อมานูกับเพื่อนอีกสองคนที่สภาพความยากจนเล่นงานจนอยากไปเปลี่ยนชีวิตที่ประเทศอังกฤษคือบัคกู (วิคราม คอร์ชาร์) และบัลลี (อานิล โกรเวอร์) แต่การขอวีซ่าเข้าประเทศอังกฤษก็ยากเย็นพวกเขาจึงต้องพึ่งพาฮาร์ดีแต่สุดท้ายก็ล้มเหลว กระทั่งหนทางสุดท้ายคือการลักลอบเข้าประเทศอังกฤษแบบผิดกฎหมายที่ต้องเดินทางเสี่ยงชีวิตผ่านพรหมแดนหลายประเทศและใช้เวลานานในการเดินทางที่เรียกว่า Dunki สุดท้ายพวกเขาก็ได้ไปอังกฤษสมใจแต่เหตุใดจึงเหลือแค่พวกเขาสามคนอยู่ในอังกฤษโดยไม่มีฮาร์ดี้และทำไมพวกเขาถึงอยากกลับอินเดียเก่งและฉลาดที่เล่าเรื่องที่ไม่น่าจะตลกให้ออกมาขำขันเป็นตลกร้ายที่เล่าจากผลไปหาเหตุได้อย่างสนุก ลองจินตนาการว่าท่านจะเล่าเรื่องที่รันทดหดหู่สักเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องของท่านเองหรือเรื่องของคนรู้จักให้เป็นเรื่องตลกที่ตั้งใจให้ขบขันมันคือเรื่องง่ายหรือยาก ซึ่งการจะเล่าเรื่องหดหู่ให้ออกมาน่าขันที่ในรอยยิ้มและเสียงหัวเราะมีความหนักอึ้งอยู่เบื้องหลังที่เรียกกันว่าตลกร้ายนั้นคือศาสตร์และศิลป์ด้านการเล่าเรื่อง แล้วบทหนังของเรื่องนี้ก็ฉายภาพความเก่งและฉลาดในการเล่าเรื่องให้ออกมาแบบนั้นเพราะเลือกเล่าด้วยโทนเบาทั้งที่เป็นเรื่องที่หนักหนา ด้วยการเล่าผลย้อนไปหาเหตุแล้วเล่าจากเหตุเพื่อไปเชื่อมหาผลในตอนท้ายที่มีเป้าหมายชัดคือการเดินทางที่ยากและเสี่ยงเพื่อที่จะไปมีชีวิตที่ดีกว่าในประเทศที่พัฒนาแล้ว จึงเป็นที่มาของชื่อเรื่องแล้วฝังเรื่องเชิงทัศนคติความด้อยโอกาสความรันทดที่สังคมได้บีบรัดในทุกทางที่อาจเป็นเรื่องเล็กถ้าจะมองแต่ทุกอย่างเมื่อตกกระทบกับชีวิตจริงมันไม่เล็ก แน่นอนความสนุกมันอยู่ที่เรื่องระหว่างทางและการเดินทางไม่ใช่การใช้ชีวิตแต่การเดินทางนั่นและก็คือชีวิตยังเต็มไปด้วยลายเซ็นผู้กำกับและพ่วงเขียนบทเข้าไปด้วยจนไม่มีทางไม่นึกถึงงานเก่าๆที่ผ่านมา เมื่อดูไปได้สักพักจะเห็นชัดถึงลายเซ็นของผู้กำกับและพ่วงเขียนบทราจกุมาร์ ฮิรานิที่ยังไงก็ต้องคิดถึง 3 Idiots และ PK แรกเลยคือเรื่องพื้นหลังเป็นเรื่องเชิงสังคมอินเดียที่เรื่องแรกคือเรื่องการศึกษาส่วนเรื่องที่สองคือเรื่องศาสนาความศรัทธาที่หมิ่นเหม่กับความงมงาย ส่วนเรื่องนี้คือเรื่องของความแร้นแค้นในการใช้ชีวิตที่คนจนยังไงก็ต้องดิ้นรนที่มองยังไงก็ยังไม่พ้นความจนอยู่ดีและการจะมีชีวิตที่ดีเพื่อกอบกู้สถานะทางสังคมก็คือความใฝ่ฝัน ทั้งยังแฝงเรื่องของการศึกษาและสิทธิมนุษยชนที่อาจไม่ชัดเท่าสองเรื่องแรกในเรื่องเชิงสังคมหรืออาจเพราะมันดูไกลตัวก็ไม่ทราบแต่ก็ถูกเล่ามาในบทสนทนาและพฤติกรรมห่ามๆหมิ่นเหม่ต่ออาการเพี้ยนเล็กๆของตัวละคร แน่นอนตัวละครฮาร์ดีของชาห์ รุข ข่านก็ไม่ต่างจาก PK ที่จะพาทัศนติบางอย่างเข้ามาผ่านการตั้งคำถามของเขา ส่วนอีกสามคนก็ไม่ต่างจากสามเกลอใน 3 Idiots ที่ชีวิตเปลี่ยนไปเพราะหลุดออกจากรอบชีวิตเดิมๆแต่ความจ๋งคือยังสนุกเหมือนเดิมหยิบยกเอาเรื่องจริงที่น่าเศร้ามาเล่าได้คมคายซาบซึ้งที่แม้จะตั้งคำถามแต่เส้นแบ่งทางกฎหมายก็ยังชัด การเดินทางอย่างผิดกฎหมายเข้าประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างอังกฤษของคนจนที่มีข้อจำกัดมากมายในการเดินทางไปอย่างถูกกฎหมาย ผ่านเส้นทางที่อาจต้องเอาชีวิตไปทิ้งความจริงถ้าเล่าออกมาเป็นงานแอ็กชันผจญภัยก็น่าจะสนุก แต่เรื่องนี้เล่าให้เป็นความรันทดหดหู่เมื่อความหวังก็คือความสิ้นหวังถ้าว่ากันที่ข้อจำกัดที่ว่านั้นทางเลือกจึงต้องไปตายเอาดาบหน้าที่จะว่าไปมันไม่ใช่เรื่องตลกแต่กลับเล่าได้ตลกในวิธีการ ส่วนระหว่างทางก็เล่าได้ถึงใจมีความแหลมคมมากมายมาทิ่มแทงให้ได้ฉุกคิดเมื่อบ้านที่ไม่เป็นบ้านหรือบ้านยังไงก็คือบ้านถ้ายังได้ยืนอยู่บนแผ่นดินเกิด กระนั้นชีวิตที่แร้นแค้นดิ้นรนก็หาใช่เหตุผลที่ประเทศปลายทางจะรับได้คำว่าเกียร์ติจึงเข้ามาจนเป็นที่มาของการเดินทางผิดกฎหมายเขาประเทศที่เป็นแผ่นดินเกิด มันก็คือความคมคายว่าพรหมแดนคือสิ่งสมมติที่กีดกั้นเฉพาะคนจน? แต่สุดท้ายก็เหมือนเดิมคือไม่ได้ฟันธงลงไปว่าสิ่งไหนถูกหรือผิดเพราะประเทศปลายทางก็มีเหตุผลของตัวเองใช้ประโยชน์จาก "ชาห์ รุข ข่าน" ได้อย่างเต็มศักยภาพและคุ้มค่าทุกช่วงเวลา อาจไม่ใช่ความบังเอิญที่หนังเรื่องก่อนหน้านี้ของชาห์ รุข ข่านที่ผู้เขียนได้ดูก็ใช้ประโยชน์จากเทพเจ้าแห่งการแสดงของบอลลีวูดอย่างคุ้มค่าทุกรูปีนั่นคือการย้อนวัยให้ชาห์ รุข ข่านเป็นหนุ่มอีกครั้งด้วยเทคโนโลยีนั่นคือ Jawan แน่นอนชาห์ รุข ข่านต้องร้องต้องเต้นที่เรื่องนี้ความจริงไม่มีก็ไม่เสียหายแต่เมื่อเป็นหนังชาห์ รุข ข่านไม่มีสิจะเสียหายจึงเท่ากับว่าใช้ประโยชน์จากชาห์ รุข ข่านได้คุ้มทุกช่วงเวลา ที่สำคัญเคมีระหว่างเขากับตาปสี ปานนูก็เข้ากันยอดเยี่ยมแม้ว่าจะดูล้นๆไปบ้างแต่นั่นเพราะบทหนังได้กำหนดให้ออกมาแบบนั้นเพราะต้องการอารมณ์ขันที่จะพาให้สนุกไปกับเรื่องที่เล่า แน่นอนการแสดงเป็นคนที่ด้อยโอกาสจนคล้ายกับจะไม่ฉลาดเท่าทันคนของนักแสดงอย่างวิคราม คอร์ชาร์และอานิล โกรเวอร์ก็เป็นที่น่าจดจำทำให้หนังลื่นไหลเดินหน้าไปด้วยอารมณ์ขันให้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เพราะด้วยพฤติกรรมของตัวละครก็ชวนขันแล้ว แน่นอนถ้าเป็นสาวกของชาห์ รุข ข่านก็จะสมใจที่ได้ดูเทพเจ้าองค์นี้อย่างเต็มที่อาจไม่ถึงกับดึงดูดเร่งเร้ารุนแรงเหมือน 3 Idiots และ PK แต่ก็เป็นงานที่ดูเพลินจับต้องได้ทางอารมณ์และความรู้สึก เมื่อเป็นงานกำกับของผู้กำกับคนเดียวกันจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเปรียบเทียบเพราะโทนเรื่องออกมาเหมือนกันกับสองเรื่องที่ว่ามา ด้วยคำถามมากมายถูกระดมยิงเข้าใส่เรื่องของพรหมแดนที่กีดกั้นความเป็นมนุษย์หรือมนุษย์พึ่งมีสิทธิ์ที่เท่าเทียมกันที่ไม่ใช่เรื่องของพรหมแดนสากลแต่เป็นในประเทศอินเดียเองที่ยังไงก็ต้องคิด แต่ความเก่งคือการทำให้เรื่องออกมาสนุกโดยแฝงทุกอย่างไว้ได้เนียนๆอย่างที่ว่ามาข้างต้นและเรื่องของความรักทั้งรักตัวเองรักครอบครัวจนยอมทรยศให้ร้ายประเทศบ้านเกิด ความรักของหนุ่มสาวที่การเผชิญหน้ากับความตายมาด้วยกันทำให้ความรักมั่นคงฝังรากลึกและสุดท้ายความรักต่อแผ่นดินเกิดที่ได้กลับมาเหยียบอีกครั้ง ทั้งหมดถูกเล่าผ่านความขบขันขมขื่นจนสุดท้ายกลับมามีความอิ่มเอมตื้นตันจนขอบตาชื้นขมในคอ ทำให้อาจไม่เร่งเร้ารุนแรงหรือยอดเยี่ยมเท่าสองเรื่องนั้นแต่นี่คือการเก็บอารมณ์ความรู้สึกได้ทั้งหมดบนฉากหน้าความตลกในเรื่องที่ไม่ตลกเลยขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 2 จาก Instagram netflix_inภาพที่ 1 / ภาพที่ 3,4,5,6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 จาก Instagram redchilliesent ถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องเหล่านี้https://entertainment.trueid.net/detail/q3NvDjbwvwb3https://entertainment.trueid.net/detail/6LRQlGb7won5https://entertainment.trueid.net/detail/2GmnXAYNDpDrhttps://entertainment.trueid.net/detail/7vqzwMwQj80oเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !