Short CommentBeliever (2018)ดุเดือดเชือดเฉือนมีชั้นมีเชิงอาจไม่ถึงกับลุ้นระทึกแต่เข้มข้นเร้าใจแม้ไม่ยากจะคาดเดาเพราะ...ก่อนหน้านี้ดูไปบ่นไปเพิ่งได้เขียนถึงการติดตามนักแสดงชายเกาหลีไปหนึ่งคนคือคิมนัมกิลที่ประทับใจในบทบาท มาถึงบทความนี้ก็มีเรื่องมาเล่าถึงนักแสดงชายที่ผู้เขียนติดตามผลงานอีกสองคนหนึ่งคือโจจินอุงที่ประทับใจเขาจากละครเกาหลีที่กลายเป็นตำนานและคลาสสิคคือ Signal (2016) ส่วนอีกหนึ่งคือชาซึงวอนที่ประทับใจบทบาทเขาจากละครที่สนุกแบบสุดๆคือ The Greatest Love (2011) ซึ่งตั้งแต่ผู้เขียนได้ประทับใจในบทบาทการแสดงของทั้งสองก็ติดตามมาตลอดไม่ว่าหนังหรือละครแต่โดยมากนักแสดงทั้งสองคนจะมีผลงานเป็นภาพยนตร์จอเงินมากกว่า แล้วเมื่อมาเจอนักแสดงที่ชื่นชอบสองคนมาอยู่ในหนังเรื่องเดียวกันมีหรือที่จะไม่ดูซึ่งเมื่อคิดจะดูผู้เขียนยอมรับว่าลืมไปเลยว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังรีเมค จนกระทั่งเมื่อดูไปเรื่อยๆชักรู้สึกคุ้นๆแล้วความทรงจำก็ผุดขึ้นมาว่านี่คืองานรีเมคจากหนังฮ่องกงเรื่องเยี่ยมคือ Drug War (2012) ที่นำแสดงโดยกู่เทียนเล่อ กระนั้นแม้จะรู้ระแคะระคายแต่เมื่อการดูหนังต้นฉบับได้ผ่านเวลามานานก็ทำให้ชั้นเชิงที่ใช้ยังคงได้ผลทำให้ผู้เขียนดูได้อย่างสมใจอย่างน่าพอใจวอนโฮ (โจจินอุง) คือตำรวจสายสืบฝ่ายปราบปรามยาเสพติดที่หมกมุ่นอยู่กับการตามจับเจ้าพ่อค้ายาที่ไม่เคยมีใครเห็นหน้าที่เรียกกันว่าท่านอี วันหนึ่งเกิดระเบิดขึ้นที่โรงงานผลิตยาเสพติดแห่งหนึ่งของท่านอีแล้วมีผู้รอดชีวิตหนึ่งคนเป็นเด็กหนุ่มชื่อว่าซอยองรัก (รยูจุนยอล) สายสืบวอนโฮจึงพาซอยองรักที่เป็นคนประสานงานกับคู่ค้าของท่านอีที่กำลังติดต่อซื้อวัตถุดิบในการผลิตยาจากคู่ค้าชาวจีนมาสืบสวน สายสืบวอนโฮจึงเกลี้ยกล่อมให้ซอยองรักดำเนินการต่อไปโดยร่วมมือกับทีมปราบปรามยาเสพติดของเขาเพื่อจับท่านอีให้ได้ ระหว่างนั้นสายสืบวอนโฮจึงต้องปลอมตัวเพื่อเจรจากับทางคู่ค้าของท่านอีและลูกน้องท่านอีโดยที่ไม่ให้ทั้งสองฝ่ายเจอกันผ่านการประสานงานของซอยองรัก จนเมื่อตกลงกับคู่ค้าชาวจีนเรียบร้อยซอยองรักจึงเผยที่ตั้งของโรงงานลับของท่านอีโดยการเอาวัตถุดิบที่ได้มาไปผลิตเป็นยาทดลอง แต่ก็มีผู้บริหารในองค์กรของท่านอีเข้ามาแทรกคือกรรมการไบรอัน (ชาซึงวอน) ที่เห็นสิ่งผิดปกติจึงคิดจะกำจัดซอยองรักทิ้งไป แล้วท่านอีเป็นใครกันแน่และสายสืบวอนโฮจะจับท่านอีได้หรือไม่เข้มข้นเชือดเฉือนพลิกไปมาแต่ว่าไม่ถึงกับลุ้นระทึกและไม่ยากที่จะคาดเดา ออกตัวก่อนว่าเมื่อเป็นงานรีเมคจากของเก่าที่เป็นงั้นชั้นเยี่ยม (ไม่งั้นไม่มีการรีเมค) แต่จะไม่เอาไปเปรียบเทียบและคงบอกได้ว่านี่คือความเห็นของคนที่ได้ดูต้นฉบับมา ซึ่งงานที่มีเจตนาตลบหลังคนดูด้วยความพลิกผันให้เดาทางไม่ได้แบบนี้อาจต้องยอมรับอยู่อย่างว่าลูกเล่นที่ใช้จะใช้ได้ดีเพียงแค่ครั้งแรก แล้วพอเป็นการรีเมคที่ไม่มีทางทิ้งชั้นเชิงที่เคยได้ผลซึ่งมันจะได้ผลเลิศกับคนที่ไม่ได้ดูต้นฉบับแต่ถ้าเป็นคนที่ได้ดูต้นฉบับมาอย่างผู้เขียนจะรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไรเมื่อมาแบบนี้แล้วจะพลิกไปทางไหน แน่นอนจุดสำคัญที่จะกลายเป็นความพลิกผันในตอนปลายหรือเรียกง่ายๆว่าจุดหักมุมคนดูที่เคยดูมาแล้วจะรู้ไปแล้วว่าคืออะไร แล้วนั่นก็ส่งผลต่อความลุ้นระทึกที่ลดพลังลงอย่างน่าใจหายเพราะคนดูที่เคยดูมาจะไม่ได้ลุ้นแต่ที่ต้องยกย่องคือแม้จะไม่ได้ลุ้นแต่ดีกรีความเชือดเฉือนในแต่ละสถานการณ์ยังมาได้อย่างลงตัว ทำให้กลายเป็นความบันเทิงที่ขึงขังเข้มแข็งในความเชือดเฉือนกันอย่างที่ว่าและส่วนมากมาจากการสนทนาด้วยบทที่เฉือนกันไม่ลงแต่ยังคงความเร้าใจเพื่อพาไปสู่ความดุเดือดที่ถูกจังหวะเวลา อีกสิ่งที่ต้องชื่นชมคือการกดอารมณ์ได้เพราะแม้จะรู้ทั้งรู้ก็ยังเป็นความเร้าใจที่ไม่ผ่อนคลาย นั่นเพราะการพาไปสู่สถานการณ์ที่ล่อแหลมตลอดเวลาทั้งในการปลอมตัวไปเจรจาที่อึดอัดกดดันแล้วถ้าไม่ได้ดูต้นฉบับมาจะยิ่งลุ้นระทึก กระนั้นหนังก็ใช้บทสนทนานำหน้าในแต่ละสถานการณ์ของการแฝงตัวเพื่อตามจับตัวร้ายที่คล้ายสสารไร้ตัวตนไม่เคยมีคนเห็นหน้า ทั้งนี้เพื่อที่จะพาไปสู่ความดุเดือดที่เป็นของมันต้องมีในหนังดราม่าอาชญากรรมที่เน้นความระทึกใจแบบนี้ที่เมื่อปูได้ที่จังหวะมันจึงใช่ ทำให้ความดุเดือดความมันส์ที่ใส่มากลายเป็นเนื้อเดียวกันกับหนังที่เดินเรื่องด้วยบทสนทนาได้สุดลงตัวเพราะสถานการณ์มีที่มาที่ไป แล้วความดุเดือดเร้าใจนั้นยังทำได้ดีเพราะดูเอามันส์ก็ได้ทำให้หนังกลายเป็นความเร้าใจได้ตลอดทั้งเรื่องด้วยเวลาฉายทั้งสองชั่วโมง ที่น่าทึ่งคือแม้แต่คนที่ได้ดูของเก่ามาจะยังรู้สึกว่าเร้าใจเพราะสิ่งเร้าที่มีให้มาถูกจังหวะเวลาแม้ว่าจะไม่ได้ลุ้นแต่ก็ถูกดึงดูดด้วยความเร้าใจ แล้วคนที่ไม่ได้ดูของเก่ามาจะอึ้งทึ่งเสียวขนาดไหนก็น่าคิดอุดมไปด้วยพลังดาราที่มาเฉือนคมกันอย่างถึงอกถึงใจ ส่วนสำคัญให้หนังที่ตั้งท่ามาขายความพลิกผันบนการหักเหลี่ยมเฉือนคมเพื่อพาไปยังอารมณ์อึ้งเมื่อความจริงถูกเฉลยในบั้นปลายแบบนี้ก็คือนักแสดง เพราะอย่างที่บอกหนังเต็มไปด้วยบทสนทนาที่เชือดเฉือนพลิกผันไปมาและมีฉากเผชิญหน้ากันเพื่อเชือดกันทางอารมณ์ปานถือมีดโกนคมๆไว้คนละเล่ม แล้วที่ต้องเชิดชูคือนักแสดงอย่างโจจินอุงที่เข้าฉากกับใครก็กลายเป็นความเร้าใจเพราะพลิกบทไปมาตามสถานการณ์ปานกิ้งก่าเปลี่ยนสี หรือสุดยอดซุปตาร์ชาซึงวอนที่สุดลื่นไหลแม้จะมีบทน้อยกว่าแต่ทุกการเผชิญหน้าชาซึงวอนจะสร้างความเร้าใจให้คนดู แล้วหนังก็มีฉากที่ทรงพลังมากมายทั้งที่เป็นฉากเจรจากันโดยเฉพาะเมื่อโจจินอุงประจันหน้ากับชาซึงวอนที่มันส์ถึงใจปานห้ำหั่นกันด้วยคมดาบ ส่วนที่ต้องทึ่งอีกคนคือรยูจุนยอลที่อยู่ท่ามกลางสุดยอดนักแสดงชั้นเยี่ยมทั้งโจจินอุงและชาซึงวอนแต่กลับไม่โดนกลบฝัง กลับกันรยูจุนยอลยังมีช่วงเวลาทองของตนเองทำให้หนังมีดีที่การแสดงแบบศีลเสมอกันเฉือนกันด้วยพลังดาราอย่างสุดมันส์กินกันไม่ลงถ้าว่ากันที่นี่คือการรีเมคก็คือการรีเมคที่เอาดีได้เพราะถ้าไม่ได้ดูต้นฉบับมาจะกลายเป็นยากต่อการคาดเดาทันที หนังเรื่องนี้จะกลายเป็นหนังที่เข้าถึงทางอารมณ์เต็มที่พลิกผันไปมาห้ำหั่นเชือดเฉือนยากต่อการคาดเดาและมีบทสรุปที่ต้องอ้าปากค้างทันทีถ้าเป็นคนดูที่ไม่เคยดูของเก่ามา ซึ่งถ้าว่ากันที่เรื่องนี้เพียวๆหนังทำหน้าที่ได้ดีในความเป็นหนังดราม่าอาชญากรรมชั้นดีที่ดูสนุกมีลุ้นระทึกอุดมไปด้วยความเร้าใจและเมื่อถึงเวลาก็ดุเดือดได้ตามสมควร จึงเป็นหนังที่คู่ควรต้องดูเพราะหนังมีดีจนมีภาคต่อแม้กระทั่งคนที่ได้ดูของเก่ามาแล้วอย่างผู้เขียน เพราะเอาจริงแม้จะรู้แล้วว่าซ่อนอะไรไว้หรืออะไรที่ตั้งใจมาพลิกแต่ยังคงดูได้ด้วยความบันเทิงที่อยู่ในระดับถึงใจแม้ในใจจะไม่ได้ลุ้นเหมือนกับใครเขา ซึ่งต้องยกความดีความชอบในการเขียนบทที่เข้มข้นและนักแสดงที่มาแสดงได้อย่างสนุกตามบทบาทที่ได้รับเพราะความบันเทิงสำหรับคนบางคนอาจอยู่ที่การได้ดูการแสดง และเรื่องนี้นักแสดงนำทั้งสามคนทั้งโจจินอุงกับรยูจุนยอลและชาซึงวอนเป็นตัวเหนี่ยวนำความเข้มข้นเร้าใจมาใส่ไว้ในหนังเรื่องนี้ได้อย่างสุดบันเทิงดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก,ภาพที่ 1,2,3,4,5,6,7 จาก cgv.co.kr ถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องเหล่านี้https://entertainment.trueid.net/detail/reJbryD42Dmehttps://entertainment.trueid.net/detail/B1qgGRPZJAzjhttps://entertainment.trueid.net/detail/v4xzJ1p6LMZmhttps://entertainment.trueid.net/detail/WPebXBv29drV จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !