Movie Full ReviewSpace Sweepers : ชนชั้นขยะปฏิวัติจักรวาล (2020)อีกหนึ่งงานของ "คิมแทรี" ที่เป็นความเก่าเล่าใหม่แต่ไปสุดที่ความบันเทิงหลังจากประสบความสำเร็จในแบบโลกจารึกของวงการบันเทิงเกาหลีจาก Parasite (ชนชั้นปรสิต 2019) ที่ไปถึงระดับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในเวทีออสการ์ หลายสายตาที่ไม่เคยมองงานจากอุตสาหกรรมบันเทิงจากเกาหลีเริ่มจับจ้องมากขึ้น อาจด้วยความที่งานจากเกาหลีทั้งหนังและซีรีส์เริ่มหาดูได้ง่ายขึ้นแต่ถ้าจะว่ากันตามจริงความโดดเด่นของงานจากเกาหลีนั้นมีความเป็นเอกลักษณ์ของงานด้านการเขียนบทและการแสดงที่มาตรฐานค่อนข้างสูง ซึ่งจากที่ดูไปบ่นไปได้สัมผัสงานจากเกาหลีมานานพอควรตั้งแต่ยุคที่งานเกาหลีเข้ามาใหม่ๆต้นยุค 2000 ทำให้ได้เห็นพัฒนาการ (เมื่อก่อนจะหนักไปทางหนัง ปัจจุบันพ่วงซีรีส์ไปด้วย) ของตัวงานที่ไม่ว่าจะออกมาแนวไหนบทต้องเป็นตัวนำ ประกอบกับการคัดตัวนักแสดงและการแสดงที่ดีทำให้บางทีแม้จะเป็นการเอาเรื่องเก่าซ้ำมาต่อยอด แต่เมื่อการมีบทที่ดีเป็นตัวนำจึงทำให้งานออกมามีเนื้อมีหนังมีอะไรให้จับต้องเช่นเดียวกับการท่องอวกาศที่ในปัจจุบันหนังท่องอวกาศนั้นคนดูเห็นมาแล้วแทบทุกมุขเล่ามาจนปรุแล้ว ยิ่งหลังจากการมาของ Gravity (2013) และ Interstellar (2014) จุดขายของการพิชิตอวกาศแทบไม่เหลืออะไรให้เล่นหลายฉากในหนังหลังจากนั้นทำให้อดไม่ได้ที่จะนึกถึงบางฉากบางซีนของหนังทั้งสองเรื่อง แต่หนังตะลุยอวกาศก็นับเป็นความท้าทายของอุตสาหกรรมภาพยนตร์เอเชียไม่ต่างจากความฝันคนดูจึงได้เห็นการพิชิตอวกาศของญี่ปุ่นกับ Space Battleship Yamato (2010) หรือการออกอวกาศของจีนเมื่อไม่นานมานี้กับ The Wandering Earth (2019) จนคราวนี้เกาหลีขอพิชิตอวกาศบ้างแต่อย่างที่บอกว่าเกาหลีมีดีที่บทและการแสดงผลจึงออกมาบันเทิงแต่ไม่กลวงแม้จะมีบ้างบางช่วงที่ตัดออกไปบ้างก็น่าจะดีกว่านี้ Space Sweepersเรื่องย่อเมื่อโลกเต็มไปด้วยมลพิษที่เกิดจากการใช้ทรัพยากรอย่างไม่บันยะบันยังโลกจึงไม่ใช่ที่อาศัยที่เหมาะสมกับมนุษย์อีกต่อไป จึงมีการสร้างนิคมที่อยู่อาศัยใหม่นอกชั้นบรรยากาศ แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนจะได้ไปอยู่ที่นั่นคนที่ไม่มีเงินไม่มีคุณค่าทางสังคมต้องเผชิญกับการใช้ชีวิตบนโลกที่เป็นดั่งนรก แต่เมื่อเทคโนโลยีและวัตถุออกคุกคามอวกาศสิ่งที่ตามมาคือขยะจำนวนมหาศาลจำต้องมีคนเก็บกู้และกลายเป็นช่องทางหารายได้ด้วยการเสี่ยงชีวิตเก็บขยะอวกาศ และทีมมือหนึ่งในงานนี้คือทีมจากเกาหลีที่มากับยาน Victory ที่ประกอบด้วยสมาชิกคือกัปตันจาง (คิมแทรี) สาวห้าวติดเหล้า แทโฮ (ซงจุงกิ) นักบินมือฉกาจผู้มีปมในใจ คุณพัค (จินซอนคยู) ช่างเครื่องที่มีอดีตที่น่าสนใจ (ไปดูเอง) และบัพส์ (ให้เสียงโดยยูแฮจินถ้านึกไม่ออกนึกถึงดาราหน้ากวนจาก Luck Key หรือ Confidential Assignment : คู่จารชนคนอึนมึน) หุ่นยนต์ผู้กล้าที่เสียงเป็นชายใจเป็นหญิงแล้วในวันหนึ่งขยะที่พวกเขาแย่งชิงเก็บมาได้กลับมีอะไรซ่อนอยู่คือเด็กน้อยที่เรียกว่าโดโรธี (พัคเยริน) ที่ทางการออกข่าวว่าเป็นหุ่นยนต์ที่เป็นระเบิดพลังทำลายล้างสูง แน่นอนว่าเธอมีค่าตัวทำให้ทีมเก็บขยะกระยาจกต้องการเอาตัวเธอไปแลกกับเงินมหาศาลจากกลุ่มก่อการร้าย แต่ทางการก็ต้องการตัวโดโรธีเช่นกันแต่ก่อนจะถึงจุดนั้นโดโรธีกลับไม่แสดงให้เห็นว่าเธอคือหุ่นยนต์ที่น่ากลัว กลับกันความน่ารักใสซื่อของโดโรธีได้ค่อยๆละลายหัวใจของเหล่าภารโรงอวกาศกระยาจกจนเมื่อถึงเวลาจริงๆพวกเขากลับไม่อยากส่งตัวเธอไป แต่แล้วโดโรธีก็ถูกทางการจับตัวไปไปพร้อมกับความจริงบางอย่างปรากฏ ทีมภารโรงอวกาศจึงต้องรวมกันสามคนกับหนึ่งตัวเสี่ยงชีวิตไปช่วยหนูน้อยจอมตดและเพื่อกอบกู้โลกไว้ตามระเบียบที่ดีของหนังแนวนี้ ลูกเล่นที่เคยชินอาจยังได้ผลหากได้ใจคนดูนี่คือพล็อตที่ซ้ำและช้ำเป็นลูกเล่นที่เล่ากันมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ เรื่องของการสร้างนิคมที่เป็นแดนสวรรค์อยู่นอกโลกแล้วมีแต่พวกที่มีเงินแต่ทิ้งคนทั่วไปเผชิญความยากลำบาก แน่นอนคนที่อยู่บนโลกก็อยากขึ้นไปอยู่บนนั้นที่จะอดไม่ได้ที่จะคิดถึงหนังอย่าง Elysium (2013) , Alita : Battle Angels (2019) หรือ Interstellar ในเรื่องของโลกที่เป็นมลพิษ บรรยากาศสภาพแวดล้อมในยานโทนเรื่องและตัวละครก็อดคิดถึง Guardians Of The Galaxy ไม่ได้ จากนั้นก็ว่ากันที่เรื่องของผู้ปลดปล่อยที่มีพลังลี้ลับหรือรับพลังบางอย่างมาซึ่งในที่นี้คือหนูน้อยโดโรธีและมีพวกขี้แพ้หรือพวกยาจกที่มีมโนธรรมมาเป็นผู้ปกป้องดูแลแบบตกกระไดพลอยโจน จนเมื่อถึงเวลาเด็กน้อยก็ต้องถูกผู้ร้ายที่มีแผนทำลายโลกจับไปทำให้ทีมฮีโร่หมาจนตรอกต้องเสี่ยงชีวิตหรือสละชีวิตเข้าไปช่วยพร้อมกับกอบกู้โลกและเปิดโปงแผนร้ายของตัวร้ายที่เป็นพวกทางการ เอาอย่างไม่เกรงใจเลยว่านี่คือมุขที่เล่นกันมาจนขี้เกียจนับแล้วว่าเล่นกันมากี่ครั้ง แต่เกาหลียังคงเป็นเกาหลีที่ไม่ว่าเรื่องจะมาแนวไหนสิ่งที่เป็นตัวนำคือบทที่มีมิติเชิงลึกทำให้คนดูมีอารมณ์ร่วมกับตัวละครและเหตุการณ์ ก็ใช่ที่บางทีก็ไม่ถึงขนาดแน่นทุกกระเบียดแต่อย่างน้อยการใช้บทภาพยนตร์เป็นตัวเดินเรื่องก็ทำให้มีอะไรให้จับต้อง และกับหนังเรื่องนี้ที่หน้าหนังเป็นงานแอ็คชั่นไซไฟมีจุดขายคืองานด้านเทคนิคแต่เมื่อใช้บทหนังออกหน้าหนังเลยมีเนื้อมีหนัง แม้การเล่าเรื่องจะว่ากันง่ายๆไม่ต้องอ้อมค้อมไม่ต้องพลิกไปมาบทสรุปที่ไม่ต้องสปอยล์ก็รู้ แต่สิ่งที่คนดูจับต้องได้ไม่ใช่แค่งานด้านเทคนิคแต่อารมณ์ก็ยังได้เมื่อใช้เวลาเพียงน้อยนิดเผยปูมหลังตัวละครเพื่อดึงอารมณ์ให้อยู่กับตัวละคร ด้วยชั้นเชิงง่ายๆคือการสร้างความน่าเชื่อถือของความสัมพันธ์จนเมื่อถึงจุดเปลี่ยนทางอารมณ์จะไม่รู้สึกกังขา และเมื่อตัวละครต้องสู้กับความรู้สึกข้างในก็รู้สึกไปด้วยอาจไม่ถึงกับน้ำตาไหลแต่อย่างน้อยก็สงสารทำให้บนความสวยของภาพหรือความสนุกในการผจญภัยกลายเป็นฉากหลังเสียมากกว่าเหมือนเสียดายความคิดเสียดายจินตนาการทำให้มีบ้างที่เป็นส่วนเกินจนเรื่องไม่เดินเร็วในช่วงต้นแม้งานด้านบทจะดูดีมีแต่ยังมีบ้างที่หลุดในตอนท้ายเมื่อการเปิดเผยแผนการร้ายไม่ได้ถูกอธิบายให้ได้เห็น ส่วนรายละเอียดบางอย่างที่ถูกใส่มาเพื่ออธิบายความน่ากังขาใหญ่ๆคือเรื่องของภาษาที่พูดกันหลายภาษาแต่ก็สื่อสารกันได้ ซึ่งถ้าไม่อธิบายง่ายๆแต่ฉลาดว่าเป็นเพราะทุกคนใส่เครื่องแปลภาษาไว้ที่หูแล้วคงกลายเป็นรูโหว่ของบทอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เมื่ออธิบายได้จึงมีความสมเหตุผลในตัวจนผู้เขียนคิดด้วยความไม่เข้าใจว่าเรื่องง่ายๆแบบนี้ทำไมหนังบางเรื่องที่เล่นใหญ่กว่านี้คิดไม่ออก แต่ถ้าว่ากันที่การเล่าเรื่องน่าเสียดายที่คนเขียนบทและผู้กำกับโจซองฮีคงรู้สึกเสียดายจินตนาการเลยจับนู่นนี่นั่นมาใส่ไว้ในช่วงแรกเยอะไปทำให้ชั่วโมงแรกดูเนือย และด้วยการที่ช่วงแรกเป็นแบบนั้นทำให้การตัดต่อในส่วนของฉากแอ็คชั่นที่ฉับไวดูไม่ค่อยลื่นไหลเพราะเหลือเวลาน้อยเช่นฉากต่อสู้ของคุณพัคกับยามอวกาศในอุโมงค์ในตอนท้ายที่ดูโดด แต่เมื่อถึงเวลาหนังก็จัดความสนุกให้เต็มที่ด้วยความลุ้นระทึกผสมกับอารมณ์ขันที่พอดีถูกที่ถูกเวลาไม่ตึงเกินไป บทหนังไม่บีบคั้นหรือพยายามคมคายมีบ้างที่มีคำพูดสะกิดใจแต่ไม่ยัดเยียด และด้วยความที่มิติของเรื่องเอาดีได้ภาพที่เห็นตรงหน้าเลยสนุกขึ้นเพราะตัวละครได้ใจคนดู ทั้งด้านเทคนิคในระดับที่น่าเสียดายที่จอทีวีใหญ่ได้แค่นี้ภาพและสียงตื่นตาเต็มอารมณ์อาจมีบ้างที่ดูลอยแต่ถ้าไม่สังเกตก็มองแทบไม่เห็น และที่สำคัญความเป็นเกาหลีที่ยังคงไม่ทิ้งความหมายระหว่างบรรทัดที่ว่าด้วยเรื่องของมนุษย์ที่ทำตัวเป็นพระเจ้าเรื่องชนชั้นเรื่องของการอนุรักษ์และการทำลายสิ่งแวดล้อมเรื่องของมโนธรรมที่มีในตัวคนที่เป็นเศษฝุ่นในสังคมมากกว่าคนใหญ่คนโต อาจเพราะคนตัวเล็กตัวน้อยในสังคมที่มีปฏิสัมพันธ์กันลึกซึ้งกว่าความเห็นอกเห็นใจกันและกันจึงมีมากกว่า เรื่องของพลวัตรทางสังคมที่คงไม่สามารถขับเคลื่อนได้หากไม่ได้ฟันเฟืองหรือกลไกชิ้นเล็กๆอย่างเช่นคนเก็บขยะ หรือจะเป็นเรื่องของเพศที่สามที่กระซิบข้างหูในมุมมองของผู้หญิงข้ามเพศผ่านตัวละครบัพส์ที่คนดูจะรัก เพราะแม้เสียงจะเอาฮาแต่จิตใจเป็นหญิงและชอบการแต่งหน้าเลยทำให้การออกตะลุยอวกาศของเกาหลีครั้งนี้มีอะไรให้ได้สัมผัสมากกว่าความบันเทิงที่ใส่มาให้อย่างสมใจการแสดงที่ยังเชิดหน้าชูตาได้แม้จะมาในหนังที่น่าจะตื้นเขินส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังแนวนี้ที่ส่วนใหญ่จะตื้นเขินออกมามีอะไรกว่าที่คิดคือบทวางตัวละครให้มีเสน่ห์มีสีสันมีมิติกันทุกคน และนักแสดงเกาหลียังคงรับผิดชอบหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบทั้งบทกัปตันจางของคิมแทรีที่เธอเล่นบทแบบนี้ได้สบายเพราะแค่เป็นคนที่แข็งนอกอ่อนในแบบนี้คิมแทรีหลับตาเล่นก็คงได้ หรือบทคุณพัคของจินซอนคยูที่ไม่ได้ด้อยกว่ากันด้วยบทที่มีสีสันการรับผิดชอบหน้าที่ที่สร้างความน่าเชื่อถือเรื่องความสัมพันธ์ของทีมอันส่งผลให้จุดเปลี่ยนทางอารมณ์หรือจุดเปลี่ยนทางเหตุการณ์ใดก็ตามมีน้ำหนัก ส่วนที่มิติตัวละครลึกกว่าใครเพื่อนหน่อยคือบทแทโฮของซงจุงกิที่มิติลึกกว่าเพื่อนมีอะไรให้เล่นมากกว่าเลยดูเด่นกว่าในเรื่องของอารมณ์ และคนดูไม่กังขากับปมในใจของแทโฮผ่านการสื่อสารของซงจุงกิเพราะมันครบถ้วนทุกกระบวนความแล้ว ส่วนที่ต้องยกให้เป็นคู่หูขโมยซีนคือบทโดโรธีของหนูพัคเยรินกับเจ้าบัพส์หุ่นยนต์เสียงชายหัวใจหญิงที่เข้าคู่กันอย่างน่ารัก การแสดงของพัคเยรินกับการให้เสียงพากย์ของยูแฮจินเรียกรอยยิ้มได้ตลอดเวลาที่ขึ้นจอ และสำหรับเสียงพากย์หุ่นบัพส์ของยูแฮจินคือคำอธิบายเหตุผลที่ผู้เขียนไม่ดูหนังพากย์ไทยเพราะแม้จะฟังไม่ออกแต่การสื่อสารอารมณ์ความรู้สึกผ่านเสียงนั้นยิ่งกว่าใช่ทำให้อรรถรสในการชมมีมากขึ้นอีก และแม้โดยรวมหนังเรื่องนี้อาจไม่ใช่ระดับยอดเยี่ยมหรือลงตัวทุกอณูแต่ถ้านับว่านี่คืองานแอ็คชั่นไซไฟตะลุยอวกาศที่ปกติจะเป็นความบันเทิงที่ฉาบฉวยคือสนุกตระการตาแต่แห้งแล้ง แต่กับการตะลุยอวกาศของเกาหลีเรื่องนี้แม้จะมีบางอย่างที่เป็นตำหนิแต่เมื่อความบันเทิงมาพร้อมเชิงอารมณ์จึงทำให้ความพยายามพิชิตอวกาศของเกาหลีครั้งนี้ดูดีใช้ได้เลยนี่คือหนังที่ดูสนุกแน่นอน แค่ว่าหนังยังมีช่วงเวลาชั่วโมงแรกที่เนือยเพราะเหตุผลจากความเสียดายของผู้กำกับ แต่เมื่อถึงเวลาอันควรหนังก็มาด้วยความสนุกในระดับที่ไม่อยากลุกไปห้องน้ำ งานด้านภาพที่ถ้าไม่ทันสังเกตเพราะกำลังเพลินไปกับความฉับไวของการเดินไปข้างหน้าก็จัดว่าอยู่ในคุณภาพระดับสูง แต่ด้วยความที่หนังเสกลใหญ่คนเขียนบทและผู้กำกับจึงเลือกไม่เล่นท่ายากนั่นคือการเอาลูกเล่นเก่าๆมายำเข้าด้วยกันปรับนิดจูนหน่อยเล่าเรื่องไปข้างหน้าแบบตรงๆไม่ต้องซับซ้อนให้ปวดหัว ขายในสิ่งที่เป็นจุดเด่นของตัวเองแต่ใช้บทหนังที่ดีมาเป็นตัวขับเคลื่อนทำให้ความอลังการของภาพมาพร้อมกับความลึกของเรื่อง ฉากแอ็คชั่นผจญภัยในอวกาศมาพร้อมกับความรู้สึกและการเอาใจช่วยเปิดไพ่ให้เห็นกันตรงๆทำให้หนังไม่หลุดหรือเป๋ออกนอกทางยิ่งความเป็นเกาหลีที่มักจะมีอะไรให้คิดให้สัมผัสอยู่เสมอยิ่งทำให้หนังดูดีและเอาตามตรงดีเหนือความคาดหมายด้วยซ้ำ เพราะผู้เขียนไม่เคยคาดหวังอะไรกับหนังออกอวกาศด้วยความที่ผ่านมาช่วงหลังหนังแนวนี้ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นแล้วส่วนใหญ่มีแต่ตื่นตาแต่ไม่ตื่นใจเพราะมักสนุกฉาบฉวยดูเอามันส์แต่แห้งแล้ง แต่เมื่อมันเป็นงานเกาหลีเรื่องนี้จึงได้เห็นการใช้บทหนังเป็นจุดขายหลักนั่นคือบทหนังทำให้เรื่องมีมิติตัวละครได้ใจทำให้มีอารมณ์ร่วมคือรักและสงสารตัวละคร ยิ่งหนังไม่ได้ตั้งท่าจะมันส์จนตึงยังมีจังหวะตลกขบขันที่ลงตัวจึงกลายเป็นความบันเทิงที่ควบคู่กับคุณภาพในระดับที่น่าพอใจ และทำให้เวลาสองชั่วโมงกว่านิดหน่อยคือความคุ้มค่าและถ้ามีเวลาการเปิดดูรอบสองก็คงจะยังสนุกอยู่เช่นเดิมเพราะแม้ว่านี่จะไม่ใช่หนังระดับยอดเยี่ยมจนต้องอวยกันจนทะลุชั้นบรรยากาศแต่หนังก็มีดีพอให้ดูซ้ำดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก / ภาพที่ 2,3,4,5,6,7,8 จาก Instagram netflixkrภาพที่ 1 จาก Facebook Netflix หมายเหตุ ผู้เขียน "ดูไปบ่นไป" คือบุคคลเดียวกับ Facebook Fanpage ดูไปบ่นไป อ่านบทความผลงานของ "คิมแทรี" โดย "ดูไปบ่นไป" ได้ที่นี่รีวิวจัดเต็ม Mr.Sunshine : สุภาพบุรุษตะวันฉาย (2018) งานระดับมาสเตอร์พีซ ที่คำว่า "ยอดเยี่ยม" คงยังไม่พอรีวิวจัดเต็ม Twenty Five Twenty One : ยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด (2022) "ความรัก ความฝัน แรงบันดาลใจ ยุคสมัย และความจริงของชีวิต"รีวิวจัดเต็ม Little Forest (2018) "งานที่น่าจดจำของ "คิมแทรี" ภาพสวยดีต่อตา เนื้อหาดีต่อใจ"รีวิวจัดเต็ม The Handmaiden เล่ห์รักนักล้วง (2016) หนังเรื่องแรกของ "คิมแทรี" ที่หลอกซ้อนหลอก เยี่ยมซ้อนเยี่ยม สมราคารางวัลด้วยชั้นเชิงและความแรงของเนื้อหา จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !