Parasite (2019) เป็นหนังที่คนดูเหมือนนั่งอยู่บนเก้านวมนิ่มที่ซ่อนปลายเข็มแหลมคมไว้ภายใน ทุกครั้งที่เราขยับตัวเพื่อหัวเราะไปกับมุขตลกอันแสนน่าขบขัน เข็มใต้นวมจะทิ่งแทงเราจนเจ็บจี๊ด และนั่นทำให้เรารู้สึกตัวว่า บองจุนโฮ ผู้กำกับ กำลังเล่นเราเข้าแล้ว! ความขบขันของเรื่องมันช่างแสนขมขื่น เป็นหนังที่เหมาะสมกับคำว่า " 555...ใต้เลข 5 มีน้ำตาซ่อนอยู่ของจริง"ความสำเร็จของหนังเรื่องนี้ สร้างกำลังใจให้กับคนเอเชียเป็นอย่างมาก หนังข้ามกำแพงของซับไตเติ้ล เพื่อไปผงาดรับรางวัลบนเวทีที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักอย่างออสก้า เป็นการยืนยันกับเราว่าหนังดีจะมีพื้นที่ให้มันโชว์ตัวอยู่เสมอ และการพูดเรื่องโครงสร้างสังคมอันบิดเบี้ยวและปัญหาความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นเป็นปัญหาสากลที่ปลุกความรู้สึกเจ็บปวดของผู้คนทั่วทุกมุมโลกขึ้นมาได้อย่างพร้อมเพรียง เราต่างต้องการเสียงสะท้อนที่พูดแทนเรา เล่าเรื่องเรา และบองจุนโฮก็เป็นผู้กำกับที่พูดเรื่องราวเหล่านี้อยู่เสมอผ่านแผ่นฟิล์มBarking dogs never bite (2000)ก่อนที่บองจุนโฮจะประสบความสำเร็จจากเรื่อง Parasite เรื่องเล่าจากหนังของเขาก็เข้มข้นและแสบทรวง ถึงพริกถึงขิงแบบคนที่เล่นเรื่องสังคมอย่างมีชั้นเชิง เริ่มต้นหนังเรื่อง Barking dogs never bite ที่นำเสนอเรื่องราวชีวิตที่เต็มไปด้วยความโกลาหล ของคนวัยเริ่มต้นสร้างครอบครัว ผ่านมุมมองของอาจารย์หนุ่ม ที่ต้องตัดสินใจว่าจะยอมติดสินบนเพื่อความก้าวหน้าหรือไม่ แถมช่วงที่ชีวิตกำลังกระท่อนกระแท่น ภรรยาที่กำลังท้องแก่ดันไปหาหมาที่ตัวเขาแสนเกลียดเสียงเห่าหอนมาเลี้ยงไว้อีก ปัญหาที่กดทับและรุมเร้าจนสติแตก ทำให้เขาตัดสินใจทำอะไรบางอย่างลงไป ขอบอกเลยว่าถ้าใครเป็นคนรักสุนัขแบบผูเขียน คุณจะขำไม่ออกเลยกับจุดพีคของเรื่อง มันทารุณจิตใจ อย่างว่าแหละนะคะ หนังของบองจุนโฮเป็นหนังตลกร้าย แต่มันก็ร้ายพอที่จะทำให้ผู้เขียนรู้สึกเวียนหัวและสติแตกไปพร้อมกับตัวละครค่ะขอบคุณภาพจาก mangpong.co.thMemories of Murder (2003)หนังที่ทำมาจากเค้าโครงฆาตกรรมต่อเนื่องสะเทือนขวัญของเกาหลีใต้ ที่เกิดในช่วงปี 1986 โดยคดีนี้ถูกหยิบยกมาทำเป็นหนังและซีรีส์มากมาย แต่คงไม่มีเรื่องไหนเล่าความหละหลวม และโหลยโท่ยของเจ้าหน้าที่รัฐได้เจ็บแสบเท่าเรื่องนี้ การพูดถึงความไม่ใส่ใจและไร้คุณภาพของวงการตำรวจเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน จนทำให้มีผู้ตกเป็นเหยื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า หนังสร้างภาพที่มืดมนและน่ากลัว ในขณะเดียวกันก็จุดประกายความหวังให้คนดูว่าจะจับฆาตกรได้อยู่เนือง ๆ ทำให้เราหวังและผิดหวังสลับคละเคล้ากันไปจนอารมณ์พลิกคว่ำพลิกหงาย ความจริงผู้เขียนได้เคยมีโอกาสดูเรื่องราวที่เกี่ยวกับคดีฆาตรกรรมสะเทือนขวัญนี้ผ่านซีรีส์เรื่องอื่น ๆ เช่น Signal ซึ่งนำเสนอกันคนละมุมมอง แต่ตำรวจในเรื่อง Signal กับเรื่องนี้ก็มีมุมที่คล้ายกันคือ การตามหาความจริงท่ามกลางข้อกำจัดของความเจริญและเทคโนโลยี แต่ท้ายที่สุดในเรื่อง Signal ตำรวจสามารถปิดคดีได้สำเร็จ จนทำให้ตนเองกล้าหวังกับเรื่อง Memories of Murder ว่าจะมีปาฎิหารย์ แต่บังเอิญบองจุนโฮไม่ใจดีขนาดนั้นนะคะ เศร้าไปเลยค่ะขอบคุณภาพจาก imdb.comThe Host (2006)หนังสัตว์ประหลาด ที่ด่ากราดตั้งแต่เรื่องเชื้อชาติยันชนชั้น ถ้าดูแล้วหวังว่าจะเป็นหนังที่พาคุณไปบุกตะลุย ผจญภัยต่อสู้อย่างห้าวหาญของตัวละครเอก นั่นคงผิดฟอร์มของบองจุนโฮ ตรงกันข้ามคุณจะได้พบกับครอบครัวชนชั้นล่างอันแสนจะไม่เอาไหน ตรรกะพังพินาศสุด ๆ ที่ต้องพยายามช่วยลูกหลานของตนเองที่ถูกสัตว์ประหลาดจับตัวไปในแม่น้ำฮันของเกาหลี แถมสัตว์ประหลาดตัวนี้ก็เป็นผลผลิตอันแสนชุ่ยของชนชั้นปกครองที่ฮั้วกับต่างชาติ สุดท้ายสัตว์ประหลาดตัวนี้ก็มาสร้างปัญหาให้กับคนชั้นล่างที่เสียงแสนเบา ร้องขอความช่วยเหลือแล้วไม่มีใครได้ยิน ที่สุดต้องก็พยามด้วยตัวเองด้วยวิธีที่แทบจะไม่เห็นความเป็นไปได้ เรื่องนี้เป็นหนังสัญลักษณ์ที่ถ้าคุณตีความ หนังก็จะตีสำนึกคุณจนเจ็บร้าวไปหมดเช่นกัน ส่วนตัวชอบหนังเรื่องนี้มาก เพราะรู้สึกอยากเชียร์ให้กับบ้านที่ไม่สมบูรณ์แบบ และเรียกว่าเป็นชนชั้นล่างได้สู้เพื่อพาตัวลูกสาวกลับมา ท่ามกลางการต่อสู้มันมีความเฉิ่มของคนที่สู้แบบธรรมดาสามัญ ไม่ใช่ตัวเอกที่ปราดเปรื่องหรือมีพลังพิเศษ แถมเรื่องนี้น่าจะกระทบใจหลาย ๆ คนเหมือนที่ผู้เขียนแอบรู้สึก เพราะมันเป็นหนังสังคมที่ตอกย้ำเรื่องของความไม่เท่าเทียม การถูกเอาเปรียบ และหลายครั้งมันเหมือนกับชีวิตผู้เขียน ที่บางขณะของการต่อสู้จะรู้สึกว่ามันช่างยากเหลือเกิน ยิ่งเราพยามยาม ความสำเร็จทำไมออกห่างไปทุกทีขอบคุณภาพจาก netflix Mother (2009)ในฐานะที่วอนบินคือ ดาราเกาหลีคนแรกที่ผู้เขียนประทับใจจากเรื่อง รักนี้ชั่วนิรันดร์ เก่ามากใช่ไหมห้ามทายอายุนะคะ ซึ่งในเรื่องนี้วอนบินรับบนเป็นลูกชายที่มีความผิกปกติทางสมอง เรื่องนี้ผู้เขียนบวกคะแนนให้เป็นพิเศษ และชวนให้มาดูกันเยอะ ๆ นะคะ หนังจะพูดถึงความรักของแม่ที่พร้อมจะลุกขึ้นมาปกป้องลูกของตนเสมอ โดยหนังเรื่องนี้เล่าผ่านตัวละครหลักคือ แม่ที่มีลูกชายผิดปกติด้านสมอง โดยลูกชายของเธอไปยอมรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุฆาตรกรรมขึ้น แต่เธอก็เหมือนแม่ทั้งหลายที่เราพบเห็นได้ทั่วไปในสังคม ที่พร้อมจะกางปีกป้องลูกและชี้นิ้วหมายโทษไปยังผู้อื่นเสมอ หลังดูจบด้วยอารมณ์อันแสนฝืดเฝื่อน นี่เป็นครั้งแรกที่ในหัวมีคำถามเกี่ยวกับความรักอันแสนบริสุทธิ์ของแม่ ว่ารักแท้แบบนี้ทำให้เรากลายเป็นคนที่เสียสละหรือเห็นแก่ตัวกันแน่ ดูหนังจบไปแล้วอารมณ์ของผู้เขียนยังม่นมัว และเคว้างคว้างมาก ๆ ยิ่งตอนที่นึกถึงสาเหตุและข้อสรุปที่แม่ในเรื่องเต้นระบำอย่างล่องลอย มันบาดหัวใจมากค่ะขอบคุณภาพจาก mangpong.co.thSnowpiercer (2013)หนังเรื่องนี้เข้ากับสถานการณ์ของเรามาก คืออาจจะไม่ใช่ในแง่ของกายภาพหรือภูมิศาสตร์ แต่มันทำให้ผู้เขียนรู้สึกจุกมาก เพราะถ้าผู้เขียนต้องหนีความตายขึ้นไปบนรถไฟลำนี้ ตนเองน่าจะเป็นสิ่งมีชิวิตท้ายขบวนที่แสนหิวโหย รอคอยอาหารเพียงแท่งโปรตีนแน่ ๆ ค่ะ บองจุนโฮพูดเรื่องชนชั้น เศรษฐกิจ สังคม การเมือง อย่างเป็นเรื่องเดียวกันหมดภายใต้รถไฟขบวนนี้ หนังเล่าเรื่องยุคดิสโทเปีย ที่คนในโลกเกิดภัยภิบัติจนต้องหนีตายมาขึ้นรถไฟ โดยมีชั้นของตั๋วเป็นตัวกำหนดชนชั้น สิทธิ์ และหน้าที่ของผู้คนในขบวนรถไฟ แถมเรื่องนี้ทำให้ผู้เขียนอดคิดไม่ได้ว่าโครงสร้างสังคมของมนุษย์ก็คงเป็นแบบนี้ไปจนโลกแตกนั่นแหละขอบคุณภาพจาก Mono29TVOkja (2017)เห็นชื่อหนังเรื่องนี้ครั้งแรกนึกว่าชื่อ โอเคจ้า แต่ความจริงหนังให้ชื่อตามตามตัวละครหลัก คือเจ้าหมูโอคจา ที่ถูกตัดต่อพันธุกรรมแล้วถูกส่งไปให้เกษตรกรเลี้ยง จนเมื่อครบเวลา 10 ปีก็จะต้องจับหมูกลับมาขายเป็นอาหาร แต่10 ปีมันยาวนานจนทำให้มิจา เด็กหญิงวัย 14 ปี รักและผูกพันกับเจ้าหมูตัวนี้ราวเพื่อนสนิทไปแล้ว เธอจึงต้องออกปฏิบัติการเพื่อตามช่วยเหลือเพื่อนรักของเธอให้ได้ เรื่องนี้บองจุนโฮ มาเล่นงานวงการปศุสัตว์และอาหาร ตีแผ่ความปลอมของเบื้องหลังของนายทุนที่เรามองว่าแสนโหดร้าย แต่ก็ต้องมาย้อนถามตัวเองว่าหรือเรามีส่วนสนับสนุนให้เกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้นด้วย ดูหนังเรื่องนี้แล้วรู้สึกว่าเบา ๆ และน่ารัก ดูง่ายกว่าเรื่องอื่นของบองจุนโฮ แถมผู้เขียนชอบเจ้าหมูโอคจามากขอบคุณภาพจาก netflixซิกเนเจอร์ของบองจุนโฮคือความตลกร้าย เหมือนกับเขารู้ว่าหนังของเขามันแสนจะจริงจนเจ็บปวด ก็เลยอยากประโลมหัวใจของคนดูด้วยเสียงหัวเราะบ้างระหว่างทางพอเป็นกำลังใจ หรือบางทีเราควรพยายามบอกตนเองให้ดูหนังอันหดหู่ ขมขื่นและแสนเจ็บแสบ เพื่อตระหนักถึงปัญหา แล้วก็ภาวนาให้ตนเองเสียน้ำตาให้แค่หนัง ไม่ใช่ชีวิตจริงขอบคุณภาพหน้าปกจาก sahamongkolfilm