เครดิตภาพ Disney Officialปิดท้ายภาพยนตร์ไตรมาสอย่าง Pirates of the Caribbean: At World's End จุดจบและบทสรุปของทุกปมแค้น ทุกหนี้แค้น และทุกความสัมพันธ์ที่ยังเคลียร์กันไม่ลงตัวซักทีภาคนี้ เนื้อเรื่องก็ดำเนินต่อจากภาคที่แล้วเลยครับ คือ อลิซาเบธ สวอนน์ ( Keira Knightley ) , วิล เทอร์เนอร์ (Orlando Bloom) , กัปตันบาร์บอซ่า (Geoffrey Rush) ได้พยายามหาทางเดินทางไปยังก้นทะเล เพื่อช่วย กัปตันแจ็ค สแปร์โรว (Johnny Depp) โดยที่ครั้งนี้ได้ เทีย ดาม่า (Naomie Harris) มาร่วมผจญภัยด้วย หลังจากช่วยเหลือสำเร็จ ก็จะมีภารกิจใหม่เพิ่มเติมมาคือ การเดินทางไปยังอ่าวเรือแตก เพื่อประชุมพลพรรคโจรสลัด เพื่อต่อสู้กับ ลอร์ด คัทเลอร์ แบ็คเก็ตต์ (Tom Hollander) และ เดวี่ โจนส์ (Bill Nighy) ที่กำลังจะทำลายพวกเค้า และกลุ่มโจรสลัดกลุ่มสุดท้ายเครดิตภาพ Disney Officialในช่วงแรก หนังสื่อให้เห็นถึงความพยายามที่จะช่วยเหลือกัปตันแจ็คตัวแสบอย่างจริงจัง ทุกคนช่วยกันในทุก ๆ ด้านที่สามารถทำได้ เช่น อลิซาเบธ และบาร์บอซ่า ก็ยอมเสี่ยงชีวิตเข้าไปพบ เส้าเฟง โจรสลัดของสิงคโปร์ที่รับบทโดย โจว เหวิน ฟะ เพื่อที่จะขอแผนที่ โดยที่ยังวางแผนซ้อนให้วิลล์เข้าไปขโมย แต่ดันถูกจับได้ แต่ก็รอดวิกฤตมาได้ เครดิตภาพ Disney Officialลักษณะตัวละครอย่างแจ็ค ก็ยังคงความกะล่อน เจ้าเล่ห์ไม่เปลี่ยน แต่ก็แฝงไปด้วยการช่วยเหลือเพื่อนเช่นเดิม ถึงแม้วิธีที่แสดงออกมามันจะยังดู/ม่เด่นชัดเท่าไหร่ แต่ฉากที่น่าประทับใจตอนสุดท้ายคือฉากที่ วิลล์ กำลังจะตาย และคนที่ฆ่าโจนส์ จะได้รอด หากความฝันแจ็คจะเป็นจริงได้ก็คือฆ่าโจนส์เช่นกัน เค้าจะได้อยู่ในทะเลตลอดไป แต่ถ้าเค้าเลือกทางนั้น วิลล์ก็จะตายไปตลอดกาล เค้ากลับเลือกช่วยเพื่อนและทิ้งความฝันสูงสุดของตัวเองตัวละครตัวที่ 2 อย่างวิลล์ที่มีคำมั่นสัญญาว่าจะช่วยพ่อเค้า ก็ต้องถึงจุดลำบากใจที่ต้องเลือกระหว่างพ่อ และสาวคนรัก แต่สุดท้ายเค้าก็เลือกอลิซาเบธ แต่จงจำไว้ว่า การเลือกทุก ๆ สิ่งที่มีค่า ย่อมต้องแลกมาด้วยราคาแพง ไม่มีอะไรที่ต้องการจะได้มาโดยง่ายแน่ ๆเครดิตภาพ Disney Officialตัวละครตัวที่ 3 อลิซาเบธ ที่เคยมีจุดหักเหว่าเหมือนจะแอบรักแจ็คในภาคที่ 2 มาในภาคนี้สาระสำคัญตรงนั้นก็ถูกบดบังไป แต่เราจะได้เห็นความพยายามของอลิซาเบธที่ได้รับหน้าที่ราชินีโจรสลัด ต่อสู้เพื่ออิสรภาพ ต่อสู้ใช้ดาบเยี่ยงชายชาตรีตัวละครตัวที่ 4 ลอร์ด แบ็คเก็ตต์ ความละโมบโลภมาก ทำให้เค้าคิดว่าตัวเองมีอำนาจมากไปที่จะควบคุมทุกอย่างได้ แต่ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน คนที่เคยเป็นคู่ค้าธุรกิจ หรือ ใช้กำลังบังคับให้มาโดยขู่เข็ญหรือไม่เต็มใจ วันนึงหากจะถูกคนเหล่านั้นมาเอาคืนจนสาสม ก็ไม่แปลก ในด้านของเอฟเฟคต์ ภาคนี้เอาไป 10/10 เลยครับ ในเมื่อเป็นภาคสุดท้ายภาพรวมของ Effect ทำได้ออกมายอดเยี่ยม Perfect เรียกได้ว่าไร้ที่ติจริง ๆ เช่นฉาก กำลังเดินทางไปยังใต้ทะเล โดยต้องผ่านหุบเขาน้ำแข็ง โดยภาพฉากทำออกมาได้สมจริง นั่งดูรู้สึกว่าหนาวไปด้วยเลยจริง ๆ และฉากที่ไม่พูดถึงไม่ได้อย่างฉากสู้ในพายุวังน้ำวนระหว่างฝั่งนางเอกกับฝั่งตัวร้าย และฉากในส่วนของเนื้อเรื่อง ผมให้ 9/10 เพราะว่ารู้สึกว่ามันยังไม่สุดเท่าไหร่ แต่โดยรวมถึอว่าโอเคมากแล้วครับ จะมีเอื่อย ๆก็ช่วงกลางเรื่อง ความน่ารำคาญในการทรยศ หักหลังกันไปมา ทิ้งปมไว้แต่ก็ไม่มีอะไรมาเฉลย อย่างเช่น ลอร์ดแบ็คเกตต์กับแจ็ค มีความหลังอะไรกัน ผมเองก็ยังงง ๆ แล้วก็ยังหาคำตอบไม่ได้เลยครับข้อคิดที่ได้จากหนังเรื่องนี้1. ความร่วมแรงร่วมใจกัน ท้าวความจากภาคที่แล้ว ที่แจ็คถูกนำตัวไปยังก้นทะเล แล้วพวกลูกเรือก็ตามไปช่วยกันยังสุดขอบโลก โดยไม่หวั่นภัยอันตรายใด ๆ เป็นความสัพันธ์ที่ลึกซึ้งมาก แม้จะตีกัน ไม่เข้าใจกัน แต่เมื่อยามคับขัน ก็ช่วยกันเสมอครับ2. ถ้าคุณต้องเลือกระหว่างครอบครัว และความรัก แต่ก็ไม่รู้จะเลือกยังไง ผมแนะนำกับหนังเรื่องนี้นะครับ เพราะว่าตัววิลล์เองในตอนแรกก็ต้องการจะเลือกอลิซาเบธ แต่โชคชะตาก็คือโชคชะตา ไม่มีใครฝ่าฝืนและหนีพ้น สุดท้ายวิลล์ก็ต้องเผชิญชะตากรรมของเขาเอง3. ความเสียสละที่ไม่ค่อยเต็มใจของแจ็ค คือจุดที่ทำให้คนดูหลงรักเค้ามากยิ่งขึ้น ในฉากสุดท้ายที่เค้าต้องการจะเอามีดแทงหัวใจเดวี่ โจนส์ เพื่อจะได้ใช้ชีวิตอยู่ในทะเลตลอดไป แต่ถ้าเค้าเลือกแบบนั้น วิลล์ก็ต้องตายและหายไปตลอดกาล ในนาทีสุดท้าย เค้าเลือกที่จะช่วยวิลล์ ทำให้ผมเห็นว่า แจ็คก็ไม่ได้เห็นแก่ตัวไปซะทีเดียวนะเนี่ย4. การรอคอของลิซาเบธ หลังจากวิลล์ฟื้นชีพขึ้นมา เค้าต้องกลายเป็นผู้พิทักษ์รักษาทะเล เป็นกัปตันเรือฟลายอิ้ง ดัทช์แมน และต้องอยู่ในทะเลตลอด 10ปีจะได้ขึ้นฝั่ง 1 วัน ซึ่งแน่นอนว่าอลิซาเบธก็ยังคงรอ 10 ปีก็ยังรอ ต้องเรียกว่านี่คือรักแท้ที่ในโลกแห่งคามเป็นจริงหาได้ยากมาแน่นอน ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่มีทุกอย่างครบเครื่อง ทั้งอารมณ์หนัง บรรยากาศหนังก็ดำเนินไปอย่างไร้ที่ติ แต่ก็ยังมีจุดขัดใจบ้างในเรื่องของการทรยศของตัวละคร ต้องบอกว่า ภาคนี้ ต้องเรียกว่าภาคแห่งการทรยศหักหลังเลยก็ว่าได้ บางทีมันก็หักหลังกันไปมา อาจจะงง ๆ หน่อย ได้เซอร์ไพรส์บ้างนิด ๆ ซึ่งก็เป็นธรรมดาของมนุษย์เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้แนะนำเลยว่าต้องชมครับ เพราะเป็นบทสรุปของตัวละครทุกตัว สอนให้รู้ว่า ใครทำอะไรไว้ กรรมก็จะอยู่ในการกระทำของมันเองครับ เครดิตภาพปก Disney Official