สวัสดีผู้อ่านที่น่ารักทุกคนด้วยนะครับ ผม Kakommz วันนี้ก็จะมานำเสนอถึงความแตกต่างระหว่าง ภาพยนตร์ กับ ซีรีส์ "ฉลาดเกมส์โกง" (The Difference Among The Movie And The Series "Bad Genius") ให้ผู้อ่านทุกคนได้รับชมกันนะครับ ซึ่งผมเชื่อว่าผู้อ่านหลาย ๆ คน อาจได้รับชมภาพยนตร์หรือซีรีส์น้ำดีฝีมือคนไทยมาแล้วทั้งสองเวอร์ชัน บางคนอาจจะดูเวอร์ชันภาพยนตร์แต่ยังไม่ได้ดูในเวอร์ชันซีรีส์ ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ตาม สำหรับบทความนี้จะไม่ได้เจาะลึกในส่วนของเนื้อเรื่องทั้งสองเวอร์ชันมากนัก แต่จะเป็นการนำเสนอถึงความแตกต่างในส่วนของตัวละคร เนื้อเรื่อง วิธีการโกง ฯลฯ เพียงเท่านั้น แต่เหนือสิ่งอื่นใดเรามาชมเรื่องย่อของ "ฉลาดเกมส์โกง" กันก่อนเพื่อทำความเข้าใจคร่าว ๆ และไปรู้จักตัวละครกันได้เลยเรื่องย่อ : สำหรับ "ฉลาดเกมส์โกง'" ทั้งสองเวอร์ชัน จะมีเส้นเรื่องที่คล้ายกัน ซึ่งทั้งภาพยนตร์และซีรีส์จะพาพวกเราไปรู้จักกับ รินรดา นิลเทพ (ริน) นักเรียนหัวกะทิที่มีความฉลาดและความสามารถในการเรียนที่หลากหลายจนทำให้คุณพ่อของเธอต้องการที่จะพาเข้าไปเรียนที่ โรงเรียนกรุงเทพทวีปัญญา ที่เรียกได้ว่าเป็นโรงเรียนระดับประเทศที่มีคนอยากเข้าไปเรียนเป็นอย่างมาก ซึ่งในตอนแรก ริน ก็มีความคิดที่ว่าจะเรียนที่โรงเรียนเดิมเพราะว่าช่วยลดค่าใช้จ่ายของทางบ้านได้ แต่ ผอ. พรทิพย์ ผู้อำนวยการของโรงเรียนนี้ได้นำข้อเสนอที่น่าสนใจมาบอกให้กับ ริน นั่นคือ "แล้วถ้าให้เรียนฟรีหล่ะ?" จึงทำให้รินตัดสินใจที่จะเรียนในโรงเรียนแห่งนี้หลังจากที่ ริน ได้เข้ามาเรียนในโรงเรียนแห่งนี้ เธอก็ได้พบกับเพื่อนคนแรกนั่นคือ รุจิษยา แซ่ตง (เกรซ) นักเรียนที่ไม่ได้เรียนเก่ง (แต่รักในการแสดงละคร) และ เกรซ จะกลายเป็นเพื่อนที่ (เกือบ) สนิทที่สุดของ ริน ในอนาคต จนเกิดเหตุการณ์ที่ ริน ได้ช่วยโกงข้อสอบให้กับ เกรซ เพราะ ริน สังเกตเห็นถึงข้อสอบที่ ครูโสภณ (ครูในโรงเรียน) ได้ปล่อยข้อสอบที่เหมือนกับแบบฝึกหัดของนักเรียนที่ได้ไปเรียนพิเศษกับครูคนนี้ ซึ่ง ริน ก็รู้มาจาก เกรซ นั่นเอง ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้ ริน ได้พบกับ พัฒน์ ตันทวีลาภ (พัฒน์) หนุ่มหล่อบ้านรวยและเป็นแฟนหนุ่มของ เกรซ ได้เสนอค่าจ้างในการส่งคำตอบจากข้อสอบให้กับ ริน โดยในตอนแรก ริน ก็ไม่ได้สนใจ จนกระทั่ง พัฒน์ ได้บอกถึงค่าแป๊ะเจี๊ยะที่ทุกคนในโรงเรียนนี้ต้องจ่าย ซึ่งทำให้ ริน รู้สึกสับสนมาก เพราะคิดว่าตัวเองเรียนฟรีมาตลอด แต่ที่จริงแล้วคุณพ่อของเธอต้องจ่ายค่าแป๊ะเจี๊ยะของโรงเรียนโดยพยายามไม่บอกให้ ริน ได้รับรู้ และนี่คืออีกเหตุการณ์ที่ทำให้ ริน เต็มใจโกงข้อสองเพื่อเอาคืนระบบการศึกษาที่โกงทุกคนมาตั้งแต่แรก และในรั้วโรงเรียนแห่งนี้เธอก็ได้พบกับ ธนพนธ์ วิริยะกุล (แบงค์) ที่มีความฉลาดและเรียนเก่งไม่แพ้ ริน ตัวของ แบงค์ เป็นคนที่เกลียดการโกงมากและเมื่อตัวเขาได้รู้ถึงแผนการโกงของ ริน และพรรคพวก จึงทำให้แบงค์ไปบอกคุณครูและผอ. พรทิพย์ จนทำให้ ริน ทุกตัดสิทธิ์ในการชิงทุนไป และหลังจากเหตุการณ์นี้มันไม่ใช่จุดจบของเรื่องราวทั้งหมด แต่มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของ "การโกง" ที่ยิ่งกว่า นั่นคือ การสอบ STIC (การสอบที่สมมติขึ้นภายในเรื่อง) ที่เป็นการสอบวัดระดับและสามารถใช้คะแนนยื่นเข้ามหาวิทยาลัยทั่วโลก ซึ่งการโกงครั้งนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป ริน เกรซ พัฒน์ (แบงค์?) จะสามารถโกงข้อสอบระดับชาติครั้งนี้สำเร็จหรือไม่? ต้องติดตามเชื่อว่าเรื่องย่อที่ผมได้กล่าวไปนั้น ทุกคนน่าจะรู้ถึงบทสรุปกันดีอยู่แล้วใช่ไหมครับ? ว่าทำไมจากการโกงในระดับโรงเรียนถึงได้ไปสู่การโกงระดับชาติ? และ เพราะอะไร แบงค์ จากคนที่เกลียดการโกงแต่กลับเข้าไปร่วมมือในการโกงระดับชาติครั้งนี้? สำหรับใครที่ยังไม่รู้สามารถติดตามได้ใน ภาพยนตร์ และ ซีรีส์ "ฉลาดเกมส์โกง" ได้เลยความแตกต่างระหว่าง ภาพยนตร์ กับ ซีรีส์ : และก็มาถึงหัวข้อสำคัญในบทความนี้ นั่นคือความแตกต่างระหว่าง ภาพยนตร์ กับ ซีรีส์ ซึ่งจะมีความแตกต่างแบบไหนกันบ้าง มารับชมพร้อมกันได้เลย1. การพบเจอกันของ ริน และ เกรซในส่วนของภาพยนตร์ เราจะเห็นเพียงการพบเจอกันครั้งแรกของ ริน กับ เกรซ ช่วงการถ่ายรูปติดบัตรนักเรียนและช่วงติวหนังสือสอบ ขณะที่ส่วนของซีรีส์ ริน จะเจอ เกรซ ในช่วงที่ เกรซ กำลังจะสอบคัดเลือกเป็นนักแสดงของโรงเรียน ซึ่งภายในซีรีส์จะทำให้เห็นเบื้องลึกเบื้องหลังว่าทำไม เกรซ ถึงต้องการคะแนนสอบเป็นอย่างมาก นั่นเพราะว่ากฎของโรงเรียนต้องการให้นักเรียนที่จะมาคัดเลือกเป็นนักแสดงในโรงเรียนต้องมีเกรดเฉลี่ย 3.25 ขึ้นไป จึงทำให้ ริน อยากช่วยเหลือ เกรซ แต่ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ในภาพยนตร์หรือซีรีส์ก็ตาม ต่างก็เป็นจุดเชื่อมโยงที่ทำให้เกิดการ 'ส่งคำตอบ' ให้กับเกรซขึ้นและนำไปสู่เหตุการณ์ 'โกงข้อสอบ' ภายในเรื่องต่อไป2. วิธีการโกงข้อสอบจากที่ผู้อ่านหลายคนได้ทราบกันว่าในภาพยนตร์ ริน จะใช้วิธีการบอกคำตอบให้กับ 'ลูกค้า' ที่ว่าจ้างริน โดยการใช้โน้ตเปียโนเป็นรหัส ก. ข. ค. ง. ในการส่งคำตอบให้กับทุกคน เพื่อที่จะไม่ให้เป็นที่สังเกตและง่ายต่อการส่งคำตอบให้กับคนจำนวนมากในห้องสอบ ขณะที่ซีรีส์ ริน ก็คิดวิธีการส่งคำตอบแบบการใช้โน้ตเปียโนเป็นรหัส ก. ข. ค. ง. เช่นกัน แต่ทว่า เติร์ด เพื่อนของ พัฒน์ ก็ได้ทักท้วงกับ ริน ว่ามันยากเกินไปและถ้าเกิดมองรหัสผิดเพียงข้อเดียวก็อาจจะทำให้คำตอบข้อต่อไปผิดทั้งหมด นั่นจึงทำให้ ริน ใช้วิธีที่สองในการส่งคำตอบให้กับทุกคน โดยการส่งสัญญาณในการยกแขนตามเข็มนาที (นาฬิกาหน้าห้องสอบ) ซึ่งเมื่อเข็มวินาทีอยู่ที่เลขใด คำตอบก็จะเป็นข้อนั้น เช่น เข็มวินาทีอยู่ที่เลขหนึ่ง คำตอบก็จะเป็นข้อ ก. เป็นต้น ซึ่งจะเห็นว่าในซีรีส์ก็ได้นำเสนอวิธีการส่งคำตอบที่เข้าใจง่ายมากขึ้นกว่าในภาพยนตร์และทำให้คนดูรู้สึกถึงความง่ายถึงวิธีการส่งคำตอบที่ ริน ในเวอร์ชันซีรีส์คิดค้นวิธีนี้อีกด้วย3. โต้ง จุดเปลี่ยนที่แตกต่างจากที่ทราบกันดีว่า โต้ง ในภาพยนตร์เป็นตัวละครที่สร้างสีสันให้ภายในเรื่องเท่านั้น ไม่ได้มีบทบาทเด่นหรือเหตุการณ์สำคัญภายในเรื่องมากนัก ขณะที่ โต้ง ในซีรีส์ กับกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญอีกหนึ่งจุดภายในเรื่องก็ว่าได้ เพราะว่า โต้ง ในซีรีส์ มีจุดประสงค์ที่สำคัญนอกจากต้องการคะแนนสอบที่เพิ่มขึ้นเหมือนกับคนอื่น นั่นคือ เกรซ ที่ภายในเรื่องนำเสนอว่า โต้ง ชอบ เกรซ มาตั้งเเต่ก่อนที่ เกรซ จะเป็นแฟนกับ พัฒน์ ซึ่งเมื่อ โต้ง ได้พบจังหวะที่จะใช้เป็นประโยชน์ในการช่วงชิง เกรซ โต้ง จึงพยายามเอาเกรซมาเป็นของตัวเอง ก่อนในที่สุดเหตุการณ์จะคลี่คลายลงโดยที่ พัฒน์ และ ริน ตามมาหา เกรซ และยุติเรื่องราวที่ไม่ดีทั้งหมดไป4. ความสัมพันธ์ของตัวละครหลักความสัมพันธ์นี้จะพูดถึงสี่ตัวละครหลักนั่นคือ ริน แบงค์ พัฒน์ เกรซ เท่านั้น - ริน กับ แบงค์ ทั้งสองตัวละครนี้ภายในภาพยนตร์ไม่ได้มีการแสดงออกถึงความรักต่อกันมากนัก จะเน้นไปในการช่วยเหลือการสอบ และ (การโกง) มากกว่า แต่ซีรีส์จะทำให้เห็นถึงการแสดงออกถึงความรักความชอบที่ทั้งสองคนมีให้กันและความเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น - พัฒน์ กับ เกรซ ในภาพยนตร์ทั้งสองตัวละครนี้เรียกได้ว่ารักใคร่กลมเกลียวกันแทบจะตั้งแต่ต้นจนถึงท้ายเรื่องเลยทีเดียว แต่ภายในซีรีส์เราจะเห็นจุดแตกหักระหว่างทางของทั้งสองตัวละครนี้กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ พัฒน์ ไปมีเพศสัมพันธ์กับรุ่นพี่ (เพราะเกรซยังไม่พร้อมที่จะมีเพศสัมพันธ์ด้วย), เหตุการณ์ที่ โต้ง กุมความลับของ เกรซ ที่เธอไปบอกข้อสอบกับคนในชมรมละคร เพราะเธออยากมีสิทธิ์ในการเป็นนางเอกของชมรมละครนั้น จนทำให้ โต้ง เกือบจะมีเพศสัมพันธ์กับ เกรซ ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์นี้ก็มีเหตุผลมากพอจะทำให้ทั้งสองตัวละครนี้ต้อง "เลิกกัน" อย่างไรก็ตาม ด้วยความรักที่ทั้งสองมีกันมานาน ก็ทำให้ทั้ง พัฒน์ และ เกรซ กลับมาคบกันอีกครั้ง5. จาก STIC สู่การ (โกง) สอบ GAT-PATจากท้ายเรื่องของภาพยนตร์ที่ แบงค์ ได้ยื่นข้อเสนอให้ ริน ว่าจะโกงข้อสอบ GAT-PAT แต่รินก็ปฏิเสธไป ซึ่งหลักจากจบภาพยนตร์ตัวของผู้เขียนเองก็สงสัยว่าจะเป็นไปได้อย่างไร? เพราะ GAT-PAT ต้องสอบพร้อมกันทั้งประเทศ ในตอนนั้นผมจึงคิดว่านี่อาจเป็นจุดบอดสำหรับตอนจบของ "ฉลาดเกมส์โกง" ก็เป็นได้ แต่ในซีรีส์ก็ได้เฉลยว่าสามารถทำได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวผมเองรู้สึกว่า สุดยอดมาก ๆ เพราะภายในซีรีส์ได้กลบจุดบอดที่ภาพยนตร์นำเสนอไปและทำให้ผู้ชมรู้สึกเร้าใจและสนุกไปกับการโกงอีกขั้นของเด็กอัจฉริยะกลุ่มนี้ฉากหรือซีนที่ประทับใจ : มาถึงฉากหรือซีนที่ผมประทับใจกันแล้วครับ ต้องขอบอกก่อนว่าผมรู้สึกประทับใจเกือบทุกฉากก็ว่าได้ครับ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์หรือซีรีส์ "ฉลาดเกมส์โกง" เพราะทั้งสองเวอร์ชันต่างมีจุดเด่นที่ผสมคลุกเคล้ากันอย่างกลมกล่อมให้ชวนติดตามตั้งแต่ต้นเรื่องจนถึงท้ายเรื่องกันเลยทีเดียว แต่สำหรับฉากที่เรียกได้ว่าน่าประทับใจสำหรับผมมากที่สุด นั่นคือฉากระหว่าง แบงค์ ทะเลาะกับ พัฒน์ นั่นเอง ไม่ใช่เพราะว่าผมชอบเห็นเพื่อนตีกันหรืออะไรทำนองนั้นนะครับ แต่การที่ แบงค์ ทะเลาะกับ พัฒน์ นั่นเพราะว่าในส่วนของภาพยนตร์ พัฒน์ ส่งคนไปทำร้าย แบงค์ จนสาหัสเพราะต้องการให้ แบงค์ มาช่วยสอบ STIC และในซีรีส์ พัฒน์ ก็ส่งคนไปทำลายร้านซักรีดของ แบงค์ เพื่อให้มาช่วยสอบ STIC เช่นกัน จนทำให้ แบงค์ ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากเพื่อซ้อมร้านซักรีดนี้ และทันทีที่ แบงค์ รู้เรื่องราวทั้งหมด เขาก็พร้อมที่จะบันดาลโทสะใส่ พัฒน์ ในทันที ซึ่งหลังจากจบเหตุการณ์ แบงค์ยังคงไปสอบ STIC อยู่ดีถึงแม้ในใจอยากจะจบเรื่องทั้งหมดก็ตาม ซี่งมันแสดงให้เห็นถึงโลกของความเป็นจริงที่ว่าคนที่มี "เงิน" ไม่จะทำอะไรก็ดูเรียบง่ายไปทั้งหมด เงินสามารถเปลี่ยนได้แทบจะทุกอย่าง และ แบงค์ ถึงจะฉลาดแค่ไหนก็ต้องยอมจำนนต่อความจริงอันแสนโหดร้ายนี้ จึงทำให้ผมรู้สึกชอบฉากนี้มากที่สุดนั่นเองเป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับ ความแตกต่างระหว่าง ภาพยนตร์ กับ ซีรีส์ "ฉลาดเกมส์โกง" เรียกได้ว่าเป็นสื่อน้ำดีที่นำเสนอถึงระบบการศึกษา ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน, แฟน รวมไปถึงความสัมพันธ์ครอบครัวและมีอีกหลายสิ่งที่ผมยังไม่ได้กล่าวไป แต่ทั้งหมดก็สามารถนำเสนอได้อย่างลงตัว ชวนน่าติดตามตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องและเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่จะทำให้ทุกคนหลงรักและร่วมผจญภัยไปกับการเดินทางของตัวละครหลักทั้งสี่คนได้อย่างแน่นอน ท้ายที่สุด ต้องขออนุญาตบอกว่าความแตกต่างนี้จะเป็นในส่วนมุมมองที่ผมได้รับชมเพียงเท่านั้น หากขาดตกบกพร่องหรือผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ และแน่นอนครับ ทุกคนสามารถกดติดตามเพื่อเป็นกำลังใจและเพื่อไม่ให้พลาดบทความใหม่ ๆ ของผม Kakommz ได้เลย สำหรับครั้งนี้ ผมต้องขอตัวลาไปก่อน สวัสดีครับภาพยนตร์ชื่อเรื่อง : ฉลาดเกมส์โกง (Bad Genius) นักแสดง : ชุติมนฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง, ชานน สันตินธรกุล, ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ, อิษยา ฮอสุวรรณ, ธเนศ วรากุลนุเคราะห์, สฤญรัตน์ โทมัส, เอโก มิกิทัส, พศิน ควรสถาพร, สหจักร บุญธนกิจ, กาญจนา วินัยพานิชปีที่ออนแอร์ : 2017ความยาวของภาพยนตร์ : 2 ชั่วโมง 9 นาทีหมวดหมู่ : ความบันเทิง, ดราม่า, อาชญากรรม, ระทึกขวัญผู้กำกับ : นัฐวุฒิ พูนพิริยะรับชมได้ทาง : TrueID, Netflix ซีรีส์ชื่อเรื่อง : ฉลาดเกมส์โกง เดอะซีรีส์ (Bad Genius The Series)นักแสดง : เพลินพิชญา โกมลารชุน, จินเจษฎ์ วรรธนะสิน, พาริส อินทรโกมาลย์สุต, ศวรรยา ไฟศาลพยัคฆ์, ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง, อาภาศิริ จันทรัศมี, วิลลี่ เริงฤทธิ์ แมคอินทอช, รัชนก แสงชูโต, ราศี ดิศกุล ณ อยุธยา, ศิรพันธ์ วัฒนจินดา, ศรุต วิจิตรานนท์, ศดานนท์ ดุรงคเวโรจน์, ต้นหน ตันติเวชกุล, ปณชัย ศรีอาริยะรุ่งเรืองปีที่ออนแอร์ : 2020ความยาวของซีรีส์ : 12 ตอนหมวดหมู่ : อาชญากรรม, ความบันเทิง, ระทึกขวัญ, ดราม่าผู้กำกับ : พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์รับชมได้ทาง : WeTV, Netflixภาพหน้าปกโดยผู้เขียนขอขอบคุณภาพประกอบโดยฉลาดเกมส์โกง ภาพยนตร์/ ฉลาดเกมส์โกง ซีรีส์/ ริน ฉลาดเกมส์โกง ภาพยนตร์/ ริน ฉลาดเกมส์โกง ซีรีส์/ ผอ. พรทิพย์ ภาพยนตร์/ ผอ. พรทิพย์ ซีรีส์/ โกง STIC ภาพยนตร์/ โกง STIC ซีรีส์/ ฉากตัวอย่างโกงข้อสอบ ภาพยนตร์/ ฉากตัวอย่างโกงข้อสอบ ซีรีส์/ เติร์ด ฉลาดเกมส์โกง ซีรีส์/ โต้ง ฉลาดเกมส์โกง ภาพยนตร์/ โต้ง ฉลาดเกมส์โกง ซีรีส์/ ริน กับ แบงค์ ภาพยนตร์/ ริน กับ แบงค์ ซีรีส์/ พัฒน์ กับ เกรซ ภาพยนตร์/ พัฒน์ กับ เกรซ ซีรีส์/ โกงข้อสอบ GAT-PAT