[Review] Maleficent: Mistress of Evil นางพญาปีศาจกลับมาแล้ว

แจ็คเก็ตขาว

16 ตุลาคม 2562 ( 16:30 )

รีวิวหนัง Maleficent Mistress of Evil

"Maleficent Mistress of Evil - นางพญาปีศาจ" ดำเนินเรื่องราวต่อต่อจากภาคแรก เมื่อเจ้าหญิงออโรร่าต้องการแต่งงานกับเจ้าชายแต่ มาเลฟิเซนต์ไม่เห็นด้วย ก่อให้เกิดชนวนศึกครั้งใหม่ เมื่อราชินีอิงกริต (รับบทโดยมิเชล ไฟเฟอร์) ตั้งกองกำลังทหารเพื่อสู้กับมาเลฟิเซนต์ และ เผ่าพันธุ์สัตว์วิเศษ เรื่องราวก้าวข้ามเทพนิยายสู่แอคชั่นแฟนตาซีฟอร์มยักษ์ และการกลับมาอีกครั้งของ แองเจลิน่า โจลี่ สยายปีกนางฟ้าปีศาจในบทของมาเลฟิเซนต์

Maleficent: Mistress of Evil (Official ซับไทย)

ในช่วงต้นหนังเล่าเรื่องราวของออโรร่าที่ตกลงจะแต่งงานกับเจ้าชายฟิลิป แม้ว่ามาเลฟิเซนต์มีอาการห่วงลูกสาวแต่เพื่อความสุขของลูกแม่ก็ไม่ได้ขัดขวางความรักครั้งนี้ และเพื่อเป็นการสานสัมพันธ์อันดีระหว่าสองครอบครัว ทางราชาและราชินีแห่งเมืองอัลสตีดจึงได้จัดงานเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นการพบปะกันของสองครอบครัวก่อนที่จะกลายเป็นทองแผ่นเดียวกัน แตะระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำก็เกิดการการปะทะฝีปากระหว่างแม่ทูลหัวและแม่สามี จนทำให้มาเลฟิเซนต์บันดาลโทสะ จนราชาแห่งเมืองอัลสตีดโดนคำสาป ก่อนที่มาเลฟิเซนต์จะบินหนีไป

รีวิว Maleficent Mistress of Evil

ระหว่างที่มาเลฟิเซนต์กำลังบินกลับไปที่อาณาจักรมัวร์ ก็โดนคนสนิทของราชินียิงด้วยหน้าไม้จนตกลงไปในแม่น้ำ แต่ก็ได้บางสิ่งที่บินลงมาช่วยเธอและบินหายไปบนท้องฟ้า และหลังจากที่เธอฟื้นขึ้นมาก็พบกับ “ดาร์กเฟย์” กลุ่มคนที่เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับเธอที่มีความแค้นกับพวกมนุษย์ สงครามระหว่างเมืองอัลสตีดและ เผ่าดาร์กเฟย์ จึงเริ่มต้น

รีวิว Maleficent Mistress of Evil

ด้านนักแสดง ส่วนที่ดีที่สุดของเรื่องนี้คงไม่พ้น แองเจลิน่า โจลี ในบท มาเลฟิเซนต์ สวยงามสง่าทุกมุมมอง ยิ่งฉากตอนบาดเจ็บที่ปล่อยผมในชุดผ้าพันแผลเกาะอกคือสวยสุดๆ ส่วน แอล แฟนนิ่ง ในบท ออโรร่ายังคงสวยน่ารัก แต่หูเบาเชื่อคนง่ายเพราะความรักมันบังตา แถมยังมาดื้อกับแม่อีก น่ารำคาญมากๆ ส่วน มิเชล ไฟเฟอร์ ในบท ราชินีอิงกริต แสดงได้อารมณ์แม่สามีตัวร้ายเหมือนละครไทยแบบเป๊ะๆ

รีวิว Maleficent Mistress of Evil

สรุป

"Maleficent Mistress of Evil - นางพญาปีศาจ" เป็นภาพยนตร์ที่มีงานภาพสวยงามเหมือนอยู่ในเทพนิยาย กับเรื่องราวที่ไม่ซับซ้อนดูสบายๆ แม้ว่าจะมีบางส่วนของหนังจะมีบาดแผลแต่ด้วยความสนุกก็ทำให้ผู้ชมมองข้ามมันไปได้ ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้คะแนนจากเราไป 8/10