พิม พิมประภา เล่นร้ายถี่-อินจัดติดอารมณ์กลับบ้าน ทำแฟนหนุ่มถึงกับงง
พิม พิมประภา เล่นร้ายถี่ เผยอินจัดติดอารมณ์กลับบ้าน ลั่นแฟนหนุ่มถึงกับงง แต่ไม่กระทบความสัมพันธ์
พิม พิมประภา เล่นร้ายถี่ / พลิกบทบาทมาเล่นร้ายถี่ๆ จนหลายคนแอบกังวลว่าสาวหน้าหวาน พิม พิมประภา ตั้งประภาพร จะกลับไปรับบทนางเอกได้อีกหรือไม่ งานนี้มีโอกาสได้เจอเจ้าตัวในงานบวงสรวงละคร โฉมโฉด ค่าย CHANGE2561 ที่ หน้าตึกจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ ย่านอโศก เลยไม่พลาดสอบถามถึงประเด็นดังกล่าว
นอกจากนี้ สาวพิม ยังยอมรับด้วยว่าเคยอินกับบทบาทที่ได้รับจนติดอารมณ์กลับบ้านไป ทำเอาหวานใจออกอาการงงเลยทีเดียว แต่งานนี้ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะกระทบความสัมพันธ์เพราะได้มีการอธิบายให้แฟนหนุ่มเข้าใจเป็นอย่างดี
ช่วงนี้เล่นร้ายถี่ๆ ? “ไม่ได้เซ็ตเอาไว้ว่าจะต้องเล่นร้ายอย่างเดียว ตอนนี้กำลังจะเปิดกล้องเรื่องดงดอกไม้ ซึ่งจะเป็นคนดี ใสๆ แล้ว อีกอย่างพิมมองในเรื่องของบทมากกว่า บทไหนที่ท้าทาย สนุก ทำให้เรารู้สึกว่าได้เล่นอะไรใหม่ๆ ให้คนดูได้ดูกัน ไม่อยากเล่นซ้ำๆ เราก็อยากที่จะเล่น”
“บทสมัยนี้มันเรียลมากขึ้น ไม่ค่อยดีแบบดี๊ดี แต่มันจะมีความเทามีความเป็นมนุษย์อยู่ เวลาที่พิมแสดง พิมก็คิดว่าคนนี้เป็นมนุษย์คนนึง บางทีตัวนี้อาจจะร้ายในเรื่อง แต่เขามีเหตุผลที่จะร้าย”
ไม่กลัวว่าจะกลับมาเล่นดีไม่ได้แล้ว? “ไม่กลัวนะคะ อยากจะให้คนดูเปิดใจ พิมเชื่อว่าทั้งหมดมันคือความท้าทายของตัวพิมด้วย การที่เราจะให้คนที่ดูเราเล่นดีๆ มาตลอดมาดูเราเล่นร้าย คือต้องสร้างความเชื่อให้คนดูเชื่อจริงๆ ว่านี่คือตัวละครที่มีนิสัยแบบนี้ แล้วพอกลับไปเล่นเป็นคนดีมันก็คือความท้าทายของเราอีกเหมือนกันที่เราจะต้องทำให้คนดูเชื่อว่านี่คือคนดี คนละคนกับที่เราเล่นในเรื่องก่อนหน้านี้”
“การเป็นนักแสดงเราต้องพัฒนาตัวเอง ทำการบ้าน ทำความเข้าใจตัวละครตลอดว่าเขามีความต้องการยังไง ทำไมเขาถึงทำแบบนี้ เหมือนเราทำความรู้จักคนคนนึง พอมีเรื่องใหม่เราก็พัฒนาที่จะเข้าไปเป็นคนอีกคนนึงใหม่ สร้างคนคนนี้ให้มีชีวิตจริงๆ ขึ้นมา ฉะนั้นแต่ละเรื่องแต่ละบทมีความท้าทายและสามารถพัฒนาตัวเองได้”
เคยอินกับบทกลับบ้านไหม? “มีค่ะ บางทีกลับมาจากกอง ความที่เราอยู่กับตัวละครทั้งวันก็จะรู้สึกไม่ค่อยดี ดาวน์ ดิ่ง ต้องคอยเตือนตัวเองว่าตอนนี้ฉันคือ พิม พิมประภา แล้วนะ แล้วก็มีเพื่อนๆ คนรอบตัวรู้สึกว่ามันเหมือนมีมวลอะไรบางอย่างที่ติดตัวมากับเรา เลยต้องทำอย่างอื่นที่มีความสุข เพื่อล้างตัวเองออกไป แต่ก็จะมีแบบเลิกกองมาดึกมาก เหนื่อยมากๆ แต่เรานอนไม่ได้ หลับไม่ได้ เหมือนมันมีความเครียดสะสมเข้ามา”
จัดการกับเรื่องพวกนี้ยังไง? “ออกไปเที่ยวบ้าง เราก็ต้องพยายามออกมาจากสิ่งเดิมๆ พื้นที่เดิมๆ ออกไปภูเขา ไปทะเล ไปกับเพื่อน หาอะไรกินที่ทำให้เราลืมตัวละครนี้ไปเลย”
แฟนให้กำลังใจยังไงบ้าง? “เขาอาจจะไม่ค่อยเก็ตเท่าไหร่ว่าทำไมวันนี้ดูขุ่นมัวจัง ซึ่งบางทีเราอาจจะโดนตัวละครที่เราอยู่กับมันมาทั้งวัน เหมือนยังมีมวลตรงนั้นอยู่ เขาเลยมีความงงๆ ว่าเป็นอะไร หลังๆ เราก็อธิบายให้เขาเข้าใจ และพยายามออกจากตัวละครให้ได้เร็ว”
เคยถึงขั้นทะเลาะกันไหม? “ไม่เคยนะ ตอนแรกก็กลัวเหมือนกันว่าตัวละครจะไม่ออก โชคดีที่เรายังดึงตัวเองกลับมาได้ ออกจากตัวละครนั้นมาได้ แค่มีครั้งแรกๆ ที่เขาจะงงๆ ทำไมเราดูเหมือนไม่มีแรง เรื่องนี้มันเหมือนดึงพลังของเราจากตัวออกไปหมดเลย พอกลับมาเรารู้สึกเหมือนวิญญาณหายไป เขาก็ไม่เข้าใจ ทำงานอะไรมันถึงหนักขนาดนี้ เราก็ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจ”
ความรักครั้งนี้เป็นอย่างไรบ้าง? “เป็นความรักที่โตขึ้น อยู่ด้วยความสบายใจ มันไปเรื่อยๆ ไม่ได้หวือหวา แต่อยากให้มันมั่นคง”
มีอะไรพิเศษให้กันตลอดในวาระสำคัญ? “มีบ้างค่ะ ดีใจที่เขาไม่ลืมวันสำคัญ คบกันปีกว่าๆ ได้แล้ว ในทุกความสัมพันธ์มันต้องมีการปรับจูนเข้าหากัน แต่ละคนโตมามีเส้นทางชีวิตที่ไม่เหมือนกัน ต้องมาทำความเข้าใจกัน
พิมเชื่อว่าสิ่งที่คนสองคนจะอยู่ด้วยกันได้คือการคุยกัน ปรับกัน เราถอยออกมาก้าวนึง หรือเราขยับกันเข้ามาให้ใกล้ขึ้น เพื่อที่จะเข้าใจกันมากขึ้น มันเป็นเรื่องของการสื่อสารกันมากกว่าที่ทำให้เราไปกันต่อได้”
ปีกว่าที่ผ่านมาได้เรียนรู้กันเยอะ? “เยอะค่ะ พิมอาจจะไม่ได้มีแฟนมาเยอะ ความสัมพันธ์เลยจะไม่ได้อะไร มันก็เลยมีอะไรให้เราต้องเรียนรู้เยอะมากๆ การที่เราจะต้องทำอะไรตอนนี้เราก็ต้องแคร์อีกฝ่ายมากขึ้น แล้วไม่ใช่แค่ตัวเขาคนเดียว ครอบครัวเขาด้วย มันมีอะไรหลายอย่างเยอะ มันคือการใช้ชีวิตหลายๆ อย่างด้วยที่เราต้องแคร์”
“ทางเรา ครอบครัวเรา เราแคร์อยู่แล้ว แต่พอมีอีกคนนึงที่เขาไม่ได้เข้าใจเราทั้งหมด ที่ไม่ใช่คนที่เขาเลี้ยงเรามา เราก็ต้องมีการแคร์ มีการสื่อสารทำความเข้าใจกันว่าตัวเราเป็นยังไง โอเคไหม มันต้องมีการคุยกันตลอดเวลา เพื่อความเข้าใจกัน”
ด้วยการทำงานนักแสดงมันมีฉากเลิฟซีน มีหลายสิ่งหลายอย่างเข้ามา เราต้องบอกเขาไหม? “พิมจะบอกทุกอย่างเลย ตอนแรกก็มีการปรึกษากันอยู่เหมือนกันว่าจะให้บอกไหม โอเคไหม ถ้าพิมจะรับบทนี้ มันคือการแสดง มันคืองานของพิม ซึ่งเขาให้เกียรติการทำงานของพิม สิ่งที่พิมให้เขาเพิ่มเติมไปก็คือการให้เกียรติด้วยการบอกเล่าทุกอย่างให้เขารับรู้ ไม่ใช่ให้เขาไปเห็นในจอ”
“ทุกอย่างที่เขาจะได้เห็นในจอ ในทุกๆ แพลตฟอร์มเราได้บอกเขาไปหมดแล้ว เขาจะไม่ตกใจกับสิ่งนั้น แล้วก็จะบอกว่าเราเซฟยังไงบ้าง เขาก็โอเค ตอนแรกที่รู้จักกันเราก็เป็นนักแสดงอยู่แล้ว เขาก็เตรียมใจมาแล้วส่วนนึงว่านี่คืออาชีพของเรา และค่อนข้างที่จะให้เกียรติเราพอสมควร”