ภาพโดย Patrick Behn จาก Pixabay รูปภาพจาก edition.cnn.comเป็นกระแสแรงอย่างต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับการประท้วง BlackLivesMatter ในสหรัฐอเมริกา และกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษที่มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 1 พันคน และอีกหลายๆประเทศทั่วโลกยังไม่นับรวมเหล่าเซเลป ดารา นักร้อง และผู้ใช้งาน twitter ที่ร่วมใจกันทวิตข้อความพร้อมติด Hashtag #BlackLivesMatter เพื่อเรียกร้องความ เป็นธรรมให้กับ หนุ่มผิวสี George Floyd ที่ได้เสียชีวิตจากเหตุที่ตำรวจชาวอเมริกันในเมือง Minneapolis ได้เข้าจับกุมเขาด้วยข้อกล่าวหา ใช้ธนบัตรปลอมในร้านค้า โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้หัวเข่ากดทับลงบนลำคอของ Floyd ที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้นถนนจนเขาเสียชีวิตเป็นเรื่องเศร้าที่ถึงแม้ปีนี้จะเข้าสู่ปี ค.ศ 2020 แล้ว แต่เรื่องการเหยียดเชื้อชาติ สีผิวก็ยังไม่ได้หมดไป วันนี้เราจึงได้คัดหนังคุณภาพคับแก้วเกี่ยวกับชาวผิวสี ที่ถูกเหยียดสีผิว และไม่ได้รับความยุติธรรม หรือความเท่าเทียมในสังคม ซึ่งก็ได้รวบรวมเรื่องราวมาหลายยุคหลายสมัยด้วยกัน ตั้งแต่การค้าทาส ย้อนไปราวค.ศ 1800 จนถึงเรื่องราวในยุคสมัยปัจจุบัน 1. The Green Mile (1999)รูปภาพจาก www.warnerbros.comคะแนน 9.5/10ประเภท : Drama, Fantasy, Crimeถ้าให้พูดถึงหนังเกี่ยวกับคนผิวสีที่ทำให้เสียน้ำตามากที่สุด คงหนีไม่พ้นเรื่องนี้แน่นอน หนังที่สร้างจากนวนิยายของนักเขียนชื่อดังอย่าง Stephen Kingเรื่องราวของ Paul Edgecomb หัวหน้าผู้คุมนักโทษประหารที่ประจำการอยู่ที่ Cold Mountain Penitentiary ซึ่ง "Green mile" หรือทางเดินสีเขียว นั่นก็คือชื่อที่ใช้เรียกทางเดินที่นักโทษใช้เดินไปยังห้องประหารนั่นเองขณะที่ Edgecomb ประจำการอยู่ที่นี่ เขาได้พบเจอกับ John Coffey นักโทษชายผิวสี ตัวสูงใหญ่ราวกับยักษ์ Coffey ถูกตัดสินโทษประหารชีวิตด้วยข้อหาฆ่าข่มขืนเด็กสาวผิวขาว 2 คน แม้ว่าหลักฐานยังไม่ปรากฎแน่ชัดว่าเขากระทำความผิดจริงหรือไม่ แต่ Coffey ก็ได้ถูกตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอกของเขาที่น่าเกรงขามว่ามีความเป็นไปได้ที่เขาจะเป็นคนร้ายCoffey ได้ถูกส่งตัวมาที่คุกที่ Edgecomb ประจำการอยู่ Edgecomb ได้ทำความรู้จักกับ Coffey แล้วเขาก็พบว่าจริงๆแล้ว Coffey นั้นไม่ใช่คนที่โหดร้ายตามที่ถูกกล่าวหา แถมยังมีน้ำใจต่อเขามากๆ ความแฟนซีที่สอดแทรกมาในเรื่องได้อย่างน่าสนใจก็คือ Coffey มีพลังพิเศษ เขาช่วยรักษาให้ Edgecomb หายขาดจากโรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะได้เพียงแค่เขาจับไปที่เป้าของ Edgecomb เท่านั้นรูปภาพจาก Warner Bros. Entertainmentด้วยลักษณะนิสัยของ Coffey ที่อ่อนโยน และมักช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ ทำให้เกิดความผูกพันธ์ และมิตรภาพที่สวยงามระหว่างผู้คุมนักโทษกับนักโทษหนุ่มร่างยักษ์คนนี้ จนทุกคนในแดนประหารแทบไม่มีใครเชื่อเลยว่า Coffey จะสามารถก่อคดีฆ่าข่มขืนได้จริงๆ แต่ทุกคนก็ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้ Coffey ต้องถูกประหารชีวิตด้วยการนั่งเก้าอี้ไฟฟ้าตามคำสั่งของศาล และฉากนี้เองที่เรียกน้ำตาผู้ชมได้เป็นอย่างดี ซีนอารมณ์ในห้องประหารค่อนข้างนานเพื่อให้ผู้ชมได้เข้าใจถึงความรู้สึกของผู้คุมที่ต้องประหารชีวิตนักโทษที่ไม่ได้กระทำความผิด แถมนักโทษคนนี้ยังเป็นคนที่มีจิตใจงดงาม เต็มใจใช้พลังพิเศษช่วยเหลือพวกเขาตลอดที่อยู่ที่แดนประหาร เขาไม่ได้ทำผิด แต่ผิดที่เขาเป็นคนผิวสี ร่างใหญ่ และผู้คนก็ต่างตัดสินเขาเพียงเพราะรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น... 2. Green book (2018)รูปภาพจาก www.warnerbros.com "If I'm not white enoughIf I'm not black enoughIf I'm not man enough, Who am I?คะแนน 9/10ประเภท Biography, Dramaภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเวที Oscar ปี 2019เรื่องราวของ Tony ชาว Italy-american ผิวขาวที่เปิดเรื่องมาก็ทำให้คนดูพอรู้ได้ว่าเขานั้นไม่ค่อยชอบพอกับกลุ่มคนผิวสีมากนัก Tony อาศัยอยู่กับภรรยาและลูกๆ เขาทำงานเป็น bodyguard ของ club แห่งหนึ่งใน New York แต่แล้วชีวิตของเขาต้องพลิกผัน เมื่อจู่ๆ Club ที่เขาทำงานอยู่ถูกปิดชั่วคราว เขาจึงต้องไปรับจ้างเป็นคนขับรถของDr.Don Shirley นักดนตรีชาวผิวสีที่ต้องการหาคนขับรถพาเขาไปทัวร์ concert ทางตอนใต้ของเมือง (หนังเรื่องนี้ได้สร้างขึ้นจากเรื่องจริงของ Dr.Don Shirley) เหตุผลที่มากพอที่จะทำให้ Tony ยอมรับงานนี้ก็คือเขาต้องหาเงินเลี้ยงครอบครัวนั่นเองรูปภาพจาก twitter @GreenBookFilmตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่พวกเขาเดินทางด้วยกัน มีสิ่งหนึ่งที่ Dr. ติดตัวไปมาตลอด นั่นก็คือ "Green book" คู่มือการเดินทางสำหรับคนผิวสีในสหรัฐอเมริกา ที่จะบอกว่าเขาสามารถเดินทางไปเส้นทางใดได้บ้าง พักที่ไหนได้บ้าง หรือแม้กระทั่งร้านค้า ร้านอาหาร ที่สามารถไปใช้บริการได้ เพราะไม่ใช่ทุกร้านที่จะยินดีต้อนรับคนผิวสีตลอดทั้งเรื่อง Dr.Shirley ต้องทนกับการโดนเหยียดหยามหลายครั้งต่อหลายครั้ง แต่ Tony ก็ช่วยเหลือและอยู่ข้างๆ Dr. เสมอเมื่อเขาต้องเผชิญเรื่องราวร้ายๆ สะท้อนให้เห็นถึงมิตรภาพ และความไม่เท่าเทียมกันในสังคมได้ดีเลยทีเดียวรูปภาพจาก twitter @GreenBookFilmแม้เรื่องราวจะดำเนินโดยมีฉากสนทนาของ Tony และ Dr.Shirley บนรถซะส่วนใหญ่ แต่บทสนทนาเหล่านี้ก็ได้แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของตัวละครทั้งสองได้เป็นอย่างดี ช่วงเวลาที่ทั้งสองคนได้เดินทางร่วมกันระหว่างทัวร์ concert ก็เหมือนกับการเดินทางของความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่ Tony ได้เปลี่ยนความคิดของเขาที่มีต่อชาวผิวสี และเปิดใจยอมรับ Dr.มากขึ้น เมื่อหนังดำเนินมาถึงตอนจบ ก็มีฉากที่สามารถเรียกน้ำตาจากผู้ชมได้ดีเลยทีเดียว Tony คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เขาได้มีเพื่อนสนิทเป็นชาวผิวสีเสียแล้ว เรื่องราวจบลงพร้อมกับสร้างความอบอุ่นเล็กๆในใจ ถือว่าเป็นหนัง feel good ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง3. The help (2011)รูปภาพจาก www.imdb.comคะแนน 8/10ประเภท : Comedy-dramaเรื่องราวของสาวใช้ผิวดำกับนายจ้างผิวขาว และการแบ่งชนชั้นทางสังคม เหยียดสีผิว ในยุค 60s ที่ถูกดำเนินเรื่องผ่านนักเขียนคอลัมน์ผิวขาวอย่าง Skeeter Phelan ที่อยากจะเขียนหนังสือตีแผ่เรื่องราวและทวงคืนความยุติธรรมให้กับสาวใช้ชาวผิวสี ซึ่งในสมัยนั้นคนใช้ถือเป็นอาชีพอย่างเดียวที่ชาวผิวสีสามารถทำได้ Skeeter เริ่มต้นโดยการไปขอข้อมูลและความช่วยเหลือจาก Aibileen และ Minny ซึ่งเขาทั้งคู่ก็เป็นคนใช้ผิวดำที่ถูกกดขี่ และเหยียดหยามจากครอบครัวผู้เป็นนายจ้าง และต้องพบเจอพฤติกรรมสุดแปลกของเจ้านายผิวขาวมาโดยตลอดรูปภาพจาก Movieclips Trailersหนึ่งในความจริงที่น่าเจ็บปวดที่สาวใช้ผิวดำต้องเผชิญคือ พวกเขาได้ถูกจ้างมาเพื่อให้เลี้ยงลูกๆของคนผิวขาว เขาได้มอบความรัก ความเอาใจใส่ และเลี้ยงดูเด็กๆเป็นอย่างดี แต่ครั้งเมื่อเด็กเหล่านั้นเติบโตขึ้น กลับทำท่าทีรังเกียจและแบ่งชนชั้นกับพวกเขาตามที่พ่อแม่ปลูกฝัง แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้มีแค่ฉากดราม่าเท่านั้น แต่ยังมีฉากจิกกัด และการเอาคืนของสาวใช้ที่ทำได้เจ็บแสบสุดจี๊ดอีกด้วย ล่าสุด หนังเรื่องกลับมาเป็นกระแสแรงมากๆ ในสหรัฐอเมริกาหลังจากมีการประท้วง BlackLivesMatter มีกระแสว่าหนังเรื่องนี้ไม่ได้ชูประเด็นเรื่องการเรียกร้องความเท่าเทียมในสังคมเท่าที่ควร ซึ่งนักแสดง Viola Davis ผู้รับบทหญิงรับใช้ชื่อ Aibileen ก็เคยได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่าว่าหนังเรื่องนี้อาจจะยังไม่ใช่หนังที่เป็นเสียงสะท้อนจากคนผิวสีได้ดีเท่าที่เธอคาดหวังไว้4. 12 Years a Slave (2013) รูปภาพจาก www.20thcenturystudios.comI don’t want to survive, I want to liveคะแนน 9/10ประเภท : Biography, Dramaถ้าถามถึงหนังที่สะท้อนให้เห็นถึงความโหดร้ายที่ชาวผิวสีต้องเผชิญได้น่าสงสารที่สุดก็คงหนีไม่พ้นหนังเรื่องนี้แน่นอน12 Years a Slave เป็นหนังน้ำดีที่ได้รางวัลการันตีจากเวที Oscar เมื่อปี 2014 หนังได้พาเราย้อยกลับไปในยุคค.ศ. 1841 สมัยที่ยังมีการใช้แรงงานทาส พบกับ Solomon Northup นักไวโอลินชาวอเมริกันผิวสีที่ลูกลักพาตัวไปขายเป็นทาส 12 ปีกับการถูกกดขี่ใช้งานอย่างหนักในโรงฝ้าย หนังแสดงให้เห็นถึงการกระทำที่โหดเหี่ยมของเจ้านายที่กระทำต่อทาสในปกครองราวกับว่าพวกเขาไม่ใช่มนุษย์ 12 ปีที่เขาพยายามหาทางคืนกลับสู่อิสรภาพที่เคยมี ทั้งเศร้า หดหู่ และสิ้นหวังไปพร้อมๆกัน รูปภาพจาก www.filmclicks.atอย่างไรก็ตาม หนังได้ทำให้เราเห็นคุณค่าของความเป็นมนุษย์มากยิ่งขึ้น และเห็นถึงความใจสู้ของตัวเอก ที่แม้ความหวังจะริบหรี่ เวลาที่ผ่านไป แต่ละวันๆ ก็เปรียบเหมือนเปลวเทียนที่จะดับลงทุกวันๆ แต่ทว่าสุดท้ายแล้วเขาก็หาทางกลับไปหาครอบครัวได้ในที่สุด หนังจบลงด้วยความซึ้งใจที่ได้เห็นตัวละครผ่านเรื่องราวเลวร้ายเหล่านั้นมาได้ และได้รับอิสรภาพในที่สุด.. สุดท้ายหวังว่า หนังที่คัดมาทั้ง 4 เรื่องจะช่วยเป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียงให้คนทั่วโลกมองเห็นถึงความเท่าเทียมกันในสังคมมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เชื้อชาติใด ก็ไม่ควรมีใครโดนเหยียดหยามและดูถูกอีกต่อไป...