รีวิวหนัง ฮาวทูทิ้ง - เราต่างเป็นเรื่องราวในชีวิตใครสักคนเสมอ by Kanin The Movie
ฟีดแบก รีวิว วิจารณ์หนัง ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ
รีวิว ฮาวทูทิ้ง - "นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์" คงจะเป็นคนทำหนังไทยที่ถูกพูดถึงมากที่สุด ทั้งในตอนนี้และช่วงหลายปีที่ผ่านมา จากจุดเริ่มต้นอย่าง "36" สู่ "Mary is happy, Mary is happy." ภาพยนตร์นอกกระแสในดวงใจใครหลายคน และ "ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ" ของเขากับ GTH ที่เริ่มเชื่อมต่อกับคนดูจำนวนกว้าง จนไปถึงผลงานประเภทอื่นๆที่เขาสะสมไมล์ระหว่างทาง การมาของ "ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ" จึงเป็นที่น่าจับตาตั้งแต่แรกด้วยเครดิตของคนทำ และยิ่งน่าสนใจขึ้นไปอีกเมื่อปล่อยพล็อตหนังกับตัวอย่างออกมา
ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ
เรื่องราวของหญิงสาวที่พยายามเคลียร์บ้านตัวเองให้มินิมอลเพื่อทำออฟฟิศ ทิ้งของทุกสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจนกระทั่งวันหนึ่งได้เจอกล้องฟิล์มของแฟนเก่า ความตั้งใจที่สั่งสมมาก็เริ่มสั่นคลอนเมื่อเธอจำเป็นต้องย้อนกลับมาทบทวนดูอีกทีว่าอะไรที่ควรทิ้ง อะไรที่ควรเก็บไว้กันแน่
หนังเปิดด้วยชีวิตของ จีน หญิงสาวที่เพิ่งเรียนจบจากสวีเดน เดินทางกลับมาไทยเพื่อจัดการบ้านรกๆของตัวเองให้เปลี่ยนเป็นออฟฟิศทำงานที่ดูดีและมีสไตล์มินิมอล (Minimal) เธอพยายามอธิบายคอนเซ็ปต์นี้ให้กับพี่ชายและแม่ เพื่อให้เข้าใจว่าทำไมเธอถึงเริ่มเก็บของชิ้นต่างๆ ใส่ถุงดำและไปทิ้ง
รีวิวฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ
สำหรับ จีน เธอมองว่าของชิ้นไหนที่ไม่สำคัญแล้วก็ควรทิ้ง ของที่ไม่ได้จำเป็นกับชีวิต ไม่ได้มีส่วนร่วมอยู่กับปัจจุบันแล้วก็ไม่ควรปล่อยให้มันกินพื้นที่ชีวิตเราจนยุ่งเหยิง บ้านมินิมอลในฝันของ จีน จึงนำมาซึ่งภารกิจเก็บกวาดบ้านครั้งใหญ่ของเธอกับพี่ชาย (ที่ดูจะเข้าใจและคิดไปในทางเดียวกับเธอ) พวกเขาค่อยๆ รื้อของออกมาทีละชิ้น ทีละกล่อง ทีละลิ้นชัก คัดสรรตามเหตุผลและความรู้สึกที่ยึดปัจจุบันเป็นที่ตั้ง ถ้าอยากทิ้งก็ทิ้ง อยากเก็บก็เก็บ (แต่ทิ้งไปเลยน่าจะดีกว่า)
เรื่องน่าสนใจอยู่ที่ตรงนี้ อะไรที่ทำให้เราตัดสินใจ “ทิ้ง” ของบางสิ่งออกจากชีวิต ฮาวทูทิ้ง ค่อยๆ พาเราไปพบกับร่องรอยความทรงจำของ จีน พี่ชาย แม่ (และแน่นอน เอ็ม แฟนเก่าของเธอ) ว่าอะไรที่พาให้เราเลือกทิ้งของบางสิ่ง และยังเก็บอะไรบางอย่างไว้ มันไม่ใช่แค่เรื่องของสิ่งของ แต่ยังเป็นเรื่องของความรู้สึก ความทรงจำ หรือกระทั่งความสัมพันธ์ของคนสองคน
ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ
การทิ้งของชิ้นๆ หนึ่งมันง่าย ถ้าเราไม่ได้สนใจ “ประวัติศาสตร์” ของมัน ไม่ได้สนใจว่าเราได้มันมาอย่างไรหรือเกิดอะไรขึ้นกับมันบ้าง แต่คำถามคือมนุษย์สามารถหลีกหนีอดีตได้จริงๆหรือไม่? การที่คนเราต่างพูดว่าตนกำลัง “มูฟออน” (move on) จากเรื่องบางเรื่องหรือใครสักคน มันแปลว่าเรากำลังลบอดีตให้หายวับไปเหมือนไม่เคยมีอยู่จริง หรือแค่ขยับชีวิตตัวเองมาอยู่ในปัจจุบันด้วยความเข้าอกเข้าใจมันกันแน่ ตรงนี้หนังไม่ได้ให้คำตอบกับเราอย่างชัดเจน (ตรงกันข้ามมันกลับเน้นย้ำในคำถามและหัวข้อบ่อยเสียยิ่งกว่าบ่อย) แต่เป็นการสะกิดมุมมองและความคิดของผู้ชมเสียมากกว่า
สิ่งที่เราชอบในงานของ เต๋อ นวพล หลายๆเรื่องที่ผ่านมาคือการปะทะกันระหว่าง “ความเป็นมนุษย์” กับ “ไม่เป็นมนุษย์” ของมัน หลายคนอาจจะชินกับมู้ดหน้าเด้ดของแกจนกลายเป็นเอกลักษณ์ หรือกระทั่งจังหวะการสนทนา ไปจนถึงวิธีดีไซน์ไดอะล็อก ผลงานของเขาหลายเรื่องทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตของมนุษย์ในเรื่องเหล่านั้นคือหุ่นยนต์ หรือเป็นมนุษย์ที่ถูกทำให้เป็นหุ่นยนต์อีกที มันมีความ Lifeless อย่างจงใจซึ่งไม่ได้ปรากฎแค่กับตัวละครแต่ยังออกมาในรูปแบบของฟอร์มหนังด้วย อาทิ
การใช้ข้อความประกอบภาพ, การใช้เสียงพากย์บรรยายความคิด (Voice Over) หรือกระทั่งรายละเอียดเล็กๆน้อยๆในโลกเซอร์เรียลของเขา ซึ่งใน ฮาวทูทิ้ง มันน่าสนใจตรงที่ความไม่เป็นมนุษย์นั้นกำลังหยอกล้อกับตัวละครและเรื่องที่จะเล่า
วิจารณ์ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ
หนังเปิดด้วยชีวิตของ จีน กับเป้าหมายที่เต็มเปี่ยมพร้อม “Step การทิ้ง” ที่แบ่งเป็นข้อๆอย่างสนุกสนาน ความไหลลื่นในการทิ้งของเธอมาพร้อมกับความเย็นชาไร้หัวใจที่ไม่แคร์สิ่งของใดๆในชีวิต จนกระทั่งเธอถูกเบรก ด้วยเรื่องของเพื่อน เรื่องของพี่ชาย เรื่องของแม่ และเรื่องของแฟนเก่า ความไร้ชีวิตเหล่านั้นก็ถูกเติมเต็มเข้ามา (แบบที่เธอบอกกับเพื่อนว่าตนกำลังมีหัวใจ) เธอเริ่มหยุด และสำรวจทบทวนของแต่ละชิ้นอีกครั้ง ก่อนจะพบว่ามันเต็มไปด้วยความทรงจำ ทั้งที่เธอสร้างให้คนอื่น และคนอื่นสร้างให้เธอ มันมีเรื่องราวและคุณค่ามากกว่าแค่ของที่รู้สึกว่าต้องทิ้งเพราะมันรก
คอนฟลิกต์นี้ทำให้ชีวิตเธอปั่นป่วน จีน ไม่เพียงแต่ต้องดีลกับของ แต่เธอยังต้องดีลกับชีวิตคนมากมายที่วนเข้ามาให้เธอเลือกว่าจะทิ้งหรือเก็บไว้ แต่ในขณะเดียวกัน เธอเองก็ต้องยอมรับว่าคนอื่นนั้นก็มีสิทธิ์ที่จะเก็บหรือทิ้งสิ่งต่างๆเฉกเช่นเดียวกับเธอด้วย นี่จึงเป็นเรื่องของ “การทิ้งและถูกทิ้ง” บทบาทที่ชีวิตมอบให้เราสลับกันไปมาอยู่เสมอ เพื่อให้เราเรียนรู้ความรู้สึกในทุกๆ แง่มุม
ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ
ประเด็นใน ฮาวทูทิ้ง ไม่ได้โฟกัสแค่เรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง จีน กับแฟนเก่าที่เธอทิ้งไปอย่างไม่ใยดี แต่ยังมีเรื่องของครอบครัวที่หนักหนาสาหัสเช่นเดียวกัน ประเด็นครอบครัวในหนังไม่เพียงแต่นำเสนอเรื่องของบาดแผลและรอยร้าวที่ไม่มีวันจางหายไปไหน (และไม่สามารถมูฟออนได้ง่ายๆเหมือนกับเรื่องแฟน) แต่ยังพูดถึงช่องว่างของช่วงวัยความสัมพันธ์และความขัดแย้งระหว่าง Gen ที่ชวนให้นึกถึงความสัมพันธ์ของ ซู กับ พ่อ ใน Where We Belong อยู่ไม่น้อย - สิ่งที่น่าสนใจคือ การมูฟออนอาจไม่ใช่ความจำเป็น
ทุกคนมีวิธีรับมือกับความทรงจำและความรู้สึกแตกต่างกัน เก็บไว้ก็อาจจะไม่เสียหาย ทิ้งไปก็อาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่สิ่งที่หนังบอกกับเราอย่างชัดเจนคือการป่าวประกาศว่าแท้จริงแล้ว “มนุษย์ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัว” เราต่างเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตตัวเองเสมอ ซึ่งประเด็นดังกล่าวมันเล่นกับความเฉยชาไร้มนุษย์ในตอนต้นได้อย่างเจ็บแสบ
จนอดคิดไม่ได้ว่า หรือทางเดียวที่เราจะหลุดพ้นจากอดีตโดยสมบูรณ์แบบ คือการตัดขาดจากความรู้สึกโดยสมบูรณ์ ไม่ต้องนึกเสียใจ ไม่ต้องนึกเสียดาย และไม่ต้องนึกรู้สึกผิด ซึ่งเป็นสิ่งที่เหนี่ยวรั้งให้ จีนเดินย้อนกลับไปยังเส้นทางชีวิตที่ขาดๆหายๆของตัวเองตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ฟีดแบกฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ
ฮาวทูทิ้ง ไม่ใช่ภาพยนตร์ของ เต๋อ นวพล ที่เราชอบที่สุด (อย่างน้อยๆ เราก็ค่อนข้างมีส่วนร่วมทางความรู้สึกกับ ฟรีแลนซ์ฯ มากกว่าพอสมควร) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็ยังเป็นผลงานที่น่าประทับใจและท้าทายกับความรู้สึกของเราอยู่ไม่น้อย หนังค่อยๆ คลายคอนเซ็ปต์ของความมินิมอล การทิ้ง การเก็บ ให้เราได้เข้าใจในหลายๆบริบทจนเริ่มรู้สึกเป็นหนึ่งกับมัน ผ่านความสัมพันธ์ทั้งในฐานะเพื่อน แฟน และครอบครัว ทั้งคนที่ยังอยู่ร่วมในชีวิตตอนนี้ และคนที่ผ่านเลยไปจนเราแทบจำไม่ได้
แน่นอนว่าหนังจู่โจมกับหัวใจของคนดูอยู่ไม่น้อย (ไปจนถึงหนักมาก) แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นเรื่องราวที่แสนงดงาม เพราะเชื่อว่าหลังดูจบคงมีคนจำนวนไม่น้อยที่ใช้เวลาส่วนหนึ่งไปกับการนึกย้อนความทรงจำของตัวเองผ่านสิ่งของ สถานที่
และสารพัดอย่างมากมายที่กลายเป็นเครื่องบันทึกความทรงจำขนาดย่อมในชีวิตเราไปแล้ว
และท้ายที่สุด มันไม่ใช่หนังที่ตัดสินว่าเราควรจะทิ้งหรือเก็บสิ่งที่ผ่านไป หากแต่เป็นการเฉลิมฉลองความทรงจำที่ครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นและจะยังเป็นจริงตลอดไป ไม่ว่าคุณจะสนใจหรือไม่แยแสมันแล้วก็ตาม มันก็จะอยู่ตรงนั้น "ที่เดิม" เสมอ...
----------------------------------------------------