รีเซต

[รีวิวหนัง] "Born to Fly ปฏิบัติการจ้าวเวหา" หนังประกาศศักดา ที่บอกโลกให้รู้ว่าข้าพร้อม

[รีวิวหนัง] "Born to Fly ปฏิบัติการจ้าวเวหา" หนังประกาศศักดา ที่บอกโลกให้รู้ว่าข้าพร้อม
แบไต๋
6 กรกฎาคม 2566 ( 07:00 )
511

สิ้นสุดการรอคอยของแฟนคลับ หวังอี้ป๋อ (Wang Yibo) จากการเลื่อนฉายในปี 2022 ของหนังฟอร์มยักษ์ ที่ชูความเสียสละของนักบินทดสอบแห่งกองทัพอากาศจีน ‘Born to Fly’ เมื่อได้ฤกษ์งามยามดีมีหรือจะทำให้แฟนคลับต้องผิดหวัง บอกเลยงานนี้มีการสลัดคราบนักร้อง นักเต้น ไปสวมวิญญาณนักบินอย่างองอาจ เข้มขมแต่ยังเจือรสหวาน และทำให้เราเข้าใจถึงเจตนาในการสร้างหนังนักบินเรื่องนี้กันแบบแจ่มแจ้งไปเลยค่ะ

สนับสนุนโดย Major Cineplex

นักบินยอดเยี่ยมระดับ 3 หมวกทองคำ ‘เหล่ยอวี่’ (หวังอี้ป๋อ) ได้ผ่านการคัดเลือกอย่างเข้มข้น และถูกเลือกให้เป็นผู้ทดสอบเครื่องบินขับไล่สมรรถนะสูงภายใต้การนำของ กัปตันจางถิง (หูจวิน) เขาและนักบินทดสอบผู้ร่วมทีม ต้องฝึกฝนและเตรียมความพร้อมอย่างหนัก ต้องทดสอบขีดจำกัดของตัวเอง เพื่อเป็นผู้เสียสละก่อนที่จะปล่อยเครื่องบินรบรุ่นล่าสุดและล้ำสมัยที่สุดแต่ละลำ ออกสู่สนามรบจริง

เรื่องมันเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เครื่องบินสอดแนมของข้าศึกเข้ามาบินฉวัดเฉวียนเหนือน่านน้ำประเทศจีน 2 ลำถ้วน เหล่ยอวี่ และเพื่อนนักบินขับไล่อีก 1 ลำ ก็ออกไปไล่แขกที่ไม่ได้รับเชิญและปากแจ๋ว “คุณกำลังบินอยู่เหนือน่านน้ำประเทศจีน ออกไปซะไม่งั้นเราจะต้องยิงคุณนะ” พี่จีนเขาก็ทักทายออกไปประมาณนี้ แต่นักบินปากแจ๋ว 2 ลำนั้นตอบกลับมาว่า “เราจะบินไปบินกลับที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้” แจ๋วจริงพี่จ๋า

ก็เกิดการบินขับไล่โชว์ความสามารถของนักบินสองฝั่ง แน่นอนว่าฝั่งจีนต้องเจ๋งกว่าอยู่แล้ว ไล่แมลงหวี่แมลงวันออกไปได้สำเร็จ แต่ก็มีเรื่องไม่เจ๋งตรงที่ เครื่องบินที่มีอยู่ยังสู้เครื่องบินของฝั่งนั้นไม่ได้ เครื่องยนต์ไหม้ และต้องลงจอดแบบควันขโมง ประหนึ่งไอดำของมัจจุราชในลานบินนั่นเลยจ้ะ

บอกให้รู้ว่าข้าพร้อม และบอกให้รู้ว่ามีผู้เสียสละ

บทเรื่องนี้จงใจให้ผู้ชมรับรู้ถึงสารที่ส่งมา 2 ประเภทอย่างตรงไปตรงมากันเลย สารแรก คือการบอกรัก ที่ส่งถึงประชาชนในประเทศว่าดูสิ นักบินทดสอบต้องเป็นผู้เสียสละเพื่อชาติและประชาชนขนาดไหน มาดูความพยายามและหัวใจของพวกเขา ดูความรักของพวกเขาที่มีมากกว่ารักครอบครัวและตัวเอง ส่วนสารที่สองเป็นสารของการประกาศศักดา ที่บอกถึงศัตรูที่คิดจะมารุกรานว่านี่เฮ้ย! ข้าพร้อม ถึงเทคโนโลยีทางทหารของเอ็งจะรุดหน้าและอินเทรนด์กว่าข้าสักแค่ไหน แต่ข้าก็จะพยายามกระเสือกกระสนและแซงหน้าพวกเอ็งให้ได้ ด้วยความทุ่มเททั้งหมดในชีวิตที่มี และข้าทำได้นะเฟ้ย

ถ้าจะบอกว่า ‘Born to Fly’ เป็นหนังชาตินิยมก็ใช่เลย ไม่ผิดไปจากนั้น ตัวหนังชูความรัก ความเสียสละเพื่อชาติและประชาชนอย่างเต็มเหนี่ยว แต่ไม่มีใครเลยสักคนที่เป็นฮีโรหนึ่งเดียว ทุกคนเป็นมนุษย์ที่กว่าจะเก่งมาขนาดนี้ได้ต้องผ่านการฝึกฝนที่สาหัส และต่อให้เก่งกาจชาติขุนพลขนาดไหน เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันจนถึงคราวจะต้องตายก็ตายจริง ตายแน่ อย่างที่มนุษย์คนหนึ่งต้องได้เจอ

เราจะสามารถเดาบทของเรื่องได้ค่ะว่าหนังจะพาเราไปทางไหน จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป และใครจะอยู่ใครจะตาย ก็แหม นี่มันไม่ใช่หนังทหารเรื่องแรกในชีวิตของเรานี่นา เดาถูกเป็นฉาก ๆ อยู่แล้ว ยิ่งถ้าใครที่โปรจีนก็จะไม่รู้สึกแปลกใหม่อะไรเลยกับบรรยากาศของหนังที่จะชูความรักชาติสุดขั้วหัวใจ การพร้อมที่จะเสียสละทั้งเลือดเนื้อและวิญญาณเพื่อชาติและประชาชน เราจะได้รับบรรยากาศแบบนั้นกันเต็มปอด

ยิ่งถ้าใครเคยดู ‘เกียรติยศหน่วยรบพิเศษ’ (Glory of Special Forces 2022), ‘กองกำลังประจัญบาน’ Ace Troops (2021) ก็จะเคยชินกับบรรยากาศตื้นตันเหล่านั้นที่หนังจะใส่มาให้สัมผัสได้ตลอดทั้งเรื่อง ผสมไปกับมุกขำขันเบา ๆ สไตล์พี่จีนที่ไม่โบ๊ะบ๊ะแต่เป็นขำกรุบกริบและทำให้ผู้ชมหัวเราะออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน เรียกว่ามุกไม่ฝืดแถมชื่นมื่นอีกต่างหาก

ภาพสวยและ CG ดีงาม

ก่อนหน้านี้ที่มีการปล่อยตัวอย่างหนังออกมาเมื่อปีที่แล้ว ก็เกิดเสียงฮือฮาและวิพากษ์วิจารณ์ไปต่าง ๆ นานาจนถึงขั้นจิกกัดกันด้วยซ้ำ ว่าหนังเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังนักบินชื่อดังหรือเปล่า ในส่วนนี้เราไม่สามารถทราบได้ เพราะเอาเข้าจริง ๆ แล้วไม่ว่าประเทศไหนทำหนังนักบิน ภาพมันก็จะออกมาไม่หนีกันหรอกค่ะ ภาพมุมแคบ ภาพมุมกว้าง และการบินฉวัดเฉวียนต้องมา แต่ที่แน่ ๆ และเห็นกับตามาอย่างชัดแจ๋ว คือแรงบันดาลใจในการสร้างเรื่องนี้ก็เพื่อเชิดชูเกียรตินักบินทดสอบที่สละชีวิตเหล่านั้น

และเพื่อบอกว่าเอ็งมีดี ข้าก็มีดีเหมือนกันนะเฮ้ย ไม่กลัวเลยนะบอกไว้ก่อน CG เอ็งปั้นได้แค่ไหน ข้าก็ปั้นได้สวยงามอย่างเอ็งนี่แหละ มุมกล้องเอ็งจะเท่ขนาดไหน นี่มาดูข้าก็เท่ไม่ต่างกัน แต่เขาจะบอกใครนั้นก็ละไว้ในฐานที่อย่าไปเข้าใจเขาเลยเนอะ เราในฐานะผู้ชมก็เสพสุขให้สาสมกันเถอะ เพราะมุมกล้องเรื่องนี้ น่าปรบมือ คอมโพซิชันที่มีการทิ้งสเปซและถ่วงน้ำหนักอย่างถูกหลัก จะเรียงหน้ามาให้เห็นแบบช็อตต่อช็อต ด้วยการสร้างสรรค์จากมือดีของหนังเรื่องนี้และอาศัยเทคโนโลยีที่ทำให้ภาพเหล่านี้ออกมาสู่สายตาผู้ชมได้ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อน

แสง สี ที่ย้อมมาอย่างลงตัวและเป็นธรรมชาติ จังหวะปล่อยตัวและออกตัวของการบินที่ทำให้ดูองอาจ และสร้างความหวาดเสียวในยามที่บทส่งให้ต้องหวาดเสียว ก็ทำให้การดูหนังเรื่องนี้คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม ถึงแม้จะมีจุดหลุด ๆ ที่ออกมาให้เห็นอยู่บ้าง แต่ก็เป็นเพียงจุดหลุดเล็กน้อยที่บรรยากาศของเรื่องจะจูงอารมณ์ให้ผู้ชมลุ้นตามไปจนไม่ทันสังเกตเห็น

บทดราม่าเรียกน้ำตากับการตัดต่อที่ตัดอารมณ์

ถ้าจุดประสงค์ของหนังเรื่องนี้ทำออกมาเพื่อให้ผู้ชมได้ตื้นตันและซาบซึ้งกับความเสียสละของเหล่านักบินทดสอบ ก็ขอบอกว่าเขาทำสำเร็จ การนำความเข้าอกเข้าใจและยินยอมพร้อมเหลือเกินที่จะส่งคนในครอบครัวไปเป็นฮีโร การอบรมสั่งสอนที่พ่อสอนลูกชายตัวจ้อย ความภาคภูมิใจในหน้าที่ของหัวหน้าครอบครัวที่ภรรยาชื่นชมแต่ก็ต้องเจ็บปวดในวันลาจาก ทำให้เราเห็นถึงความเสียสละของนักบินทดสอบที่ถึงแม้ไม่ได้ตายในสนามรบ แต่ก็ตายในสนามที่ทรงเกรียรติไม่ต่างกัน

เป็นชะตากรรมที่เขาเลือกเองอย่างภาคภูมิว่าได้เสียสละเพื่อความปลอดภัยของประเทศ “เรายอมให้เครื่องตกในสนามทดสอบ มากกว่าให้เครื่องต้องไปตกในสนามรบ” บทพูดสั้น ๆ ว่าไว้อย่างนั้นและเปิดเผยจุดประสงค์ของการสร้างมาอย่างหมดเปลือก พร้อมกับการจิกกัดผู้รุกรานว่านิสัยเสียไม่เคยเปลี่ยนขนาดไหนกับไดอะล็อกตอนเปิดเรื่องและตอนจบ เห็นชัดแจ๋วเลยค่ะว่าตั้งใจไปกัดเขาน่ะ พี่จีนนี่แกก็ร้ายไม่เบา

เอาเป็นว่าบทเรื่องนี้เป็นบทที่ดี และตรงตามจุดประสงค์คือเชิดชูเกียรติและประกาศศักดาไปพร้อม ๆ กัน CG เนียนตาและมีการใช้มุมกล้องที่ได้อารมณ์หวาดเสียว ให้คนดูได้ลุ้น และสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นยังยืนอยู่บนพื้นฐานของความเป็นไปได้ ไม่มีใครเป็นฮีโรจนโอเวอร์ โดยเฉพาะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้า ที่คนธรรมดาอย่างเรา ๆ บางคนเคยได้ยินมาบ้างแต่ยังไม่เคยเห็นกับตา เรื่องนี้ก็ทำให้เห็นเลยว่าอุบัติเหตุหลาย ๆ อย่างที่อาจจะเกิดและเคยพูดถึง สามารถทำให้เครื่องบินตกได้เลยนะ

แต่ในความดีงามทั้งหลายทั้งมวลก็ขาดความต่อเนื่องของเรื่องราวและอารมณ์ที่กำลังจะคล้อยตามไปอยู่มาก ทุก ๆ ช็อตที่ต้องต่อเนื่องกัน ถูกจับมาเป็นช่วงสั้น ๆ แล้วนั่งเรียงจนเป็นเรื่องแบบน่าเสียดาย ด้วยการตัดต่อที่ต้องทำให้เนื้อหาทั้งหมดอยู่ในเวลา 2 ชม. 8 นาที ก็เข้าใจได้แหละค่ะ แต่ก็ทำให้ในช่วงของการฝึกฝนที่ควรโชว์ความอุตสาหเรียกดราม่าจากผู้ชมได้อีก ถูกหั่นออกไปเสียเยอะจนรู้สึกว่า หนังแนวนี้น่าจะได้เห็นฉากเหล่านั้นมากกว่านี้

อีกทั้งฉากซึ้ง ๆ ของพระ-นางที่กรุณาใส่มาให้เห็น ให้แฟนคลับได้ยิ้มบ้างก็ไม่สามารถเรียกอารมณ์ได้เท่าที่ควร ประมาณว่าใส่มาทำไมจ๊ะ ไม่ต้องก็ได้นะเอาจริง ๆ เพราะมันน้อยจนคิดว่าไม่ต้องมีฉากเหล่านี้ก็ได้ เอาแค่แว้บ ๆ ให้มันน้อยจริงจังไปเลยแล้วให้แฟน ๆ มโนไปเองก็ไม่ติด แถมจะฟินไปเองมากกว่าอีก แล้วไปเน้นที่พาร์ตของความอุตสาหะไปเลยดีกว่า จนเกิดความคิดว่า ถ้ามีการทำ ‘Born to Fly’ เป็นซีรีส์ จะสนุก ตื่นแต้นและซาบซึ้งแค่ไหนกันนะ