รีเซต

ดีว่ามาเอง!! เจนนิเฟอร์ คิ้ม เปิดใจยอมปรับค่าตัวเพื่อความอยู่รอด เผยส่งเงินช่วยผู้มีพระคุณหลักแสน

ดีว่ามาเอง!! เจนนิเฟอร์ คิ้ม เปิดใจยอมปรับค่าตัวเพื่อความอยู่รอด เผยส่งเงินช่วยผู้มีพระคุณหลักแสน
Entertainment Report_3
25 มกราคม 2564 ( 17:07 )
1.2K

ข่าวบันเทิงวันนี้

จากดีว่าตัวแม่ถือไมค์ร้องเพลงส่งเสียงสะกดคนฟังอยู่บนเวที แต่ ณ วันนี้ "เจนนิเฟอร์ คิ้ม" สวมมงอีกตำแหน่งเป็นดีว่าตัวแม่ของวงการออนไลน์ ขึ้นเป็นเป็น ยูทูปเบอร์ ที่ฝีปากเฉียบ ลีลารับส่งมุขเรียกว่าเด็ด ใครงัดข้อกับ "เจ๊คิ้มกินรอบวง" ได้คือต้องทำการบ้านมาดีมาก ๆ เพราะสยบฝีปากเธอไม่ลงจริง ๆ ล่าสุด เจนนิเฟอร์ คิ้ม ที่มาเยือนรายการ "ต้มยำอมรินทร์" ผลิตโดย CHANGE2561 ได้เล่าเรื่องราวการพลิกผัน จากดีว่าไปเป็นยูทูปเบอร์ตัวแม่ และประกาศลั่นกลางรายการกับข่าวเมาท์ที่ว่าจะออกจากวงการเพลงให้ตัวเองตายดีกว่า พร้อมกับเผยเรื่องส่งเงินช่วยผู้มีพระคุณด้วยเงินเป็นจำนวน 6 หลัก

เจนนิเฟอร์ คิ้ม ยอมปรับค่าตัวเพื่อความอยู่รอด เผยส่งเงินช่วยผู้มีพระคุณหลักแสน

เจนนิเฟอร์ คิ้ม ตอนนี้เป็นยูทูปเบอร์ที่มาแรงมาก ๆ ถึงขั้นติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับที่ 3?
เจนนิเฟอร์ คิ้ม : การที่เราติด Top 3 เพราะว่าแขกรับเชิญเพราะ ซานิ กับ หมอเจี๊ยบ ที่มารายการเราแล้วขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์เลยและตั้งแต่ทำมาคือวิวรายการพุ่งขึ้นเร็วที่สุดก็เทปของเขาทำให้รายการเรา เจ๊คิมกินรอบวง เทปนั้นคือสนุกมากแล้ว ซานิ คือแขกรับเชิญที่ประทับใจที่สุด เพราะเขาเป็นเหมือนลูกแม่ลูกสาวในฝันของเรา เพราะปกติเราจะมีแต่ลูกชายอย่าง โอ๊ย นิกกี้ เพราะลูกเราเหล่านี้เขาหาเงินเก่งนะคะ ถึงทรงเหมือนคนเลวแต่จิตใจดีเหมือนแม่ มีสัมมาคารวะมาก ๆ แต่ปากอีกอย่างหนึ่งนะคะ (หัวเราะ) เพราะเวลาคุยกับเพื่อนก็จะอีกแบบหนึ่ง แล้วพอลูกชายในฝันมีแล้ว ก็อยากได้ลูกสาวในฝัน คือ ต้องไม่กลัวผู้ชาย (ผู้ชายต้องกลัว) หน้าทน เป็นคนสนุกแล้ววันที่ ซานิ เขามาออกรายการเราหัวเราะจนแบบว่าเทปต่อไปเป็นของใครก็ชั่งฉันไม่สนใจแล้ว แล้วคือ เทปนั้นพีคมากเพราะการที่คนมารายการนี้ไม่ได้ง่ายนะคนนั้นจะต้องคุยเก่งคุยแล้วมีความรู้สึกเหมือนว่าเป็นแม่ลูกกัน เป็นเพื่อนกับคนดูแล้วก็เป็นพี่ ๆ น้อง ๆ กับนักดนตรี(อันนี้ยากต้องอาศัยประสบการณ์) ของเขาเองเพราะเขาร้องเพลงกลางคืนมาก็น่าจะเจริญรอยตามแม่เพราะอีกหน่อยมันก็คงใช้เงินซื้อ(หัวเราะ)

ต้องบอกว่าเป็นดีว่าตัวแม่อยู่บนเวทีมา 30 กว่าปีตอนนี้เปรี้ยง กลายมาเป็นตัวแม่ของวงการออนไลน์?
เจนนิเฟอร์ คิ้ม : ต้องขอบคุณทีมงานของ ซีเนริโอ ที่มองเห็นเราเพราะตอนแรกที่เราทำมียอดแค่สองหมื่นกว่า ๆ เองแต่เขาก็กล้าที่จะทำรายการนี้ขึ้นมาซึ่งมีทั้งคุยกินร้องเพลง ซึ่งโลกของยูทูปเราก็ยังไม่เข้าใจแล้วเรารู้สึกว่ายากเกินไปสำหรับเราปกติเราคือที่เราทำงานมาหายใจปกติแบบนี้ แต่โลกยูทูปเหมือนโลกใต้น้ำคุณต้องคิดอีกแบบหายใจอีกแบบหนึ่ง คุณต้องมีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนคุณต้องเปิดเผยมากกว่าศิลปิน และปกติแล้วการที่ศิลปินหรือคนในวงการบันเทิงจะมีระยะห่างมากนะกับแฟน ๆ ถึงแม้เราจะเป็นกันเองก็จริงแต่การเป็นกันเองคือ ด้วยมารยาทด้วยจรรยาบรรณ ด้วยทุกอย่างที่เราเป็นกันเอง แต่ความปล่อยให้คนรู้จักเราลึก ๆ คือการเป็นยูทูปเบอร์ เราจะปล่อยเต็มที่ มันก็ขัดกันอยู่กับการที่ถ้าเรากลับไปยืนถือไมค์เป็นดีว่ามันขัดกันอย่างแรง ขัดกับนิสัยส่วนตัวคือเป็นคนที่พูดมากก็จริง แต่กลับไปอยู่ที่บ้านสามารถอยู่ในคอนโดโดยที่ไม่ได้เจอใครไม่ได้รับโทรศัพท์แค่ตอยไลน์ไม่ได้คุยกับใครก็สามารถทำได้

นอกจากยอมที่จะปรับตัวจากตัวแม่ดีว่ายืนอยู่บนเวทีมาอยู่ในออนไลน์แล้ว ตอนนี้ก็ยอมที่จะปรับค่าตัวด้วยเพราะเมื่อก่อนหน้านี้ถ้าไม่แตะหกหลัก เจนนิเฟอร์ คิ้ม ไม่ลุกจากเตียงนอน?
เจนนิเฟอร์ คิ้ม : คนที่จะอยู่ในยุคนี้คือ คนที่ปรับตัวเป็นบางที่เรื่องของมีจุดยืนความเป็นตัวของตัวเองมาก ๆ มันกินเข้าไปไม่ได้ เราไม่ได้พูดถึงเรื่องศักดิ์ศรีหรือว่าอะไรเราพูดถึงเรื่องการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดของเรา (เพราะเราไม่อยากจะคิดแบบนั้น ไม่ถึงหกหลักเราไม่ไป เพราะเรามีความรู้สึกว่าทุกวันที่เราขับรถผ่านคนขายหมูปิ้งก็ยังคงขายเหมือนเดิม ขายเก็บขยะก็ยังคงเก็บที่เดิมคนเราทุกคนเหมือนกันนะคือ เงินมากินอยู่ ป่วยรักษาโรค แล้ววันหนึ่งเราก็ต้องตายไปเราก็เหมือนพวกเราเหมือนกันหมด) เราก็พยายามคิดให้ได้ว่าคนที่เอาตัวรอดได้คือคนที่ปรับตัวเป็น แล้วไม่ยึดกับตัวเองมากเกินไปนะ อย่างเราเป็นคนขี้กลัว อย่างเราเงียบไปนาน ๆ แล้วไม่ทำอะไรเลยแล้วเงินที่ใช้อยู่หมดก็จะพร่องแต่อีกสิ่งหนึ่งที่จะพร่องในใจเราคือ คนไม่ทำอะไรคือคนไม่มีค่า เราก็เคยเผลอมีอีโก้ซึ่งใคร ๆ ก็เคยเผลอเพราะเราเป็นคนที่ไม่เคยมีใครให้ความสำคัญแล้วมีคนให้เราเริ่มที่จะสุรุ่ยสุร่ายความเป็นตัวของตัวเองอารมณ์เราก็สุรุ่ยสุร่ายไป แต่คนที่รู้จักชีวิตจะรู้เองว่าเราต้องกลับตัวเร็วๆปรับตัวเร็วๆก่อนที่คนจะเกลียด เพราะถ้าเพื่อนช้างตัวเราเริ่มหมั่นไส้แล้วเตือนแล้วว่า เปลี่ยนไปนะ (แล้วเรามีความสุขรู้ว่าไม่อันนี้ไม่อยากทำ อันนั้นไม่ได้ไม่ใช่ฉัน) ถ้ามีคำว่า ไม่ใช่ฉัน คือไม่ใช่แล้วเพราะมันคือการคิดไปเองว่าไม่ใช่ฉัน ทำไมไม่โปรเฟสชั่นแนลฉันไม่ทำ (ซึ่งคำนี้มาจาก หนุ่ม กะลา พูดว่า คนโปรเฟสชั่นแนล คือคนที่เป็นมืออาชีพจริง ๆ ต่อให้สิ่งรอบข้างไม่ โปรเฟสชั่นแนล ส่วนคนไม่โปรเฟสชั่นแนล คือ ต้องการให้ทุกสิ่งโปรเฟสชั่นแนล แล้วตัวเองคือ ไม่โปรเฟสชั่นแนล) 

ตอนนี้มาดังเปรี้ยงทางยูทูปออนไลน์มาก ๆ จนมีเสียงเข้ามาว่า เจนนิเฟอร์ คิ้ม เลิกร้องเพลงแล้วเหรอ?
เจนนิเฟอร์ คิ้ม : ถ้าคำถามนี้ถามว่า เจนนิเฟอร์ คิ้ม ตายแล้วง่ายกว่า (หัวเราะ) จะเลิกร้องเพลงคือต้องไม่มีใครจ้างเราแล้ว อย่างเราเคยไปในที่ที่เจ้าของจ้างเราไปแต่ไม่มีคนอยากฟังเรา ไม่เข้าใจเรา อย่างมีเคยไปงานไปร้องแต่เขาจับรางวัลก่อนแล้วพอเราจะขึ้นร้องคือคนหายไปหมดเลย (หัวเราะ) 

และอีกเรื่องหนึ่งคือ เจนนิเฟอร์ คิ้ม เป็นคนที่ประหยัดมากถึงขึ้นชื่อว่า งก?
เจนนิเฟอร์ คิ้ม : เป็นคนงกกับตัวเองแต่จะสปอร์ตกับคนอื่น เรางกกับตัวเองอย่างเราจะใช้จ่ายอะไรหรือซื้ออะไรให้ตัวเอง อันนี้ร้อยกว่าบาทเลยเหรอไม้นิดเดียวเองก็ไม่กินเลยไม่ซื้อให้ตัวเอง แต่ว่าเวลาที่เราไปเจอพนักงานที่เขาดูแลเราดี ๆ เราก็ให้เงินเป็นน้ำใจเขา อย่างยกตัวอย่างที่เราไปเติมน้ำมันก็จะให้ทุกครั้งสี่สิบบาทก็เป็นปกติที่เราพึ่งพอใจ เพราะเราร้องเพลงกลางคืนมาเราก็จะเห็นพนักงานที่พอเขาได้เงินที่เป็นน้ำใจพวกนี้มาเขาก็จะดีใจในสิ่งนั้นมากเราก็จำมา เมื่อวันหนึ่งเราพอทำให้ได้เราก็ให้ อย่างวันเกิดพ่อเราเลี้ยงโต๊ะหมดไปสามหมื่นเราให้ค่าบริการพนักงานห้าพัน

เห็นว่าล่าสุด เจนนิเฟอร์ คิ้ม ช่วยคนคนหนึ่งเป็นเงินหลักแสนเลย? 
เจนนิเฟอร์ คิ้ม : เราเป็นคนที่เรียงลำดับความสำคัญกับผู้มีพระคุณของเราช้าหรือเร็วเราก็ต้องได้ผลตอบรับนั้นคืน ซึ่งก็คือเป็นความดีที่เราพอทำได้เพราะเราไม่ได้ชอบออกไปทำบุญที่ไหนเราชอบทำทานมากกว่า คือ พี่คนนี้เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วเรายังไม่ได้มีชื่อเสียง พี่ฉอด สายทิพย์ ก็ยังไม่ได้พาขึ้นคอนเสิร์ตสโนว์คิ้มเราก็ยังไม่ได้มีเงินมีทองอะไร แต่เราอยากจะซื้อบ้านให้พ่อแม่อยู่ แต่เรายังไม่มีเงินดาวน์เงินเท่าไหร่ แต่เรื่องมีอยู่คือธนาคารต้องยอมให้เราทำเรื่องผ่าน ซึ่งพี่คนนี้เขาสนิทกับเจ้าของโครงการเขาพูดคำเดียวเจ้าหน้าที่ธนาคารเขามาถึงเขาให้เราเซ็นทุกอย่างคือเรียบร้อย คือเราไม่มีเขาเราไม่มีที่คุ้มกะลาหัวไม่บ้าน เหมือนไม่มี พี่ฉอด เราก็ไม่มีอนาคตมาไกลถึงวันนี้ แต่เมื่อช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาเราไม่ได้เจอพี่คนนี้มาสิบกว่าปี พี่คนนี้เขาล้มละลายเป็นโรคนั้นนี่ ไม่สบายมากแล้ว 70 กว่าอยู่กับเมียสองคนบ้านกำลังจะโดนยึด เขาก็เขียนเป็นจดหมายมาหาเราแล้วก็ให้เบอร์มาเราก็ให้พี่สาวโทรกลับไปก็ใช้เป็นเสียงเขาเราก็โอนเงินกลับไปให้เขาสองแสน เราคิดว่าถึงจะสองล้านก็ยังไม่มากเกินกว่าที่เขาทำให้พวกเราทำให้พ่อแม่เรามีที่อยู่ที่อาศัย ซึ่งเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดามาก ๆ

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :