(ภาพปกถ่ายโดยผู้เขียน) เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินชื่อ นครเชียงตุง ไม่ว่าจะจากละครหรือสื่อต่าง ๆ บางคนอาจเคยไปเยือนเมืองนี้มาแล้วด้วยซ้ำ เราเองก็เป็นคนหนึ่งที่สนใจเชียงตุงมาก สาเหตุที่ทำให้สนใจก็คือละคร มีละครไทยหลายต่อหลายเรื่องที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเชียงตุง และพล็อตเรื่องมักจะสนุกน่าสนใจ เรื่องเครื่องแต่งกายยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะงดงามแปลกตา เมื่อมีโอกาสเราจึงหาข้อมูลเกี่ยวกับเชียงตุง ยิ่งได้อ่านประวัติเรื่องราวโดยละเอียด ยิ่งทำให้อยากไปเยือนเชียงตุงสักคร้ัง ช่วงนี้หลายคนคงทริปล่มเพราะการระบาดของไวรัสโควิด 19 เอาเป็นว่าอ่านไกด์บุ๊คของสถานที่ต่าง ๆ ที่อยากไป แล้วเก็บข้อมูลไว้ก่อน รอวันพร้อมค่อยเริ่มออกเดินทางกันอีกคร้ัง เราเองก็ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับเชียงตุงไปเรื่อย ๆ พร้อมเมื่อไรจะรีบไปทันที ก่อนที่ความเจริญจะเข้ามากลืนกินทุกอย่าง ส่วนใหญ่เราจะหาข้อมูลเกี่ยวกับเชียงตุงจากอินเทอร์เนต จนกระทั่งเห็นเพจหนึ่งทาง Facebook ลงขายหนังสือ นครเชียงตุง เราสนใจมาก และต่อมยิ่งถูกกระตุ้นเมื่อรู้ว่า ข้อมูลในหนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวที่ถ่ายทอดจากเจ้านางสุคันธา ราชธิดาเจ้าฟ้าเชียงตุง(ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) ปกหน้าของหนังสือ หนังสือ นครเชียงตุง เขียนโดย อาจารย์ไพศาล จั่วทอง อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ท่านนีความสนใจประวัติศาสตร์ของล้านนนาและเชียงตุง อาจารย์ได้รู้จักกับเจ้านางสุคันธา ซึ่งเจ้านางได้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ในความทรงจำให้อาจารย์ฟัง และอาจารย์ได้ถ่ายทอดเรื่องราวลงในหนังสือเล่มนี้ (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) ผู้แต่งหนังสือ เราเองไม่แน่ใจว่าหนังสือเล่มนี้มีจำหน่ายที่ไหนบ้าง โดยส่วนตัวสั่งซื้อผ่านหน้าเพจ Facebook ในเล่มแจงว่ารายได้จากการจำหน่ายหนังสือทั้งหมดมอบให้มูลนิธิสายใจไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ราคาปกของหนังสืออยู่ที่ 400 บาท ภายในเล่มมีรูปภาพเก่า ๆ ของเชียงตุงเยอะมาก ทั้งภาพสีและภาพขาวดำ บทแรกของหนังสือเล่าประวัตินครเชียงตุง ขอเล่าให้ฟังสั้น ๆ ว่า นครเชียงตุงตั้งอยู่ในรัฐฉานตะวันออกของประเทศเมียนมาร์ในปัจจุบัน ทิศใต้ของเชียงตุงติดกับอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ตามตำนานเล่าว่า ตัวเมืองเชียงตุงอยู่ในสภาพที่เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ ส่วนที่พ้นน้ำเรียกว่า จอมคำ จอมมน และจอมสัก ต่อมาตุงคฤาษีอธิษฐานว่าจะสร้างเมือง และใช้ไม้เท้าขีดเป็นเส้นทางเดินน้ำ น้ำจึงไหลออกจากตัวเมืองกลายเป็นแม่น้ำหนังสือแสดงแผนผังเจ้าผู้ครองนครเชียงตุง โดยเริ่มจาก เจ้ามหาขนาน หรือเจ้าดวงแสง (พ.ศ. 2356-พ.ศ. 2400) มาจนถึงเจ้าผู้ครององค์สุดท้าย ซึ่งก็คือ เจ้าฟ้าชายหลวง (พ.ศ. 2489-พ.ศ. 2504) และยังมีภาพถ่ายของเจ้าผู้ครองนครสามองค์สุดท้ายได้แก่ เจ้าฟ้ารัตนก้อนแก้วอินแถลง (เจ้าพ่อของเจ้านางสุคันธา) เจ้าฟ้าก๋องไต (เจ้าพี่ของเจ้านางสุคันธา) และเจ้าฟ้าชายหลวง (มีศักดิ์เป็นหลานของเจ้านางสุคันธา)(ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) คำโปรยปกหลังเรื่องราวที่น่าสนใจคือ ความสัมพันธ์ระหว่างสยามกับเชียงตุง ซึ่งมีมาต้ังแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 จนกระทั่งตอนที่เกิดสงครามโลกคร้ังที่สอง รัฐบาลไทยสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เข้าร่วมกับญี่ปุ่นซึ่งทำสงครามกับอังกฤษ รัฐบาลไทยจึงเข้ายึดเมืองเชียงตุงและปกครองอยู่สามปี เจ้านางสุคันธาเล่าความทรงจำเกี่ยวกับบุคคลต่าง ๆ ขอยกตัวอย่างดังต่อ่ไปนี้เจ้าฟ้ารัตนก้อนแก้วอินแถลง เจ้าฟ้าหลวงนครเชียงตุง (เจ้าพ่อของเจ้านางสุคันธา) เจ้าฟ้าองค์นี้เป็นผู้นำความเจริญมากมายมาสู่เชียงตุง เจ้านางเทพธิดา (เจ้าพี่ของเจ้าฟ้ารัตนก้อนแก้วอินแถลง และเป็นเจ้าป้าของเจ้านางสุคันธา) เจ้านางเป็นบุคคลที่น่าสนใจ เพราะมีอุปนิสัยห้าวหาญ กล้าได้กล้าเสีย และใช้ชีวิตโลดโผน ตอนแรกมีฐานะมั่งคั่ง แต่ต่อมามีปัญหาจากการประกอบธุรกิจจนทรัพย์สมบัติร่อยหรอ แต่ก็ยังคงดำรงชีวิตอยู่อย่างสดชื่นแจ่มใสเจ้าฟ้าพรหมลือ (เจ้าพี่ของเจ้านางสุคันธา) สมรสกับเจ้าทิพวรรณ ณ ลำปาง ต่อมาได้ย้ายมาพำนักอยู่ที่เชียงใหม่จนสิ้นชีวิต โดยตั้งนามสกุลว่า ณ เชียงตุงเจ้าฟ้าก๋องไต (เจ้าพี่ของเจ้านางสุคันธา) ขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองนครต่อจากเจ้าฟ้ารัตนก้อนแก้วอินแถลง แต่ถูกลอบยิงจนเสียชีวิตในงานวันออกพรรษาเจ้าฟ้าชายหลวง (หลานของเจ้านางสุคันธา) เป็นเจ้าผู้ครองนครเชียงตุงองค์สุดท้าย(ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) ปกหลังของหนังสือ หนังสือมีภาพบุคคลที่หาดูได้ยาก นอกจากนี้ยังมีภาพงานประเพณี การใช้ชีวิตประจำวันของชาวเชียงตุงในสมัยก่อน ซึ่งเราว่าน่าสนใจมาก บทสุดท้ายของหนังสือกล่าวถึงโบราณสถานในนครเชียงตุง ถ้าใครมีแพลนว่าจะไปเที่ยวเชียงตุงและสนใจประวัติศาสตร์ สถานที่ต่าง ๆ ที่แนะนำไว้ในบทนี้คือจุดที่ไม่ควรพลาด หากใครเป็นคอประวัติศาสตร์และสนใจเรื่องของเชียตุง หนังสือ นครเชียงตุง เป็นเล่มที่ควรหามาอ่าน เพราะอัดแน่นไปด้วยเรื่องราวน่าสนใจที่ได้รับการถ่ายทอดจากเจ้านางสุคันธาผู้เป็นประจักษ์พยานของเรื่องราวในอดีต นอกจากนี้ยังมีภาพที่เราไม่เคยเห็นจากอินเทอร์เนต อย่างเจ้านางองค์ต่าง ๆ ถือเป็นหนังสืออีกเล่มที่ทรงคุณค่าและควรแก่การสะสม