Short CommentMoving (2023)ดุเดือดเข้มข้นสุดเร้าใจเล่าด้วยชั้นเชิงเหนือๆโดยมีเบื้องหลังเป็นงานดราม่าครอบครัวเยี่ยมๆในช่วงที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้ว่ามีซีรีส์เกาหลีเรื่องหนึ่ง (ขออนุญาตเรียกว่าซีรีส์เพราะไม่ได้ออกอากาศแบบละครเกาหลีทั่วไป) ที่ครองใจคนดูอย่างสูงสุดขนาดที่เรียกว่าใครได้ดูเป็นอันติดงอมแงม หนึ่งในนั้นคือดูไปบ่นไปที่เริ่มแรกก็ดูเองคนเดียวทำให้การรอคอยบ่ายวันพุธเป็นที่กระวนกระวายเพราะซีรีส์ทำออกมาได้อย่างสนุกน่าติดตามจนกระทั่งเมื่อออกอากาศได้ประมาณหนึ่งผู้เขียนจึงชวนให้คุณแม่บ้านดู ปรากฏว่าคุณแม่บ้านก็ไม่ต่างกันคืออาการติดงอมแงมและดูตามทันในเวลาอันสั้นเพื่อมารอคอยสองตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อ แล้วหลังจากนั้นคือคืนวันพุธผู้เขียนและคุณแม่บ้านจะดูซีรีส์เรื่องนี้ด้วยกันจนมาถึงวันที่บทสรุปส่งท้ายเมื่อคืนที่ผ่านมา (20 กันยายน) เราสองคนคือไม่ไปไหนเลยหลังจากมื้ออาหารค่ำก็เปิดโทรทัศน์เพื่อดูสามตอนสุดท้ายของซีรีส์เรื่องนี้ ซึงถ้านับจากตรงนี้ที่ไม่เคยเป็นแบบนี้คือคืนวันพุธโดยเฉพาะพุธสุดท้ายที่ซีรีส์ออกอากาศคือผู้เขียนกับคุณแม่บ้านตั้งใจจะอยู่บ้านไม่ออกไปไหน นั่นหมายความว่ามีหลายคนหลายครอบครัวเป็นเช่นเดียวกันซึ่งก็หมายความว่านี่อาจเป็นซีรีส์แห่งปีนี้ก็ย่อมได้ที่โรงเรียนมัธยมปลายจองวอนมีนักเรียนหญิงย้ายเข้ามาใหม่คือจางฮีซู (โกยุนจอง) ซึ่งการมาระหว่างเทอมของจางฮีซูก็ไปต้องตาของนายเจี๋ยมเจี้ยมคิมบงซอก (อีจองฮา) และหัวหน้าห้องผู้เงียบขรึมอีคังฮุน (คิมโดฮุน) ซึ่งจางฮีซูมีพ่อที่เป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวคือจางจูวอน (รยูซึงรยง) ที่เปิดร้านไกทอดเจ้าของสโลแกนสดใหม่แม้ตายแล้วส่วนคิมบงซอกมีแม่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเปิดร้านทงคัตสึคืออีมีฮยอน (ฮันฮโยจู) ส่วนคิมคังฮุนมีพ่อเป็นผู้บกพร่องทางสมองที่เปิดร้ายขายของชำคืออีแจมัน (คิมซังคยุน) ระหว่างนั้นมีชายปริศนานามว่าแฟรงค์ (รยูซึงบอม) กำลังตามล่าเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองที่เกษียณไปแล้วแต่ที่ไม่ปกติคือคนที่ถูกตามล่าคือคนที่มีพลังพิเศษหรือที่เรียกว่ามนุษย์เหนือธรรมขาติและหนึ่งในนั้นมีลูกชายเป็นคนขับรถเมล์คือจอนกเยโด (ชาแทฮยอน) ระหว่างนั้นเรื่องก็เปิดเผยว่าจางฮีซูมีพลังพิเศษเช่นกันคือเธอสามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้ส่วนคิมบงซอกสามารถลอยได้และอีคังฮุนโดดเด่นเรื่องพละกำลังและความเร็ว แล้วเมื่อภัยกำลังมาคุกคามลูกๆรุ่นพ่อแม่ที่ส่งต่อพลังมาสู่ลูกอาจต้องเปิดเผยตัวเองเล่าด้วยชั้นเชิงที่เหนือๆในจุดร่วมจุดเดียวโดยเล่าหลายมุมแต่กลับเป็นความลงตัว จะว่าไปเรื่องนี้ก็มีอารมณ์การ์ตูนอยู่นั่นคงเป็นเพราะนี่คืองานแนวซุปเปอร์ฮีโร่มนุษย์เหนือธรรมชาติที่ถูกเผยแพร่มาก่อนในรูปแบบเว็ปตูน ทำให้ในบางจังหวะการตัดไปเล่าอดีตในขณะที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มก็คือชั้นเชิงที่เห็นในการ์ตูนหรือมังงะไม่ต่างกัน แต่สิ่งที่เหนือชั้นคือการวางจุดหมายไว้แล้วเดินไปโดยที่ไม่เล่านับหนึ่งถึงร้อยแต่แบ่งเรื่องที่จะเล่าออกเป็นส่วนๆ ทั้งยังไม่เรียงตามเวลาคือเล่าจากหลายมุมคือจากผลก่อนในเจ็ดตอนแรกก่อนที่จะไปเล่าต้นเหตุในเจ็ดตอนหลังซึ่งอาจไม่ได้ระบุไว้แต่ก็เห็นว่าเป็นการแบ่งส่วนชัดเจน หลังจากนั้นเมื่อคนดูรู้แล้วว่ากว่าจะมาถึงจุดที่ค้างไว้มีอะไรเกิดขึ้นบ้างจุดตัดกันของเหตุและผลก็พาเรื่องเดินไปข้างหน้าอย่างเต็มกำลัง นั่นหมายความว่าชั้นเชิงที่เอามาใช้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้การเล่าเรื่องแบบนี้เล่าสลับไปมาแบบนี้แต่กลับทำได้ดีไม่มีระทมกบาล เพราะไม่ว่าจะมองในมุมไหนก็ลงตัวไปหมดและการตัดสลับไปมาแบบนี้เองที่ทำให้ริ้วรอยที่มีประปรายทำอะไรความลงตัวไม่ได้เพราะแข็งแรงพอถ้าไล่เรียงเหตุการณ์จะพบว่าพัฒนาการของเรื่องเดินหน้าไปอย่างมั่นคงเพื่อไปสู่บทสรุปที่ทรงคุณค่า อาจเล่าไม่เรียงเวลาทิ้งรอยปริศนาไว้ตามทางให้คิดไปได้ต่างๆนาๆ ซึ่งนั่นคือกุศโลบายแยบยลที่ท้าทายสมองให้ยึดติดกับตัวเรื่องอันส่งผลต่อการติดตามและสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือการไม่เรียงเวลานั่นเอง เพราะการเล่าเรื่องโดยทิ้งท้ายไว้เพื่อไปเล่าอีกเรื่องหนึ่งเพื่อมายังจุดร่วมในแต่ละเรื่องที่ชัดเจนในเจ็ดตอนแรกและเจ็ดตอนหลังเพื่อจะมารวมกันในตอนที่สิบห้าที่เดินหน้าอย่างเมามัน ซึ่งการเล่าแบบที่เป็นอาจมีบางที่มองได้ว่าเรื่องไม่เดินไปข้างหน้าหรือหยุดอยู่กับที่แต่เมื่อมาคิดดูอีกทีคือการเรียงเวลาเอาเองกลับเห็นพัฒนาการที่มาแบบเนียนๆ เพราะการเล่าให้เร้าใจก่อนในเจ็ดตอนแรกก่อนจะมากินใจจับใจในเจ็ดตอนหลังซึ่งคือการย้อนไปหารากฐานที่แน่นหนาของเจ็ดตอนแรก แล้วเมื่อทุกอย่างเชื่อมต่อกันติดก็เดินไปสูไคลแม็กซ์ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าจะก้มหน้าก้มตาดุเดือดแต่ก็ยังเล่าได้มีพื้นฐานรองรับ จนทำให้เมื่อถึงบทสรุปสุดท้ายกลายเป็นสามตอนที่ไม่กล้าลุกไปเข้าห้องน้ำก่อนจะสรุปลงอย่างสมบูรณแบบและทรงคุณค่าความดุเดือดเร้าใจในเบื้องหน้าได้แรงสนับสนุนจากความเข้มข้นเชิงดราม่าที่อยู่เบื้องหลังทำให้กลายเป็นงานดราม่าครอบครัวชั้นเยี่ยม ถ้าคิดให้ดีเรื่องนี้มีจุดร่วมจุดเดียวในเบื้องหลังที่จะชัดในสามตอนสุดท้ายนั่นคือการปกป้องลูก ซึ่งก็มาจากสภาพครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์พ่อเลี้ยงเดี่ยวแม่เลี้ยงเดี่ยวหรือพ่อที่บกพร่องทางสมองที่มีที่มาของการขาดหายไปในชิ้นส่วนของครอบครัวที่ต่างกัน คือแม้จะเป็นมนุษย์เหนือมนุษย์แต่ก็ต้องการใช้ชีวิตอย่างมนุษย์ธรรมดาที่ผิดได้กลับตัวได้และปัจจัยก็คือความรัก ความรักที่ทำให้อยากปักหลักสร้างครอบครัวแต่แล้วโชคชะตาก็พรากความสมบูรณ์ของครอบครัวไป ทำให้แม้จะมีพลังพิเศษแต่ก็ต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบเพื่อดูแลของขวัญจากความรักก็คือลูก แล้วเมื่อลูกได้รับการสืบทอดพลังมาก็ยิ่งต้องปกป้องในมิติที่เข้มข้นต่างออกไปทำให้สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดช่องว่างและถึงที่สุดเมื่อลูกมีภัยพ่อแม่ก็พร้อมจะทุ่มทุกอย่างเพื่อปกป้องลูก ความหมายก็คือการประคับประคองครอบครัวด้วยความรักความเข้าใจและนี่คือพลังสนับสนุนให้ความดุเดือดในเบื้องหน้ามีสูงเพราะดราม่ามัดใจได้แล้วระดมนักแสดงแถวหน้ามาอย่างคับคั่งจึงเต็มไปด้วยเสน่ห์และพลังดาราที่มาพร้อมมาตรฐานการแสดงระดับสูง ที่ว่านักแสดงแถวหน้าก็คิดเอาว่าคงไม่มีอีกแล้วที่ระดับรยูซึงรยง,ฮันฮโยจู,โจอินซอง,ชาแทฮยอนและรยูซึงบอมในเรื่องเดียวหรือจะรวมพัคฮีซูด้วยก็ได้ หรือนักแสดงสมทบที่น่าสนใจที่เป็นแถวสองคุณภาพอย่างคิมซังคยุน,ควักซุนยองหรือคิมแฮวอนที่รับบทเด่นมาแล้วมากมายรวมถึงรุ่นใหม่ที่น่าจับตาทั้งโกยุนจอง,อีจองฮาและคิมโดฮุน ส่วนเรื่องการแสดงคงไม่ต้องไปสาธยายมากเพราะคนที่ได้ดูก็ได้พิสูจน์แล้วว่าในความอบอุ่นที่มีให้ความโรแมนติกที่มีมาหรือคราบน้ำตาที่อาบแก้มมาจากการแสดงที่มาตรฐานสูง ซึ่งถ้านักแสดงเล่นไม่ได้อารมณ์ร่วมของคนดูจะไปไม่ถึงจุดนั้นและรากฐานของความมันส์จะไม่แน่นกลายเป็นความสนุกที่กลวงซึ่งไม่ใช่กับเรื่องนี้ ส่วนหนึ่งมาจากพลังดาราและเสน่ห์ส่วนตัวก็จริงแต่การแสดงของเหล่านักแสดงที่หลายคนได้แจ้งเกิดไปตามๆกันก็ต้องชื่นชม แต่ส่วนตัวแล้วผู้เขียนชอบคิมซังคยุนคุณพ่อเสื้อแดงที่แสดงเป็นคนโง่ที่รักลูกสุดหัวใจได้อย่างจับหัวใจเหลือเกิน ไม่มีทางเลยที่จะคิดเป็นอื่นนอกจากจะบอกว่านี่คือซีรีส์ที่ความมันส์กับความกินใจผสานกันเป็นเนื้อเดียวกันได้อย่างน่าทึ่ง นี่คือซีรีส์ที่มีสามตอนสุดท้ายที่ไม่ต่างจากการดูหนังแอ็กชั่นดราม่าฟอร์มดีๆสักเรื่องหนึ่งซึ่งอัดความตื่นเต้นระทึกเร้าอะดรีนาลีนมาอย่างเต็มที่ จะว่าไปตลอดทางที่ผ่านมาที่เหมือนการเล่าเรื่องย่อยๆก็จะเป็นแบบนี้คือเล่าก่อนให้จับใจก่อนที่จะระเบิดมันออกมาในตอนท้ายที่เล่าได้ดีเพราะสามารถเข้าไปนั่งในใจคนดูได้ แล้วชิ้นส่วนย่อยๆเหล่านั้นเมื่อมาประกอบกันก็คือการพาคนดูไปสู่ระเบิดลูกใหญ่สนุกตื่นเต้นจนลุกจากที่นั่งไม่ได้ซึ่งก็คือการเล่าภาพเล็กเพื่อไปสู่ภาพใหญ่ด้วยการจับเอาหัวใจคนดูไปเป็นตัวประกัน นั่นหมายความว่าเรื่องย่อยๆที่ผ่านมาได้เข้าไปนั่งในใจคนดูพาตัวละครสำคัญๆให้เป็นที่รักเมื่อคนดูรักตัวละครอารมณ์ร่วมก็มาเต็มอาการเร้าใจก็มาหนัก กระนั้นตลอดทางก็ไม่ได้เคร่งตึงจนเกินไปเรียกได้ว่ามาครบจบทุกอารมณ์ในเรื่องเดียวเมื่อสนุกได้ก็ร้องให้ได้หรือหัวเราะก็ได้ทำให้กลายเป็นงานที่ต้องจดจำไปอีกเรื่อง แต่ส่วนตัวแล้วเสียดายที่ไม่เล่าเรื่องของคนโง่ให้มากกว่านี้ดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 จาก X Star+ Press อ่านบทความแง่มุมเชิงดราม่าครอบครัวของเรื่องนี้ได้ที่นี่https://entertainment.trueid.net/detail/dgWkMP4wYw5gเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !