Short CommentJurassic World: Dominion จูราสสิค เวิลด์ ทวงคืนอาณาจักร (2022)ยังคงบันเทิงได้อย่างที่ควรแต่ก็เหมือนเอาของเก่ามายำใหม่จนกลายเป็นงั้นๆถ้าจะมีหนังสักเรื่องที่กลายเป็นเป็นมรดกแห่งยุคสมัยที่ตกทอดมารุ่นต่อรุ่นก้าวข้ามเวลาและพัฒนาการจากอะนาล็อกมาสูดิจิตอลได้โดยที่ยังครองใจคนดูทุกเพศวัยได้ Jurassic Park : กำเนิดใหม่ไดโนเสาร์ (1993) อาจเป็นหนึ่งในเรื่องที่คู่ควร เพราะเมื่อสามสิบปีที่แล้วดูไปบ่นไปก็คือหนึ่งในคนที่ตื่นใจจนอ้าปากค้างเมื่อได้เห็นไดโนเสาร์มาโลดแล่นบนจออย่างสมจริง แล้วหลังจากนั้นก็สะสมตั้งแต่เป็นม้วนวีดีโอแล้วเปลี่ยนรูปแบบไปก็ยังหามาเก็บไว้เพื่อที่ส่งต่อสู่รุ่นลูกซึ่งผู้เขียนส่งผ่านมาแล้วสองคน แน่นอนลูกๆของผู้เขียนดูสนุกในทุกเรื่องของหนังชุดนี้อาจเพราะไดโนเสาร์คือจินตนาการในวัยเด็กของเด็กๆทุกคนกระมังแต่ตัวหนังที่สนุกก็ต้องชื่นชม จนวันนี้ไม่น่าเชื่อว่าตั้งแต่หนังภาคแรกออกฉายลูกชายคนแรกของผู้เขียนยังไม่เกิดกับปรากฏการณ์เสริมเก้าอี้พับในโรงหนังที่เด็กรุ่นนี้คงไม่มีประสบการณ์แบบนั้นแล้ว จนวันนี้หนังชุดนี้เดินทางมาไกลมากจากลูกคนโตมาสู่ลูกคนเล็กที่ได้ดูสองภาคก่อนหน้าในโรงทุกทีแต่กับเรื่องนี้พลาดโอกาสเพราะเป็นนักเรียน ม.ต้นแล้วอยู่โรงเรียนประจำจึงเพิ่งมาได้ดูตอนนี้ทางสตรีมมิ่งที่เขายังดูสนุกแต่ว่า....หลังจากที่อาณาจักร Jurassic World ล่มสลายและไดโนเสาร์ที่ถูกพามาขึ้นฝั่งได้เตลิดไปทั่วแล้วก็มาถึงวันที่มนุษย์และไดโนเสาร์ต้องปรับตัวใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน แต่หลังจากมีเหตุการณ์ตั๊กแตนยักษ์ที่มี DNA ดึกดำบรรพ์โจมตีพืชไร่ Dr.Ellie Sattler (Laura Dern) จึงไปขอความช่วยเหลือจาก Dr.Alan Grant (Sam Neill) เพื่อไปสืบหาต้นตอที่ศูนย์วิจัยของ Biosyn เอกชนรายใหม่ที่เข้ามาบริหารจัดการไดโนเสาร์โดยมี Dr.Ian Malcolm (Jeff Goldblum) คอยให้ความช่วยเหลือ ขณะที่ Owen (Chris Pratt) กับ Claire (Bryce Dallas Howard) ก็พา Maisie (Isabella Sermon) หนีการติดตามมาอยู่ในป่าพร้อมเจ้าบลูไดโนเสาร์แร็ปเตอร์ที่ตอนนี้มันมีลูกตัวเล็ก แต่ถึงที่สุดคนของ Biosyn ก็ตามมาเจอแล้วจับ Maisie กับแร็ปเตอร์น้อยไปเพื่อทำการทดลอง Owen กับ Claire จึงต้องตามไปช่วยจากการช่วยเหลือของ Kayla (DeWanda Wise) จนเมื่อถึงที่นั่นอะไรก็ไม่เป็นใจคณะของสามด็อกเตอร์ก็ต้องหนีไดโนเสาร์ไม่ต่างจากพวกของ Owen จนเมื่อมาเจอกันก็ไม่ต้องคิดมากเพราะสุดท้ายก็วิ่งกันป่าราบทุกทีตั้งใจมาเพื่อบันเทิงเลยกลายเป็นความบันเทิงเต็มที่อย่างที่ควร จากปากคำคนรักหนังตัวเล็กที่ปัจจุบันอายุสิบสี่และดูหนังชุดนี้มาไม่รู้กี่รอบเพราะเด็กๆจะชอบไดโนเสาร์และเขามีความรู้เรื่องไดโนเสาร์ดีมากพอตัวบอกกับผู้เขียนว่า จุดเริ่มต้นจากความเป็นหนัง Horror ใน Jurassic Park ชุดแรกแล้วเปลี่ยนมาเป็นงาน Sci-Fi ขายความสนุกตื่นเต้นเต็มที่ในชุด Jurassic World ที่ดูสนุกซึ่งผู้เขียนก็เห็นตามนั้น และทุกภาครวมถึงภาคนี้ยังมีอะไรให้เล่นมีประเด็นให้จับกับเรื่องของมนุษย์ที่ต้องการเป็นพระเจ้าแม้จะเล่าด้วยคอนเซปต์เดิมจากชุดแรกแต่ก็เป็นความตื่นตาตื่นใจเพราะการทิ้งช่วงจากชุดก่อนมายังชุดนี้มีความถวิลหาเป็นองค์ประกอบ สิ่งที่ตามมาคือคนดูดูสนุกไปกับไดโนเสาร์ที่มาทั้งของเก่าให้หายคิดถึงของใหม่ก็กลายมาเป็นขวัญใจคนดูรุ่นเยาว์ ทว่าถ้าลองคิดให้ดีหนังชุดนี้ก็เหมือนตั้งใจมาเอาใจคนดูรุ่นเยาว์มากกว่าจนมาถึงภาคนี้ที่เป็นภาคสามของชุดนี้ยิ่งชัดเพราะอัดความบันเทิงมาไม่ยั้ง กับสถานการณ์การเอาตัวรอดที่มาแทบไม่มีให้หยุดพักกับไดโนเสาร์ใหม่ๆทำให้คนดูที่ไม่คิดอะไรอย่างคนรักหนังตัวเล็กถึงกับนั่งไม่ติด ถ้าดูมาทุกภาคจะรู้ว่าหยิบเอาของเก่ามายำใส่ภาคนี้ที่อาจเป็นเรื่องของแรงบันดาลใจหรือไม่เหลืออะไรให้เล่น สำหรับภาคนี้ถ้าได้ดูมาตั้งแต่ภาคแรกโดยเฉพาะภาคแรกจะเห็นเลยว่ามีหลายอย่างที่เป็นชิ้นส่วนของความทรงจำไม่นับการกลับมารวมตัวกันของทีมนักแสดง ฉากหลายฉากสถานการณ์หลายสถานการณ์หรือตัวละครบางคนก็เห็นชัดว่าตั้งใจมาเพื่อสร้างอารมณ์ถวิลหาให้กับแฟนรุ่นเก่า แน่นอนมองได้ว่าเป็นเรื่องของแรงบันดาลใจแต่หนังชุดนี้ก็ใช้แรงบันดาลใจมามากแล้วจากสองภาคแรกเมื่อโครงเรื่องไม่ต่างจากงานชุดก่อนหน้าและหลายชิ้นส่วนเคยถูกหยิบจับมาใช้ ทำให้ในความรู้สึกของแฟนรุ่นเก่าจริงๆที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตและพรรษาการดูหนังมากับหนังชุดแรกกลับมองว่าเหมือนไม่เหลืออะไรให้เล่นไม่มีทางไปหรือเรียกง่ายๆว่าตันแล้วทางไอเดีย ที่ง่ายที่สุดคือการหยิบเอาลูกเล่นเก่าๆที่เคยใช้ได้เอามาปรับใหม่ให้หายคิดถึงแต่จะเหลือสักกี่คนที่คิดถึงเพราะอย่างที่บอกคือหนังชุดนี้อาจเป็นหนังที่คนดูดูซ้ำบ่อยที่สุดชุดหนึ่งในโลกด้วยความเป็นมรดกอย่างที่เกริ่นมา จนบางเวลาบางมุขก็ใช้ไม่ได้ไม่ส่งผลอะไรกับความรู้สึกบางอย่างก็ควรถึงเวลาแล้ว กับสามสิบปี (ถ้านับปีที่ออกฉายก็ยี่สิบเก้าปี) จากหนังภาคแรกมาจนภาคล่าสุดนี้สิ่งที่เป็นเลยคือหนังไม่เคยมีหนังที่แย่แม้กระทั่งเรื่องนี้ก็ไม่แย่ แต่การที่หนังไม่เหลือทางไปไม่เหลืออะไรให้เล่าแล้วที่ทางจึงเหลือจำกัดเพราะตั้งแต่หนังเรื่องแรกออกมาเมื่อสามสิบปีก่อนคนดูก็ได้ดูไดโนเสาร์มามากพอ เพียงแต่หนังชุดนี้มีจิตวิญญาณมีหัวใจของตัวเองมีอารมณ์ความรูสึกที่แฟนรุ่นเก่ายังต้องการและไดโนเสาร์ก็ยังขายได้กับแฟนรุ่นใหม่เน้นไปที่รุ่นเล็ก ด้วยงานด้านเทคนิคที่พัฒนาขึ้นก็ทำให้ความตื่นตาตื่นใจมากขึ้นซึ่งได้ใจคนดูแน่นอน แต่บางครั้งการดูอะไรซ้ำๆไม่มีพัฒนาการเชิงประจักษ์ก็เกิดความอิ่มตัวและกับภาคล่าสุดนี้เป็นแบบนั้นเพราะเหมือนดูหนังเรื่องเดิมแต่เปลี่ยนสถานที่เพราะสถานการณ์การวิ่งป่าราบการเอาตัวรอดก็เหมือนผ่านตามานับครั้งไม่ถ้วน แล้วเมื่อตั้งใจไปใส่ตรงนั้นเต็มที่เรื่องของหัวใจที่พยายามติดมาไว้บ้างก็ไปไม่ถึงฝั่งฝัน จนเมื่อดูจบที่ยอมรับว่ายังดูสนุกแต่ความตื่นเต้นระทึกใจเหลือน้อยเต็มทีอาจจะน้อยที่สุดสำหรับหนังชุดนี้ที่เมื่อดูภาคแรกซ้ำอาจจะสนุกกว่าจนคิดว่าน่าจะถึงเวลาสิ้นสุดได้แล้วรวมเอานักแสดงทั้งชุดเก่าและชุดใหม่มาใส่รวมกันทำให้ได้เรื่องทางอารมณ์กับผู้สูงวัย ถ้าจะให้บอกว่าสิ่งดีที่สุดในภาคนี้คืออะไรสำหรับผู้เขียนแล้วคือการเอาทีมนักแสดงชุดเก่ากลับมาขึ้นจอทั้ง Sam Neill,Laura Dern และ Jeff Goldblum ที่ยังคงคาแร็คเตอร์ตัวละครของพวกเขาได้อย่างมีเสน่ห์ ทำให้นี่คือส่วนที่ได้ใจคนสูงวัยที่ได้มีความรู้สึกผูกพันแม้จะเห็นชัดว่ามาจากการหมดมุขก็ไม่เป็นไร ที่สำคัญเมื่อมาเจอกับนักแสดงชุดใหม่อย่าง Chris Pratt,Bryce Dallas Howard หรือ Isabella Sermon ก็ลื่นไหลรับส่งกันได้เนียนตาอันมาจากความเก๋าเกมของรุ่นเก่าที่เอาเสน่ห์ของตัวละครกลับมาครบ แล้วมาเจอกับเสน่ห์ของรุ่นใหม่ที่มีดีพอก็เลยทำให้หลังจากที่ได้มารวมตัวกันหนังก็บันเทิงขึ้นทันตาจากอารมณ์ขันของรุ่นเก่าที่เข้ากับรุ่นใหม่ได้ดี ทำให้ในความสนุกที่เหมือนไม่มีอะไรให้จับต้องยังมีรอยยิ้มเสียงหัวเราะได้แม้จะมีบ้างที่กลายเป็นตลกโดยไม่ตั้งใจหรือไม่อยู่บ้างแต่ก็ถือว่าการแสดงของนักแสดงยังมีดีที่มีความเป็นตัวละครยังอยู่ในตัวพวกเขา ไม่ว่ายังไงนี่คือหนังที่ดูสนุกและจะยิ่งสนุกถ้าจะลองไม่ใช้สมองคิดตามทุกเรื่อง เมื่อมาถึงตรงนี้ที่น่าจะเป็นภาคสุดท้ายของหนังชุดนี้หรือไม่ก็ไม่ทราบจากหนังที่มีทั้งความสนุกตื่นเต้นระทึกหลอนแทบกลั้นหายใจในจุดเริ่มต้นกลายมาเป็นงานเอามันส์เอาสนุกอย่างเดียวไปแล้วเต็มที่ ส่วนหนึ่งอาจเพราะลูกเล่นที่พึงมีได้ถูกใช้ไปหมดแล้วและด้วยความที่ความตื่นตาตื่นใจเริ่มลดน้อยลงการมีไดโนเสาร์ใหม่ๆที่มาจากการอยากเป็นพระเจ้าของมนุษย์ (อีกแล้ว) ก็ทำให้คิดว่ามนุษย์โดยเฉพาะผู้มีอำนาจไม่เข็ดเลยหรือไรกับเหตุการณ์ซ้ำๆแบบนี้ และเหมือนกับต้องถามว่าไม่เข็ดหรือไรที่ยังคงกรอบแบบเดิมโครงเรื่องซ้ำเดิมลูกเล่นแบบเดิมประเด็นเดิมๆแบบนี้ไว้ไม่ไปไหนจนมาถึงตรงนี้ นั่นหมายความว่าหนังจะดูสนุกมาหากปล่อยวางและต้องไม่ใช้สมองคิดตามว่าทำไมเรื่องแบบนี้ไม่จบไม่สิ้นผู้มีอำนาจในการจัดการไม่คิดจะแก้ไขหรือเปลี่ยนอะไรบ้างหรือ เพราะที่เห็นก็คือการย้ายแค่สถานที่แล้วก็มีมนุษย์ที่เห็นแก่ตัวอีกคนโผล่เข้ามาเพื่อที่จะโดนไดโนเสาร์เล่นงานอย่างอนาถในตอนท้ายที่คนรักหนังตัวเล็กยังบอกว่าต้องเป็นแบบนี้ตามสูตร ดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 จาก Instagram jurassicworldจะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !