รีเซต

อย่าเพิ่งมา!! ตู่-มาวิน เปิดใจเลื่อนงานฉลองวิวาห์ ลั่นยังท้องไม่ได้ชุดแต่งงานเอว 24 นิ้วรออยู่ (มีคลิป)

อย่าเพิ่งมา!! ตู่-มาวิน เปิดใจเลื่อนงานฉลองวิวาห์ ลั่นยังท้องไม่ได้ชุดแต่งงานเอว 24 นิ้วรออยู่ (มีคลิป)
Entertainment Report_3
27 กุมภาพันธ์ 2564 ( 07:47 )
408

ข่าวบันเทิงวันนี้

คู่รักมาราธอน "ตู่ ปิยวดี มาลีนนท์" และ "มาวิน ทวีผล" ที่มีโอกาสได้มาเผยเส้นทางความรักกว่า 11 ปี กับอุปสรรคความรักต่างชนชั้น ผ่านทางรายการ "คุยแซ่บ show" ทางช่องวัน 31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์, ใบเฟิร์น พัสกร และ ได๋ ไดอาน่า เป็นพิธีกร พร้อมเปิดใจครั้งแรกหลังแต่งงาน อีกทั้งยังเผยความเชื่อเรื่องไอ้ไข่กับเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้น

 ตู่-มาวิน เปิดใจเลื่อนงานฉลองวิวาห์ ลั่นยังท้องไม่ได้ชุดแต่งงานเอว 24 นิ้วรออยู่

งานแต่ง งานยกน้ำชาผ่านมา 2 เดือนแล้ว เป็นยังไงบ้างชีวิตคู่จริง ๆ?
มาวิน : มีความสุขครับ ตื่นเช้ามาเจอหน้าเขาก็สดชื่นทุกเช้า

ที่คุณตู่โพสต์โครงการคนละครึ่งไม่ได้รวมถึงสามีชาวบ้าน อธิบายหน่อยมาวินไปทำอะไรผิด?
ตู่ ปิยวดี : จริง ๆ ไม่มีอะไร ตู่เป็นคนที่ถ้าคิดแคปชั่นไม่ออกจะไม่ลงรูป จริง ๆ เน้นที่แคปชั่น ก็จะมีกลุ่มนึงที่ตามแคปชั่นเรา เราก็จะคิดไปเรื่อยแหละ แล้ววันนั้นคิดออกก็เลยลงไป ก็เป็นเรื่องเป็นราว ก็ต้องขอโทษด้วยที่อาจจะทำให้เข้าใจผิดกันไป

พอเขาโพสต์ปุ๊บความรู้สึกของเราเป็นยังไงบ้าง?
มาวิน : เอาอีกแล้ว กดไลก์ก่อน แต่โนคอมเมนต์

ตอนที่คุณตู่โพสต์คิดไหมว่ามันจะต้องเป็นประเด็นแน่เลย?
ตู่ ปิยวดี : ตอนนั้นที่โพสต์ไม่ได้คิดเลย คิดแค่ว่ามันขำดีอะไรอย่างนี้
มาวิน : คือตู่เขาเป็นคนที่แคปชั่นเขาจะเด็ดมาก คือไอจีผมเขาจะมีพาสเวิร์ส บางทีผมคิดแคปชั่นไม่ออก ผมบอกให้เขาคิดและลงให้หน่อย

หลังจากที่แต่งงานอย่างเป็นทางการแล้ว ชีวิตเปลี่ยนไปไหม?
ตู่ ปิยวดี : ส่วนใหญ่เหมือนเดิมเลย เพียงแต่ว่าเราคุยกันมากขึ้น ใจเย็นมากขึ้น
มาวิน : เขาใจเย็นมากขึ้น

พอแต่งแล้วอยู่บ้านไหน?
ตู่ ปิยวดี : อยู่บ้านตู่ ครอบครัวเขาอยู่ต่างจังหวัด แล้วเขาอยู่บ้านคนเดียว ให้เขาย้ายมาบ้านเราง่ายกว่า


จริง ๆ ทั้งสองคนจะต้องมีงานมงคลสมรสวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ แต่ต้องเลื่อนไปเพราะสถานการณ์โควิด?
ตู่ ปิยวดี : ใช่ ด้วยโควิด เนื่องจากว่าถ้าเกิดจัดงานเกิน 200 คนเราจะต้องทำเรื่องขอ

แล้วชุดที่ตัดมาแล้ว 4 ชุดจะทำยังไง?
ตู่ ปิยวดี : ก็นี่แหละยังท้องไม่ได้ เพราะว่าต้องไปใส่ชุดที่ตัด 4 ชุดให้ได้ก่อน เพราะว่าตัดไว้เอว 24

สมมติระหว่างรอเกิดมีเบบี๋ขึ้นมาเราจะจัดงานอยู่ไหม?
ตู่ ปิยวดี : ไม่น่ามีศักยภาพขนาดนั้น
มาวิน : คุณยังไม่ได้เจอของจริง

เรื่องแพลนจะมีลูกก็ยังคิดไม่เหมือนกัน เพราะว่าพี่มาวินอยากมีลูกคนเดียว แต่คุณตู่อยากมี 2?
ตู่ ปิยวดี : อยากให้เขามีเพื่อนคุยกัน อยากได้ผู้หญิง
มาวิน : ชอบลูกผู้หญิงครับ

ถ้ามีลูกเราอยากให้ลูกหน้าเหมือนใครมากกว่ากัน?
มาวิน : ให้เหมือนเขา มีความน่ารักมุ้งมิ้ง แล้วมีความเป็นระเบียบ มีความเป็นผู้นำ

แล้วทางครอบครัวของคุณตู่อยากได้หลานขนาดไหน?
ตู่ ปิยวดี : อยากได้ ตอนแรกเขายังบอกเลยถ้ามันต้องเลื่อนไปนานมากก็มีไปเลยไหม เราก็บอกว่าไม่ได้หรอก เดี๋ยวชุดใส่ไม่ได้

ย้อนเล่าหน่อย สองคนนี้เจอกันได้ยังไง?
มาวิน : ผมแอบมองเขามา 2 ปี ตั้งแต่เห็นที่ร้านหมอฟัน ไปทำฟันที่เดียวกัน เมื่อ 13 ปีที่แล้ว คอนนี้คบกันมาปีนี้ปีที่ 11 แล้วครับ

เรารู้ไหมว่าเขาเป็นใคร?
มาวิน : ไม่รู้ พอเราเข้าไปหาหมอเราก็ถามพี่หมอใคร ลูกนายไง เอ้า...ไม่เคยรู้

รู้สึกว่าเกินเอื้อมไหม?
มาวิน : มันไม่รู้สึกว่าเกินเอื้อม เราไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ก็ละไว้ในฐานเข้าใจ เราก็ปลื้มเขา

พอรู้ว่าหมดหวังแล้ว ยังมีแอบคิดถึงไหม?
มาวิน : ก็แอบคิดว่าเวลามางานช่องจะได้เจอเขาไหม แอบมองไกล ๆ

แล้วคุณตู่จำได้ไหมว่าเจอครั้งแรกที่ไหน?
ตู่ ปิยวดี : ไม่ได้เลย

แล้วมาจำภาพแรกเขาได้ที่ไหน?
ตู่ ปิยวดี : ก็วันครอบครูนี่แหละ

สองคนนี้ยังมีข้อถกเถียงกันอยู่นะ พี่มาวินบอกว่าคุณตู่เป็นคนเข้าหาเขาก่อน คุณตู่ก็บอกว่าพี่มาวินเป็นคนเข้าหาเขาก่อน สรุปใครเข้าหาใครก่อน?
มาวิน : ผมก็พูดขำ ๆ แหละครับ ผมก็เข้าหาเขาก่อนจริง ๆ ก็นั่งพนมมืออยู่ เขาก็มองมา เราเลยบอกรุ่นน้อง คนนี้ลูกนายโคตรน่ารักเลย โคตรชอบเลย แล้วเขาก็คลานเข่าเข้ามาชวนไปแคสต์ละครของเขา

ทำไมตอนนั้นถึงชวนเขาไปแคสต์ละคร?
ตู่ ปิยวดี : ในเรื่องนั้นมันขาดตัวนึง ซึ่งดูเจ้าชู้ กระล่อน เราเห็นหน้า เออ...หน้าตาไม่ดูเป็นคนดี

ตอนนั้นที่ไปชวนเขาคิดอะไรนอกเหนือจากงานแสดงไหม?
ตู่ ปิยวดี : ไม่คิดเลย

สเปคคุณตู่ไหม ตอนที่เห็นพี่มาวิน?
ตู่ ปิยวดี : สเปคเราชอบตี๋ ๆ อยู่แล้ว แต่วันนั้นที่เข้าไปทัก เรื่องงานล้วน ๆ

จากเรื่องงาน มาเรื่องจีบ เกิดขึ้นได้ยังไง?
มาวิน : ผมขอพินบีบี พอตอนที่เขาถ่ายรูปเพื่อเอาไปให้ทีมผู้กำกับดู ก็ถ่ายรูปคู่กับเขา ผมก็เลยถามคุณตู่ครับแล้วผมจะได้รูปยังไง อ่อเดี๋ยวทีมงานส่งให้ ผมก็เลยรีบยิงไป ถ้าไปยิงไปอดแน่ ๆ คุณตู่ครับจัดฟันเสร็จแล้วเหรอ เขาก็บอกว่าทำไมรู้ ก็ตอบไปว่าเราหาหมอที่เดียวกันครับ ก็เลยเริ่มคุย แล้วบอกว่างั้นผมขอพินบีบีคุณตู่ไว้ได้ไหมครับ

ตอนที่เขาขอพินบีบีเรา รู้ยังว่าเขาจีบเรา?
ตู่ ปิยวดี : ไม่รู้

ข้อความแรกที่ส่งหาเขาคือ?
มาวิน : ชอบแมวไหม
ตู่ ปิยวดี : ก็ตอบไปว่าใช่ ก็งงเหมือนกัน เขาก็เริ่มส่งรูปแมวมาให้ดู

คุยกันนานไหมกว่าจะตัดสินใจไปเดทกัน?
ตู่ ปิยวดี : 2 เดือนได้นะ

แล้วเขาทำอะไรถึงตัดสินใจไปเดทกับเขา?
ตู่ ปิยวดี : ปกติเป็นคนเครียดเวลาทำงาน เขาแบบมันทำให้เราหัวเราะได้เยอะ
มาวิน : ผมเป็นคนไม่มีสาระ

แล้วนานไหมกว่าจะเป็นแฟนกัน?
มาวิน : ประมาณ 2 เดือนได้

ทำไมคุณตู่ถึงตกลงเป็นแฟนกับเขา?
ตู่ ปิยวดี : ชอบความเสี่ยงนิดนึงมั้ง เอาจริง ๆ ไม่ได้คิดอะไร คิดแค่ว่าเรามีความคลิ๊กกันในบางอย่างที่คนอื่นไม่ได้เข้าใจเรา แล้วคุยกับเขาแล้วมันเข้าใจ

อะไรที่ทำให้รู้สึกคลิกกัน ใช่ตอนเด็กโดนบูลลี่เหมือนกันไหม?
ตู่ ปิยวดี : ใช่
มาวิน : โดนครับ

บูลลี่ยังไง?
คุณตู่ : เราคุยกับคนอื่นเขาไม่เข้าใจความรู้สึกเรา ของตู่จะโดนเวลาอยู่ในกลุ่มผู้หญิง กลุ่มใหญ่ ๆ แล้วมีหัวหน้ากลุ่ม เรารู้สึกว่าทำไมทุกมื้อเราต้องกินตามหัวหน้ากลุ่ม เรารู้สึกว่าฉันอยากกินแบบอื่นบ้าง ทำไมต้องทำตามคนนี้ ก็จะโดนเพื่อนแอนตี้ทำไมแกต้องขวางโลก แกไม่อยากกืนใช่ไหม พอเราไปห้องน้ำเขาก็ไปกินข้าวกันเลย มันก็เฮิร์ตเรานะนั่งกินข้าวคนเดียว
มาวิน : ผมเป็นเด็กอ้วนไง ตอนนั้นที่บ้านล้มละลายไม่ค่อยมีเงิน ความต่างกับเพื่อนจะเยอะมาก เพื่อนจะด่า ไอหมูตาหยี๋ แต่งตัวเหมือนเดิมทุกวัน ช่วงซัมเมอร์เอกชนเขาจะใส่ชุดอยู่บ้านไป แต่ผมจะใส่กางเกงอยู่แค่ 2 ตัว แล้วมีเสื้ออยู่ 3 ตัว เรียนอยู่ 2 เดือนนะพี่ รองเท้าก็คู่เดิม ใส่จนขาด เพื่อนก็บอกว่ามึงแต่งตีงเหมือนเดิม อ้วนก็อ้วน มันจี้ใจเรา มันมีปมในใจเรา โอเคไม่เป็นไรเราไม่เคยโทษเพื่อน แต่เรารู้ว่าโดนแบบนี้แม่งเจ็บนะ เราก็แค่ไม่ได้แสดงออกให้เขารู้

ครอบครัวลำบากมาก?
มาวิน : ลำบาก ๆ จากเมื่อก่อนนั่งเบนซ์ไปโรงเรียน มาวันนึงทุกอย่างมันหายไปหมด ต้องขึ้นรถเมล์ เราก็งงว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต

ทั้งสองคนมาคลิกกันเพราะแผลในใจเหมือนกัน พอมาคบกันมีภาพหลุดออกไปเลยไหม?
มาวิน : มี เดือนแรกเลย
ตู่ ปิยวดี : เราไม่ได้คิดว่าเราเป็นคนที่คนสนใจขนาดนั้น เพราะเราเป็นผู้จัดไม่ได้เป็นดารา แล้วเขาก็เป็นดาราไม่ได้ดังมาก เราก็ทำตัวปกติไปเดินห้าง แล้วมีหนังสือกอสซิบถ่ายรูป

แล้วรูปที่หลุดไปฟีดแบ็กเป็นยังไง?
มาวิน : คนก็เริ่มรู้
ตู่ ปิยวดี : คนเริ่มรู้ ในวงการก็เริ่มรู้ คนก็มาถาม มีผู้หวังดีโทรมาหามากมาย บอกว่าอยากรู้เรื่องไหม จะเล่าให้ฟัง ช่วงแรกก็มีจิตตกนิดนึง แต่ตอนหลังรู้สึกว่าอยู่กับเขาไม่เห็นเป็นอะไรเลย
มาวิน : ช่วงที่จีบเขา มันจะมีช่วง 3-4 วันคุยกับเขาแบบไม่หลับ ไม่นอน ผมจะเล่าสิ่งที่ผมเคยทำเลวที่สุดในชีวิตให้เขาฟัง ผมเล่าหมดเลย ผมเล่าเสร็จบอกว่าถ้าคุณตู่รับไม่ได้ไม่เป็นไรครับ ของคุณที่เรียนรู้ และรู้จักผม เก็บผมไว้เป็นเพื่อนคนนึงก็พอ แต่ถ้าคุณตู่ให้โอกาสเราไปด้วยกัน แล้วคุณตู่จะไม่เจอแบบนี้ในชีวิตเลย
ตู่ ปิยวดี : แล้วผู้หญิงที่โทรมาก็เหมือนคอนเฟิร์มเล่าเรื่องที่เขาเล่ามาแล้ว ก็เลยรู้สึกว่าเขาไม่ได้โกหกจริงด้วย

คุณตู่ฟังแบบนั้นแล้ว อะไรที่ทำให้เราตัดสินใจคบกับเขา?
ตู่ ปิยวดี : เขาบอกว่าเขาเล่ามาทั้งหมดให้เรารู้ไว้ หลังจากนี้เขาจะไม่เป็น

เรื่องฐานะเจอคนเมาท์ไหม?
ตู่ ปิยวดี : นี่จะโดนเลย หนูตกถังข้าวสาร สำนวนไทยก็มา
มาวิน : มาเกาะผู้หญิง เป็นแมงดา นู่นนี่นั่น
ตู่ ปิยวดี : แต่เราอยู่ด้วยกันเรารู้ว่าเป็นยังไง
มาวิน : ผมก็ออกของผมเอง เขาก็ออกของเขา ขอบคุณที่ยังแฟร์ ๆ กับผมได้ ผมไม่มีปัญญาเลี้ยงเขาแน่นอน แล้วเขาก็ลดตัวเองมา กินข้างทางกับผมได้ กินปลาร้า กินส้มตำได้หมด

แล้วคอมเมนต์ไหนที่เราฟังแล้วรู้สึกอันนี้ไม่ไหว มันหนักมาก?
ตู่ ปิยวดี : ของตู่จะโดนมีสมองหรือเปล่า โง่ โดนหลอก เดี๋ยวก็เลิกกัน
มาวิน : เราก็ให้กำลังใจกันเยอะ ขอบคุณที่ยังมีกัน ที่ยังเชื่อใจกัน ถ้าเราอ่อนไหวตามคนอื่น มันหลายคู่ที่มันอยู่ไม่ได้กับเรื่องนี้  
ตู่ ปิยวดี : เพื่อนที่เป็นห่วงมาก ๆ ฉันบอกแกไม่ต้องห่วง ถ้าหนนี้ฉันเลือกผิดคน ฉันแค่โง่ ฉันไม่ตาย แกไม่ต้องห่วง ฉันอยู่รอดแน่นอน

พอข่าวหลุดว่ามาวินจีบคุณตู่ ก็มีนักแสดงระดับพระเอกโทรมามีทีท่าจะจีบเราด้วย เขาเป็นใคร?
มาวิน : มันนานมาแล้วพี่
ตู่ ปิยวดี : ก่อนที่วินจะมาจีบ ไม่มีนักแสดงมาจีบเลย พอรูปนั้นหลุดไปปุ๊บ เรารู้สึกว่าเราก็สวยเหมือนกันนะ
มาวิน : ผมไม่เข้าใจคำนี้จริง ๆ นะ คำว่าเพื่อนคืออะไร คุณตู่ก็ถามว่าวินจะไม่ทำอะไรเหรอ ผมบอกว่าไม่ครับมันสิทธิ์ของเขา เพราะตอนนั้นเรายังไม่ได้เป็นแฟนกัน ไม่ได้เปิดตัว ให้ตู่เป็นคนบอกเองมากกว่า แต่สุดท้ายตู่โอเค ผมก็เลยคุยเลยว่าไม่ต้องโทรมาอีกนะ แฟนผมดูแลได้

แล้วเลิกคุยกันเลยไหม?
มาวิน : ไม่ผมเป็นคนไม่เคยโกรธใคร
ตู่ ปิยวดี : เขาไม่โกรธ หลังจากนั้นก็เป็นเพื่อนกัน

หลังจากเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น ทั้งคู่ก็เลยคบกันแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไม่เปิดอีกแล้ว?
ตู่ ปิยวดี : ก็ไม่เปิด เรารู้สึกว่าเราไม่อยากอ่านคอมเมนต์อะไรที่มันเป็นเชิงลบ งั้นก็อยู่เงียบ ๆ ดีกว่า ประมาณ 2 ปีได้

แล้วหลังจาก 2 ปี อะไรที่ทำให้เปิดกว้างให้คนรู้?
ตู่ ปิยวดี : ตู่ว่าคนค่อย ๆ รู้ เนื่องจากเราไปกับกลุ่มเพื่อน เพื่อนถ่ายรูปก็ติดเขาไปบ้าง กระแสแอนตี้ก็เริ่มน้อยลง ถามว่ายังมีดราม่าไหม มีน้อย ๆ ช่วงนั้นก็ห่างหายจากวงการไปด้วย ก็คิดว่าเบื้องหน้าคงไม่ใช่ทางของวินแล้ว ก็เลยบอกวินว่ามาทำเบื้องหลังไหม เพราะเขาเป็นคนชอบคุย ชอบเล่า
มาวิน : ก็เป็นครีเอทีฟ คิดพล็อตละคร ก็ต้องคิดล่วงหน้า 10 ตอน ผมเป็นคนคิดแล้วใส่ดีเทลลงไปให้เขาไปขยายบทต่อ
ตู่ ปิยวดี : อันนั้นก็จะโดนคนเม้าท์เหมือนกันว่ามาเกาะอีกแล้ว แต่ตอนนั้นเราก็แบบช่างทันเถอะ เราต้องมีอาชีพ ต้องมีอะไรบ้าง

แต่ก็มีเรื่องที่ทำให้โกรธจนอยากจะบอกเลิก?
ตู่ ปิยวดี : ก็เรื่องนี้แหละ เรื่องสังสรรค์กับเพื่อน ที่โกรธเพราะเรารู้สึกว่าก่อนไปกับเพื่อนสัญญาอย่างดีเลย เดี๋ยววินจะอย่างนี้ จะกลับเท่านี้ โทรศัพท์จะรับตลอดเวลา แต่พอไปเจอเพื่อนปุ๊บทุกสิ่งที่พูดกับเราคือ...โทรศัพท์ก็ไม่รับ มันหลายๆ ครั้ง เป็น 10 อะ มันบ่อยจนเรารู้สึกว่าเขาเลือกเพื่อนมากกว่าเรา
มาวิน : เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทาง

ตอนนั้นที่บอกว่าโกรธมาก ๆ แล้วง้อเป็นเดือนคือยังไง?
มาวิน : เขาไม่รับโทรศัพท์ ไม่ให้เข้าบ้าน ขอยามเข้าไปนั่งรออยู่หน้าห้องก็ไม่เปิดประตู คือแบบยังไงก็ไม่ยอม

แล้วเขาใจอ่อนได้ยังไง?
มาวิน : โห...นานอะ ไปเฝ้า โทรเป็นพันมิสคอลกว่าจะยอมรับ
ตู่ ปิยวดี : โทรหาเพื่อนทุกคน โทรหาเลขา โทรหาคนที่ออฟฟิศ ทุกอย่างเลย

ปกติคุณตู่เป็นคนที่ใจแข็งอยู่แล้ว?
มาวิน : โคตรแข็งเลย
ตู่ ปิยวดี : ถ้าตัดสินใจ ถ้าบอกว่าเราจะเลิกคือเลิก เราไม่อยากพูดคำว่าเลิกไปลอย ๆ เปล่า ๆ

แล้วครั้งนั้นอะไรที่ทำให้เราใจอ่อน?
ตู่ ปิยวดี : ก็พูดเหมือนเดิม วินจะไมทำอีกแล้ว

ตอนนั้นสัญญากับเขาว่ายังไง?
มาวิน : ก็สัญญาว่าจะไม่ทำอีกแล้ว รักนะ ซึ่งมันก็ทำได้ เพราะไม่มีเขาเราอยู่ไม่ได้

อย่างนี้เรียกว่ามาวินกลัวเมียไหม?
มาวิน : กลัวครับพี่ ยอมรับครับ กลัวเขามากที่สุด

มาวินแฮปปี้ใช่ไหมกับการแต่งงาน?
มาวิน : แฮปปี้ครับ

เราคบกับคุณตู่เรารู้สึกกดดันตัวเองไหม?
มาวิน : มันก็กดดัน แต่เขาน่ารัก เขาบอกผมเสมอว่า ถ้าไม่ถึงฝั่งฝันได้แต่งงานก็คบกันแบบนี้เขาก็อยู่ได้ แต่ใจเราอะเนอะเราอยากทำให้คนที่เรารัก เขาเลือกฉันไม่ผิด ฉันเปลี่ยนตัวเองเป็นคนดีได้ ทำไมจะมีไม่ได้ ก็พยายามจนสุดท้ายมาทำเพจอาหาร ก็ประมาณ 8 ปีได้

นั่นก็คือช่วงเวลาเดียวกันที่คุณตู่พามาวินเข้าบ้าน?
มาวิน : ครับ ก่อนหน้านั้นไม่เคยเลย
ตู่ ปิยวดี : ไม่เคยเหยียบเข้าไปเลย

เคยเจอใครไหม เคยเยอผู้ใหญ่ไหม?
ตู่ ปิยวดี : ไม่เจอ

ตั้งแต่ปีที่ 1 ถึงปีที่ 8 มีตู่กับมาวิน 2 คน ?
มาวิน : ใช่

แล้วมาวินเคยเรียกร้องแบบพาไปเจอไหม?
มาวิน : ไม่เคย ไม่มีเลย

แล้วเวลาไปงานช่อง เจอผู้ใหญ่หรือเจอใครไหม?
มาวิน : ก็ทำนิ่ง ๆ แยก ๆ เป็นนักแสดงคนนึง

แล้วตอนนั้นมั่นใจอะไรถึงพาเขาเข้าบ้านหลังจาก 8 ปี?
ตู่ ปิยวดี : จริง ๆ ที่บ้านรับรู้มาตลอด เพราะมันจะมีข่าวมาเป็นช่วง ๆ แต่ว่าที่เข้าบ้านได้แบบเนียนมาก เพราะสนิทกับหลาน แล้วหลานเรียกร้อง อยากเจออาวิน หลานถามถึงบ่อย จนที่บ้านบอกพาเขามากินข้าวซิ

วันแรกที่ไปเจอใครบ้าง?
มาวิน : ผมเจอทั้งตระกูล กังวล ลกไปหมด พอไปเจอของจริง ขนนี่ลุกเกลียว ผมก้มตลอด ยกมือไหว้ นั่งกินข้าวเสร็จแล้วไม่ลุกเลย

เพราะว่าทำเพจอาหารทำให้คู่นี้ได้แต่งงานกัน เพราะอะไร?
มาวิน : ใช่ครับ เพราะฟีดแบ็กดีคนยอมรับเยอะ คนติดตาม แล้พอคนรู้สไตล์เรา เรากินเผ็ด เรากินดุ กินมันส์ แล้วกินจริง รีวิวสินค้าคือเป็นสิ่งที่เราชอบเท่านั้น แล้วคนตามก็ไม่ผิดหวัง รู้ว่ารสชาติเป็นแบบนี้ผมจะบอกเลยว่าประเทศไทยไม่ต้องของแพง ของถูกก็อร่อยได้

ตอนนั้นคิดไหมว่าจะประสบความสำเร็จขนาดนั้น?
มาวิน : ตอนนั้นไม่คิด คิดแค่ว่าขอเป็นตัวเอง ตอนที่เริ่มทำเพจ มันมีบางคลิปที่กระแสมันมา แล้วมันก็แผ่วไปอีก 3 เดือน ก็หาทางไม่เจอ แค่เอาอาหาร 2 อย่างมาเทียบกันว่ามันต่างกันยังไง สุดท้ายก็กินเป็นตัวเองนี่แหละ

อีกหนึ่งอย่างที่ทั้งคู่เชื่อมาก ๆ คือไปมูกับไอ้ไข่วัดเจดีย์?
มาวิน : ไอ้ไข่นี่สุดจริง ๆ คือตอนนั้นเครื่องรางมา
ตู่ ปิยวดี : ก็มีช่วงนึงที่เขาฮิตใส่เครื่องราง เราก็ไปเหมือนกัน อยากจะได้มาบูชาบ้าง ก็เลยเริ่มศึกษามาเรื่อย ๆ
มาวิน : แล้วเราก็ได้มา เป็นรุ่นนึง เอาไปทำใส่ข้อมือไว้ เราก็เลยลองข้อดู ตอนแรกขอเล็กๆ ขอให้ได้งานนี่นะ มันก็ปิดจ๊อบได้เรื่อย ๆ แล้วเราก็บอกว่าถ้าได้งานนี้มาจะบินไปที่นครเลย พอได้งานมาก็บินไป พอไปถึงหน้าวัดปุ๊บก็ไปซื้อประทัด พอเข้าไปในวัดปุ๊บก็ไปยืนงงว่าเข้าไปทางไหน เลขาโทรมาบอกว่ามีลูกค้าโทรมาหางานพี่เต็มไปหมดเลย ประมาณ 6-7 งานในเวลาเดียวกัน มาจากไหนก็ไม่รู้ อันนี้ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เสร็จแล้วจุดประทัดพนมมือว่าถ้าได้ตามยอด เดือนหน้ามาใหม่ ตอนนั้นไป 3 เดือนติด ไปทุกเดือนเลย

ก็เชื่อมาจนถึงทุกวันนี้?
ตู่ ปิยวดี : เชื่อ ๆ ได้บูชาองค์ประธานมาด้วย มาไว้ที่ออฟฟิศ แล้วองค์ประธานชอบให้คนมาไหว้ มาคุยกับเขาเยอะ ๆ เขาเป็นเด็ก 9 ขวบ ก็จะมีคนมาขอหวย ก็ได้ ถูกติดกันหลาย ๆ งวด

แต่ก่อนที่จะเอาองค์ประธานมาไว้ที่ออฟฟิศ อยู่บ้านก่อน มีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นที่บ้าน?
ตู่ ปิยวดี : ก็จะมีกลับบ้านรีบเปิดดูละคร เราก็นั่งดู สักพักแอร์ติด
มาวิน : ตื่นเช้ามาจะไปบ้านเขา พอเปิดประตู ทำไมตาไข่อยู่ในรถ

แล้วมาอยู่ในรถได้ไง?
ตู่ ปิยวดี : ก็เมื่อคืนเขาเปิดแอร์ให้ไง ก็เลยเอาไปไว้ในรถก่อน ก็ไปอยู่ออฟฟิศดีกว่า ก็บอกพี่ไข่ ๆ อยู่ออฟฟิศนะ ที่ออฟฟิศมีคนเล่นด้วยเยอะ
มาวิน : แล้วตอนที่ไปไหว้ตาไข่ มีเพื่อน 2 กลุ่มไปด้วย เพื่อนคนนึงเขาไม่เชื่อ เขามองว่าเป็นแฟชั่น คนที่เชื่อบูชาตาม คนที่ไม่เชื่อบอกว่ามีเงิน ฉันเอาด้วย ก็เอากลับไป พอตอนกลางคืนนางก็สนุกมาก เพื่อนไม่รู้ว่านางเป็นตุ๊ด แต่พอกลางคืนเหล้าเข้าปาก พี่ตินาลง นี่มาเต็ม ทำไมเมื่อเช้าไม่ใช่แบบนี้ มันก็พูดจากปากคำแรกเลยว่า ไข่ลง พูดเท่านั้นแหละ เราก็บอกว่าห้ามพูดแบบนี้นู่นนี่นั่น พอจังหวะที่เดินกลับมา มันกระดกเหล้าเพรียวเข้าปาก ซึ่งมันผิดนิสัยเพื่อนคนนี้ สักพักมีเพื่อนโทรมาบอกว่าเพื่อนคนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล ไปล้มที่หน้าหาด ขาฉีกถึงเส้นเอ็นเห็นกระดูกเลย พอจังหวะที่มันตื่น มันโทรหาเลขาที่ไปด้วย ถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับมัน ทำไมขาพันผ้า โดนเย็บขนาดนี้ มันจำอะไรไม่ได้ มันปวดมาก แล้วถามว่าแล้วจำภาพสุดท้ายได้ตอนไหน มันบอกว่าที่พูดว่า ก็ไข่ลง แล้วหลังจากนั้นมันจำอะไรไม่ได้อีกเลย

เคยคิดไหมว่าตั้งแต่วันแรกที่เจอกันจะมีวันนี้?
มาวิน : ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันนี้ สำหรับผมมันมาไกลเกิฝันมาก อีกอย่างนึงที่มองย้อนกลับไปแฮปปี้มาก เพราะเรามีกัน แล้วขอบคุณทุกคนที่รักเรา แล้วเข้าใจว่าเราจริงใจเวลาเราทำทุกอย่าง
ตู่ ปิยวดี : วันที่เขาขอแต่งงาน ทุกคนบอกว่าทำไมน้ำตาไหลเร็วมาก เพราะว่ามันไม่คิดจริง ๆ ว่าเราได้แต่งงานจริง ๆ เราก็ดีในมาก และภูมิใจในตัวเขามาก เราก็บอกเขาว่าคุณไม่ต้องออกให้เรานะ ทุกอย่างเราหารครึ่งหมด แต่คุณต้องดูแลตัวเองให้ได้ แล้ววันที่คุณดูแลตัวเองได้ค่อยมาพูดถึงเรื่องอนาคตของเรา แล้วเขาก็ทำได้

อยากจะบอกอะไรเขา ?
มาวิน : รักนะจุ๊บ ๆ
ตู่ ปิยวดี : ก็รักเขาแหละ เราอยู่กันมาตั้งแต่เขาไม่มีเงิน ไม่มีงานด้วย แต่เราก็ผ่านมันมาได้ และในอนาคตก็เชื่อว่าเราจะผ่านอีกหลาย ๆ อย่างไปได้ด้วยกัน
มาวิน : ก็ขอบคุณเขา ถ้าไม่มีเขา ผมคงไม่มีวันนี้ เขาคือทุกอย่างของผมจริงๆ กำลังใจเดียวในชีวิตเลย

ติดตามชมรายการ "คุยแซ่บShow" ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.30-14.30 น. ทางช่อง one31 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :