หนัง coming of age แห่งปี 2018 ที่ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากทั้งคนดู และนักวิจารณ์ ว่าเป็นหนัง LGBT ที่สามารถสลัดทิ้งความเข้าใจยาก หรือความดราม่าจัด ที่หลายคนอาจเข้าไม่ถึง ออกไปแทบหมด และตีความใหม่ด้วยอารมณ์ของหนังรักวัยรุ่นฟีลกู้ด ที่ดูแล้วมีความสุขและประทับใจหนังว่าด้วยเรื่องราวของ ไซม่อน (นิค โรบินสัน) เด็กหนุ่มผู้มีชีวิตสุดแสนจะธรรมดา เรียบง่าย และมีความสุข เขามีเพื่อนๆ และครอบครัวที่เข้าใจและแสนอบอุ่น แต่เขากลับมีความลับที่ไม่สามารถบอกใครได้ว่าเขานั้นเป็นเกย์ ไซม่อนได้แต่เก็บตวามรู้สึกสับสนนี้ไว้ในใจ จนกระทั่งเขาได้พบกับ Blue เพื่อนปริศนาทางอินเตอร์เน็ต ที่ได้โพสต์ระบายความในใจถึงความรู้สึกสับสนเรื่องการเป็นเกย์ ของตนลงบล้อก ไซม่อนที่มีความรู้สึกว่านาย Blue นี้ กำลังมีความรู้สึกเดียวกับเขา ไซม่อนจึงได้ส่งอีเมลล์ เพื่อติดต่อกับ blue จนทั้งสองค่อย ๆ รู้จักกันมากขึ้น พร้อมกับการค่อย ๆ เปิดเผยตัวตนของเขา และตามหาว่าแท้จริงแล้ว Blue คือใครจุดเด่นจุดขายของหนังเรื่องนี้คือการนำเอาความเป็นวัยรุ่นมาใช้เป็นประโยชน์ต่อการเล่าเรื่องได้อย่างเต็มที่ เราสามารถแพลิดเพลินไปกับการถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตไฮสคูล ของตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความรักหนุ่มสาว เรื่องราวของมิตรภาพ ปาร์ตี้ อย่างที่หนังวัยรุ่นส่วนใหญ่หยิบมาเล่า ส่วนเส้นเรื่องที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องราวของหนังคือความสัมพันธ์ของไซม่อนและ Blue พร้อม ๆ กับการพยายามหาว่าแท้จริงแล้ว Blue คือใคร และอีกส่วนคือการปิดบังความรู้สึกของ ไซม่อน และด้วยความที่มันออกมาในรูปทรงของหนัง coming of age ที่ดูเข้าถึงง่าย และดูได้ทั้งครอบครัว หนังไม่มีฉากร่วมรักของผู้ชายกับผู้ชาย หรือฉากเหยียดเพศที่รุนแรงแต่อย่างใดจุดมุ่งหมายของ Love, Simon จึงออกมาต่างจากหนัง LGBT เรื่องอื่นๆ ที่มักนำเสนอเรื่องราวความรัก และความขัดแย้งจากตนเองและสังคมของตัวละคร แต่ในเรื่องนี้จะเน้นไปที่การเปิดเผยตัวตน และความรู้สึกของตนเองให้กับคนรอบข้างอย่างมั่นใจ ว่าแท้จริงแล้วรสนิยมทางเพศไม่ใช่เรื่องผิดหรือน่ารังเกียจในสังคมแต่อย่างใด เราสามารถพูดเปิดใจกับคนรอบข้าง ด้วยความเข้าใจ และยังคงความรู้สึกเดิม ๆ ของกันและกันไว้ได้การแสดงของเหล่านักแสดงนำต่างก็มีเคมีการแสดงที่เข้ากันอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นพาร์ทของครอบครัว และเพื่อนๆ ของไซม่อน โชคดีที่หนังมีการไกล่เกลี่ยบทบาทของทุกตัวละครออกมาได้อย่างสมดุล ไม่หนักไปที่คนใดมากเกินไป ทำให้เราสามารถเข้าใจและมีความรู้สึกร่วมไปกับตัวละครได้ไม่ยาก นิค โรบินสัน สามารถถ่ายทอดบทบาท ไซม่อน ออกมาให้เราสามารถหลงรักและเอาใจช่วยไปกับตัวละครได้ทั้งเรื่อง และต้องชื่นชมบทตัวขโมยซีนของ โลแกน มิลเลอร์ ในบทมาร์ติน ตัวฮาประจำโรงเรียน ที่เล่นใหญ่ เล่นเยอะ จนเรารู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่เห็นตัวละครตัวนี้ (แม้มันจะเป็นตัวสร้างปัญหาก็ตาม)โดยรวมแล้ว Love, Simon เป็นหนังที่สามารถทลายกำแพง อุดมคติด้านลบที่คนส่วนใหญ่มีต่อหนัง LGBT ได้อย่างงดงาม เป็นการแสดงถึงจุดยืนทางเพศในสังคมที่มีมากขึ้น หนังสามารถเล่าเรื่องชายรักชายให้ออกมาดูสดใส โรแมนติค คอเมดี้ ที่ออกมามีคุณภาพและน่าจดจำเรื่องหนึ่ง และมันได้กลายเป็นหนัง coming of age แห่งปี 2018 ไปโดยปริยาย Cr.รูปภาพจาก https://www.20thcenturystudios.com/movies/love-simon ลิ้งต้นฉบับบทความ https://www.facebook.com/IWatchmoviesalot/photos/a.1596498853757092/1587513451322299/?type=3&theaterสามารถติดตามอ่านรีวิวหนัง และข่าวสารหนัง เพิ่มเติมได้ที่(เพจของผู้เขียน) https://www.facebook.com/IWatchmoviesalot