รีเซต

ถามมาตอบหมด!! เอ พศิน โฟนอินหมดเปลือกต่อหน้า แตงกวา หลังประกาศหย่าจริงไม่แก้เคล็ด (มีคลิป)

ถามมาตอบหมด!! เอ พศิน โฟนอินหมดเปลือกต่อหน้า แตงกวา หลังประกาศหย่าจริงไม่แก้เคล็ด (มีคลิป)
Entertainment Report_1
21 ตุลาคม 2562 ( 18:30 )
1.5K
5
หลังจากที่  “เอ พศิน เรืองวุฒิ” ออกมาเปิดใจว่าได้หย่าร้างกับ แตงกวา จิราพร อดีตภรรยาที่มีอายุห่างกัน 22 ปี จนทำให้หลายคนโยงไปถึงสาเหตุที่ทำให้ทั้งคู่เลิกรากันอาจจะเกี่ยวข้องกับมือที่สาม เพราะก่อนหน้านี้มีภาพความใกล้ชิดของ เอ และสาวคนหนึ่งออกมา ล่าสุด เอ พศิน ได้โฟนอินผ่านทางรายการคุยแซ่บ Show ทางช่องONE 31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์ และชมพู่ ก่อนบ่าย เป็นพิธีกร พร้อมทั้งแตงกวา จิราพร ก็มาเปิดใจถึงสาเหตุของการเลิกกันในครั้งนี้

เอ พศิน โฟนอินหมดเปลือกต่อหน้า แตงกวา หลังประกาศหย่าจริงไม่แก้เคล็ด

 

สาเหตุหลักของการเลิกกัน 
เอ : เป็นเรื่องของทัศนคติ น้องเขามีความสามารถนะ มีโอกาสที่ได้ทำงานอะไรมากมาย ถ้าเป็นแม่อย่างเดียวทำไม่ได้ แต่ก็มีการพูดคุยกันว่าถ้าเกิดต้องเดินทาง ต้องใช้เวลาเยอะขนาดนี้ จะดูแลลูกยากนะ ช่วงแรกก็ให้แม่ยายมาดูก่อน แต่ก็ไม่เท่ากับเขาดูเอง เขาเป็นแม่ที่ดี ดีมากด้วย เวลาเขามีทางเลือกที่มันจะเกิดความเจริญก้าวหน้า เขาดูจะก้าวหน้ามากกว่าผมด้วยซ้ำ เราก็เลยตกลงกันว่าถ้าอย่างนั้นเราก็ควรมีอิสระนะที่แบบเราจะเดินทางไปไหน หรือแบบว่าถ้าจะอยู่ในสถานะที่เป็นครอบครัวบางอย่างมันทำยาก
เอกับแตงกวาได้มีโอกาสลองปรับ ลองจูนกันบ้างหรือเปล่า?
เอ : ตลอดเวลาครับ คือเราไม่เคยทะเลาะกัน ผมยืนยันว่าผมเป็นคนใจเย็นมาก ทุกอย่างมีการพูดคุย มีการตกตระกอนกันด้วยสติปัญญา ก็การหย่าเป็นข้อสรุปร่วมกัน เรื่องหย่าแก้เคล็ดเป็นความคิดของผมเองที่เกิดขึ้นในช่วงที่ไปออกรายการโหนกระแส เพราะว่าใจเราอยากจะแข็งแรง เพื่อที่จะดูแลทุกคนโดยที่เขาไม่ต้องทำงาน ความเป็นพ่อถ้าเราจะเกร็งไม่พอ มั่นคงไม่พอในเรื่องของฐานะ เราก็ต้องปล่อยให้เขาแสดงความสามารถ เขาทำได้ดีกว่าเราก็ได้ อันนี้เป็นเรื่องของความก้าวหน้าล้วนๆ ก็เลยสื่อสารแบบนั้นออกไป เราก็อยากให้ทุกอย่างอยู่กับลูก ซึ่งเราก็เข้าใจพร้อมๆ กัน

เอ พศิน โฟนอินหมดเปลือกต่อหน้า แตงกวา

ดูเหมือนเรื่องจะเงียบ แต่ดันมีกระแสเพราะมีรูปกับสาวปรศนาเข้ามา ซึ่งชาวเน็ตเม้าท์ว่าเป็นสาวคนใหม่ของเรา เป็นมือที่สามจริงหรือเปล่า?
เอ : ผมอยากจัดแถลงข่าวโดยการนัดชาวเน็ตทุกคนที่พิมพ์ข้อความด้วยความไม่เข้าใจ แล้วเข้าใจผิดบ้างอะไรบ้าง มันเกิดจากการประประต่อเรื่องราว ซึ่งผมว่ามันไม่แฟร์ต่อคนที่เขาไม่ผิด เพราะว่าในไทม์ไลน์ เราแยกทางกันแล้วด้วยดี ต่างคนก็ต่างมีโอกาสที่เราเปิดให้เรามีอิสระในการคบหาแล้วก็เรียนรู้ใครก็ตามที่เข้ามาในชีวิต เราก็มีการปรึกษากันตลอดว่าอย่างนั้นดีไหม อย่างนี้โอเคไหม คือเราคุยกันแบบนี้เลย เราถือว่าเราเป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นครอบครัวของลูก ซึ่งทางผมมีปัญหาตรงที่คนที่เขาเข้ามาในไทม์ไลน์ที่มันไม่น่ามีปัญหาเพราะเราหย่ากันไปนานแล้วก็กลายเป็นถูกกระทบด้วยการตัดสินด้วยการมีภาพของโซเชียลมันไม่ยุติธรรมต่อครอบครัวเขา ทุกคนมีพ่อมีแม่ เพราะฉะนั้นผมต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการออกมาพิมพ์อะไรบางอย่าง อาจจะยาวนิดนึง บางคนก็ด่าว่าผมร่ายยาว สุดท้ายมึงก็เลว แต่ผมก็จำเป็นที่ต้องสื่อสารออกมาด้วยตัวผมเอง ทุกวันนี้ผมยังยืนยันนะว่าผมไม่เคยนอกใจภรรยาตลอดการคบหากัน และผมก็ยึดมั่นในความดีที่ผมทำมาตลอด แต่ถ้าใครจะตัดสินผมด้วยการเรียบเรียงเรื่องราวภาพในโซเชียลเนี่ย อันนี้เราก็ห้ามเขาไม่ได้
ผู้หญิงที่โดนพูดถึงคนนี้เป็นมือที่สามทำให้เรามีปัญหากันหรือเปล่า?
แตงกวา : ไม่เกี่ยวกับเขาเลย เพราะเราเลิกกันแล้ว แล้วพี่เอก็มีสิทธิ์ มันก็เรื่องของเขาแล้ว
แสดงว่าเราก็รู้อยู่ว่าเอคบกับใคร?
แตงกวา : เคยถามว่ามีคนคุยหรือเปล่า หนูก็แค่ถาม แต่ก็ไม่ได้ถามต่อจากนั้น
แล้วหลังจากที่รูปหลุดไปเอกับแตงกวาได้คุยกันไหมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น?
แตงกวา : คุยค่ะ
เอ : ก็คุยครับ ทุกอย่างเป็นเรื่องในครอบครัว แต่พอมีคนเอามาสร้างเรื่อง สร้างราว แล้วทำให้คนที่เขาไม่เกี่ยวเดือดร้อนเราก็ทำยังไงให้ทุกฝ่ายเข้าใจ มันก็ยากนะ อย่างรูปไดร์ผมเกิดขึ้นที่พะเยาที่ผมไปงานบุญ แล้วตรงนั้นก็มีคนอยู่เยอะ ก็แอ๊บๆ ถ่ายรูปกันไป คือเพื่อนในเฟซบุ๊กบางคน พอลงเขาไม่ใช่บุคคลสาธารณะ ทุกคนมีเพื่อนก็แคปไปแชร์ไปก็เกิดความเข้าใจผิด
พอรูปหลุดไปคนใหม่ของเราโดนโจมตีในโซเชียลหนักเลย รู้สึกยังไงบ้าง?
เอ : รู้สึกผิดมากที่เขามารู้จักเรา คือการที่เราเปิดตัว เปิดใจที่จะคบใครสักคน คือผมอยู่เป็นครอบครัวมาตลอดผมมีความอบอุ่น ผมมีความสุขกับลูกกับครอบครัวมาตลอด พอวันหนึ่งต้องจบแค่วันเดียวมันก็แย่แล้วก็ต้องมีการปรับจนนิดนึง ใน 3 เดือน ต้องเดินคนเดียวด้วยระยะเวลาที่มันห่างไม่เหมือนเดิมก็ทรมานแล้ว แล้วพอมีคนที่ถามเราว่ากินข้าวหรือยัง ทำอะไรอยู่ ซึ่งเราไม่ได้ถูกถามมานานมาก ซึ่งมันก็เป็นความอบอุ่นอย่างหนึ่งที่เพื่อนจะให้กันได้ แล้วก็การได้รู้จักใครบางคนที่ทำให้เกิดความรู้สึกนี้ผมชัดเจนมาก ผมไปงานบุญที่พะเยาผมก็ให้ทุกคนเห็นว่าผมไป เจ้าอาวาสยังเรียกผมไปแนะนำตัว สวัสดีถ่ายรูปกัน พ่อแม่เขาก็อยู่ ก็ทุกอย่างมันชัดเจนด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว แต่ถูกกวนด้วยสื่อที่มันไม่ยุติธรรม แล้วไม่แฟร์ต่อความจริงใจของเราเลย ตรงนี้ความสัมพันธ์ต้องถอยไปอีกนิดนึงเพื่อดูว่าเขาจะไหวไหมกับการที่ถ้ารู้จักเราเขาต้องเป็นบุคคลสาธารณะ เขาก็มีตัวตนของเขาชัดเจน
ได้ฟังคำตอบแล้วรู้สึกยังไงบ้าง?
แตงกวา : มันก็เป็นเรื่องที่เราก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไร มันก็เป็นไปตามความจริง เห็นข่าวออกมาเราก็รู้สึกเป็นห่วงพี่เอ แต่เราก็คุยกันตลอด ปรึกษากันว่าถ้าออกมาเป็นแบบนี้เราจะทำยังไง
เอ : นี่ก็เพิ่งคุยเรื่องลูกว่าจ่ายค่าเทอม เคลียร์กันอยู่ว่าจ่ายล่าช้าไป มีเรื่องมีราวที่ทำให้เราปวดหัว ตอนนี้ก็เรียบร้อยแล้วครับ เดี๋ยวลูกก็จะกลับมาจากเพชรบูรณ์ก็ดูแลกัน
แตงกวารู้สึกยังไงบ้างกับตอนนี้พี่เอโดนโจมตีค่อนข้างเยอะเลย?
แตงกวา :ก็อยากให้โซเชียลเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้น ยืนยันได้เลยว่าพี่เอไม่ได้มีใครก่อนที่จะเลิกกัน คือเราเลิกกันก่อนแล้ว นอกเหนือจากนั้นมันก็เป็นสิทธิ์ของพี่เอ แต่เราก็ยังดูแลในความรู้สึกในฐานะพ่อของลูก
คุณเอมีอะไรอยากจะบอกชาวโซเชียลกับสิ่งที่เขามานั่งคอมเมนต์?
เอ : ผมไม่ได้โทษนะ บางคนเขาไม่ได้รู้จักเรา แต่คนที่อยู่รอบตัวเรา เพื่อนเรา หรือว่าใครที่ศรัทธาในสิ่งที่เราทำมาตลอด แค่นั้นก็พอแล้ว เราไม่สามารถทำให้ทุกคนเข้าใจเราได้ แล้วก็คนที่พิมพ์อะไรต่างๆ นานาด้วยความเกลียดชังหรือว่าชิงชัง คือว่าทุกคนมีความคิดที่ดี คือเขาไม่ชอบความไม่ยุติธรรม คืออะไรที่ไม่โอเคผมยินดีที่จะรับฟัง เราปล่อยวางไป มันเป็นความคิดส่วนบุคคล ทุกคนสามารถแสดงออกได้ แต่ผมก็ยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่าทำทุกอย่างอย่างถูกต้องนะครับ
เอคิดว่าเอมีคนใหม่เร็วไปหรือเปล่า?
เอ : อย่างที่ผมบอก วันเดียวหรือสองวันที่เราเป็นโสดโดยชอบธรรม แล้วก้มีการคุยกันมานานแล้วมันทรมานนะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมมีชีวิตอยู่เพื่อลูก อะไรก็ตามหรือใครเข้ามาเข้าใจในเรื่องที่ผมรักที่สุดคือแม่ผม ลูกผม เข้าจะเข้าใจว่าเขาจะอยู่กับผมยังไงแค่นั้น
น้องแตงกวาล่ะพอได้ยินข่าวคิดว่ามันเร็วไปไหม?
แตงกวา : หนูไม่ได้คิดว่ามันเร็วหรือช้าไป มันอยู่ที่สถานการณ์และจิตใจของแต่ละคน แต่เราก็เลิกกันด้วยดี มันก็เป็นโอกาสของเขา เราก็เป็นแม่ เพียงแค่เราไม่มีหน้าที่เป็นภรรยา
อย่างนี้พวกค่าเลี้ยงดูใครเป็นคนออก?
แตงกวา : ก็ช่วยๆ กัน
มีอะไรอยากจะบอกแตงกวาไหม?
เอ : ก็ยังมีความห่วงใยอยู่เสมอ เพราะว่าเราเคยเป็นครอบครัว แล้วทุกวันนี้เราก็เป็นพ่อ เป็นให้กับเขา ก็ทำยังไงก็ได้ให้ลูกโอเคที่สุด เราก็เข้าใจกันมาตลอด ปัญหาก็เกิดจากคนที่ไม่รู้จักเรา ถามว่ายังรักอยู่ไหม คือความรักไม่เคยเปลี่ยน แต่สถานะทางพฤตินัย นิตินัยมันเปลี่ยนไปได้อยู่แล้ว ตอนนี้เรายังเป็นกัณยานิมิต เรายังทำบุญร่วมกัน เรายังมีภารกิจร่วมกันที่จะช่วยวัดที่ไฟไหม้
คุณแตงกวาอยากบอกอะไรกับพี่เอไหม?
แตงกวา : ก็ยังรักและเป็นห่วงเหมือนเดิมเพราะว่าป๊าคือคนในครอบครัว มีอะไรก็ปรึกษาได้ตลอด
ในมุมมองของแตงกวาสาเหตุหลักๆ ที่ต้องเลิกกันเพราะอะไร?
แตงกวา : ก็อย่างที่พี่เอบอกทัศนะคติ แล้วก็หลายๆ อย่าง ด้วยอายุหนูยังน้อย การศึกษาใจกันมันใช้เวลาสั้นเกินไป เพราะว่าตอนคบกันไม่ถึงปี ถ้านับเรื่องศึกษาใจก็ตั้งแต่ท้องเลยดีกว่า เรื่องความคิดไม่ตรงกันก็เป็นเรื่องการมองอนาคตข้างหน้ามากกว่าทั้งครอบครัวเลย อย่างของพี่เอจะมีความสามารถเรื่องการแสดง ส่วนของหนูก็มองอนาคตว่า ถ้านอกเหนือจากการแสดงเราก็มองไกลเลย หนูว่าหนูไปทางธุรกิจมากกว่า แต่มันก็ไม่เกี่ยวเลย แต่หลักๆ ก็คือเราศึกษาใจกันน้อยไป
เราออกไปทำงานด้วยมันเป็นส่วนหนึ่งของการเลิกไหม?
แตงกวา : ก็เป็นส่วนหนึ่ง เพราะว่าหนูใช้เวลากับงานมาก เขาเรียกว่าเราอยู่ด้วยกันจนกลายเป็นเพื่อนแล้วหน้าที่ภรรยาหนูก็ทำน้อยลง เพราะว่ามันเหนื่อยจากการทำงาน แต่เราก็อยู่กันแบบไม่เคยทะเลาะกันเลย แต่รู้ว่าความรักมันจางลง เพราะว่าเรามีเรื่องที่ต้องคิดเยอะกว่านั้น เรื่องงาน เรื่องเงินมายุ่งด้วย
เรื่องบนเตียงเกี่ยวด้วยไหม?
แตงกวา : ไม่เกี่ยวค่ะ ที่บอกว่าทำหน้าที่ภรรยาน้อยลงก็หมายถึงการดูแล การเอาใจใส่ ส่วนมากหนูจะอยู่กับลูก กับการทำงานหนูมากกว่า
ถ้าในฐานะคุณพ่อ คุณสามี ขออนุญาตวันนี้สวีตกัน ช่วงหลังๆ เราไม่อนุญาตจริงไหม?
แตงกวา : ก็มีบ้างค่ะ ก็ไม่รู้ว่าเกี่ยวหรือเปล่า หนูขอข้าม
แล้ววันที่มีปัญหา แล้วตัดสินใจพูดบอกเลิก จบความสัมพันธ์กันเถอะใจวันนั้นเป็นยังไงบ้าง?
แตงกวา : ที่บอกตอนนั้น เพราะว่าหนูคิดแล้วว่าพี่เอก็ไม่มีงานเลย เพราะว่าหนูทำงานจนเหนื่อย แต่ทำไมเงินมันหายไปไหนหมด ทำไมเงินมันไม่เข้า เข้าน้อยจัง ทำธุรกิจก็ไม่รุ่งก็เลยว่าไปหย่ากันไหม ก็เหมือนเป็นไอเดีย แก้เคล็ด คือทั้งคู่ปรึกษากัน พอหลังจากหย่าปุ๊บงานก็เข้าเต็มทั้งคู่เลย แต่ก่อนหน้านั้นเราอยู่เป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว คือหนูไม่มีอารมณ์เรื่องเซ็กส์ไปนานแล้ว เพราะว่าคิดเรื่องงานเยอะ เราก็อยู่ดูแลกันเป็นพี่น้อง
แสดงว่าจุดที่เราตัดสินใจหย่ามันไม่ใช่การแก้เคล็ด แต่เรารู้ตัวเองกันทั้งคู่?
แตงกวา : รู้กันทั้งคู่ค่ะ ถามว่าทำใจไหม ไม่ต้องทำค่ะ หนูไม่ฝังใจอะไรอย่างนี้มันไร้สาระ เรามองอนาคตว่าเราจะทำยังไงให้เรามีเงินมาเลี้ยงลูกได้ เพราะลูกต้องโต ต้องใช้เงินเยอะ ก่อนหน้านี้เราก็ไปๆ มาๆ เพื่อไม่ให้ลูกรู้สึกขาดพ่อ แม่
ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 13.30-14.30 น. ทางช่อง one31