ถ้าคุณคิดว่า "ความตาย" จะยอมปล่อยมือคุณไปง่ายๆ... คิดใหม่อีกครั้ง เพราะเส้นทางสายมรณะได้กลับมาอีกครั้งใน Final Destination: Bloodlines - ไฟนอล เดสติเนชั่น ทายาทโกงตาย พร้อมกับเรื่องราวที่ย้อนกลับไปยังต้นกำเนิดของโชคชะตาสุดสยอง! รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! อีกทั้งภาพยนตร์ Final Destination: Bloodlines - ไฟนอล เดสติเนชั่น ทายาทโกงตาย มีให้รับชมผ่านช่องทาง TrueID แล้วนะ มีทั้งเสียงพากย์ไทยและคำบรรยายไทย ใครอยากหลอนก่อนมาอ่านบทความนี้ แนะนำให้ไปดูก่อนเลย รับชม Final Destination: Bloodlines - ไฟนอล เดสติเนชั่น ทายาทโกงตาย ได้ที่นี่ ประเภท : ภาพยนตร์ ความยาว : 1 ชั่วโมง 49 นาที ผู้กำกับ : แซ็ค ลิพอฟสกี, อดัม บี.สไตน์ แนว : สยองขวัญ , ระทึกขวัญ , ลึกลับ เรื่องย่อ ช่วงปี 1968 “ไอริส แคมป์เบล” (แสดงโดย เบร็ค แบสซิงเจอร์) ถูกเซอร์ไพร์สจากแฟนหนุ่มด้วยการพาเธอไปร่วมงานพิธีเปิดตัวภัตตาคารอาหารสูงเสียดฟ้า หรือ “Sky View” เมื่อปาตี้เริ่มได้ไม่นาน “ไอริส” ก็เกิดลางสังหรณ์ว่าเกิดเหตุการณ์ตึกถล่มที่นี่ เธอจึงตัดสินใจเตือนทุกคนให้ออกไปจากตึกก่อนที่เหตุการณ์มันจะเลวร้ายเหมือนลางสังหรณ์ของเธอ กลับมาที่ปัจจุบัน “สเตฟานี เรเยส” (แสดงโดยเคทลิน แซนต้า ฮวนนา ) หลานสาวของ “ไอริส” กำลังประสบปัญหาฝันแต่เรื่องเดิม ๆ นั่นก็คือภาพเหตุการณ์ตึกสกายวิวถล่มและเห็นภาพคุณยายไอริสเสียชีวิตวนซ้ำไปมา จนมันกระทบกับชีวิตของเธออย่างมาก “สเตฟานี” จึงต้องรู้ให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จึงตัดสินใจเดินทางไปหาคุณยาย ที่ตอนนี้ “ไอริส” อาศัยอยู่ตัวคนเดียวเพื่อความปลอดภัยของตัวเองและครอบครัว แต่สุดท้ายแล้ว “ความตาย” ก็ยังพรากชีวิตคุณยายของ “สเตฟานี” ไปอยู่ดี โดยสิ่งที่เหลือทิ้งท้ายเอาไว้ก็มีแค่สมุดเล่มหนึ่งที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ “ความตาย” เพื่อให้ “สเตฟานี” ปกป้องครอบครัวและหยุดเรื่องเลวร้ายให้จบลงสักที นักแสดงหลักจากภาพยนตร์ Final Destination: Bloodlines (2025) เคทลิน แซนต้า ฮวนนา รับบทเป็น สเตฟานี เรเยส ทิโอ บริโอนส์ รับบทเป็น ชาร์ลี เรเยส ไรอา คิลสเตดท์ รับบทเป็น ดาร์ลีน แคมป์เบล ริชาร์ด ฮาร์มอน รับบทเป็น เอริค แคมป์เบล แอนนา ลอร์ รับบทเป็น จูเลีย แคมป์เบล โอเวน จอยเนอร์ รับบทเป็น บ็อบบี้ แคมป์เบล รีวิวหลังจากดูจบ เราเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ติดตามจักวาล Final Destination ตั้งแต่ภาคแรกจนมาถึงภาคปัจจุบัน เรียกได้ว่าเป็นแฟนคลับตัวยังของจักรวาลนี้เลยก็ว่าได้ สำหรับใครที่ไม่เคยดูจักรวาล Final Destination สักเรื่องเลย จะสามารถดูภาคนี้รู้เรื่องได้ไหม ? ขอตอบว่าดูรู้เรื่องแน่นอน ถึงจะเป็นจักรวาลเดียวกัน แต่ตัวละคร เหตุการณ์ต่าง ๆ จะไม่มีความเกี่ยวข้องกับภาคที่แล้ว แต่อาจจะมีการยกมาพูดถึงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับมือใหม่แน่นอน เป็นภาคที่เปิดเรื่องไม่เหมือนกับภาคอื่น ปกติแล้วธรรมเนียมของจักรวาลนี้แต่ละภาค จะเปิดเรื่องที่คล้ายคลึงกันก็คือ ตัวละครเอก จะมี “ลางสังหรณ์” หรือ “นิมิต” ต่อสถานการณ์ที่เป็นอันตรายออกมาเป็นฉาก ๆ ก่อนที่จะบรรจบที่ตัวเองเสียชีวิตเป็นรายสุดท้าย จากนั้นตัวละครเอกก็จะรู้สึกตัวและสังเกตเห็นสภาพแวดล้อมมีความคล้ายคลึงกับนิมิตที่ตัวเองเห็นก่อนหน้านี้ ซึ่งทุกภาคจะเปิดเรื่องมาเป็นแบบนี้หมด ยกเว้นภาคนี้ที่เล่าเรื่องคล้ายกันแต่ว่าคนเห็นลางสังหรณ์กลับกลายเป็น “สเตฟานี” แทนที่จะเป็น “ไอริส” โดยมันมาเป็นรูปแบบของความฝันแทน ถือว่าเป็นการเปิดเรื่องที่แปลกใหม่ดีนะ แต่ความรู้สึกส่วนตัวอยากให้มันดำเนินคล้ายกับ 5 ภาคก่อนหน้าก็น่าจะดีกว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าทำแบบนี้แล้วมันแย่หรอกนะ มันก็เล่าเรื่องได้ดีเหมือนกัน มีเรื่องราว และ Easter Egg จากภาคก่อนหน้าด้วย แฟนคลับจักรวาล Final Destination อย่างเราเรียกได้ว่ามีแอบยิ้มกริ่มอยู่บ้าง ที่ภาคนี้แอบมียกเหตุการณ์หรือเรื่องราวจากภาคก่อนหน้านี้มาใส่ในภาพยนตร์ด้วย แต่ต้องตั้งใจดูนิดนึง เพราะมันไม่ได้โผล่ออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนขนาดนั้น ส่วนใหญ่จะโผล่ออกมาเป็นการถูกพูดถึง หรือออกมาเล่าเป็นภาพสั้น ๆ ตัดกับเหตุการณ์ปัจจุบันในเรื่อง ยกตัวอย่างเช่น มีการปรากฎเหตุการณ์และภาพเครื่องบินระเบิดปริศนาในสมุดของคุณยายไอริส (อ้างอิงจากภาคที่ 1) เป็นต้น แล้วก็ชอบตรงที่ภาคนี้มันเล่นใหญ่กว่าที่คิดตรงที่ มีการขยายเส้นเรื่องตั้งแต่ยุคปี 1960 มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งนั่นทำให้เราได้เห็นว่า “ความตาย” มันทำงานตลอดเวลาไม่มีหยุดพัก เพราะ “ความตาย” มันไล่เก็บทุกครั้งจนมาถึงครอบครัวของตัวละครเอกของเรานั่นเอง ภาคนี้เล่นประเด็นเกี่ยวกับ “ครอบครัว” ปกติแล้วแต่ละภาคเล่าเรื่องราวตัวละครเอก กับเพื่อน หรือไม่ก็คนแปลกหน้า สำหรับในบางภาค แต่สำหรับภาคนี้เล่าเรื่องราวเป็นครอบครัวเลย เป็นจักรวาลมีขยายเส้นเรื่องให้ “ความตาย” ไล่เก็บหมดทั้งตระกูล แม้ว่าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยกับเหตุการณ์ตึกสกายวิวถล่ม แต่ถ้าหากว่ามีสายเลือดที่เกี่ยวข้องก็จะโดนไปด้วย เอาจริง ๆ เป็นภาคที่รู้สึกสงสารครอบครัวนางเอกเหมือนกันนะ ไม่มีความเกี่ยวข้องแต่ก็ต้องมาแบกรับโชคชะตาที่ตัวเองไม่สามารถเลี่ยงได้อีก ระดับความสยองอาจดรอปลง แต่ก็ยังลุ้นจนจบเรื่อง สำหรับเรามองว่าพวกฉากการเสียชีวิตของตัวละคร คือมันมีความสยองอยู่นั่นแหละ แต่ว่าถ้าให้เปรียบเทียบกับภาคก่อนหน้าดี ๆ แล้ว จะรู้สึกเลยว่ามีความดรอปลงกว่าภาคอื่น แต่ถึงความสยองมันอาจจะดรอปลง สุดท้ายเราก็ลุ้นตัวละครตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องอยู่ดี เริ่มสงสัยว่าแต่ละคนจะเสียชีวิตยังไง โดนอะไรจนเสียชีวิต แล้วจะรอดกลับไปได้ไหมสำหรับภาคนี้ ก็ถือว่าเป็นภาคที่สนุกอีกเรื่องด้วยเช่นกัน ไม่แพ้ภาคที่แล้วเลย ดำเนินเรื่องก็สนุก กระชับ รวดเร็ว มีฉากชวนตกใจเล็กน้อย งานภาพ CG มีความอลัง สยองทะลุจอ อีกเรื่องที่อยากชื่นชม คือ งานภาพ ของภาคนี้ จะต้องบอกก่อนว่าจักรวาล Final Destination เก่งเรื่อง CG หรือพวกกราฟิกมาก ๆ เพราะทำออกมาได้สยอง และมีความสมจริง ชวนอี๋ ชวนสยองมาก แน่นอนว่าภาคนี้ก็ยังคงทำถึงเหมือนเดิม บางฉากแทบต้องเบือนหน้าหนีเพราะไม่ออกอยากมอง แต่น่าเสียดายตรงที่ความสยองมันดรอปลง พวกเลือดนองอาจจะน้อยลง แต่การเสียชีวิตก็ยังสยองอยู่เหมือนเดิมนะ พอภาพมันสวยขึ้น ภาพความสยองก็แอทบจะทะลุออกมานอกจอเลยทีเดียว สรุปคะแนน องค์ประกอบโดยรวม : ⭐⭐⭐⭐ การดำเนินเรื่อง : ⭐⭐⭐⭐ งานภาพ : ⭐⭐⭐⭐ การแคสติ้ง : ⭐⭐⭐⭐⭐ ความรู้สึกร่วมในการรับชม ⭐⭐⭐⭐ รวม : 4.5⭐ ภาคนี้ยังคงมีความสนุก มีความลุ้นช่วยตัวละครตั้งแต่ต้นจนจบ งานภาพสวย ดูได้ไม่มีสะดุด แต่ความสยองอาจจะดรอปลงไปนิดเมื่อเทียบกับภาคก่อนหน้า เครดิตรูปภาพ ภาพหน้าปก มีรูปภาพที่ 1 และรูปภาพที่ 2 จาก finaldestinationmovie รูปภาพประกอบที่ 1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6 , 7 , 8 , 15 จาก finaldestinationmovie รูปภาพประกอบที่ 9 , 11 , 12 จาก Final Destination (Movie) รูปภาพประกอบที่ 10 , 13 , 14 จาก kaitlynsantajuana จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !