รีเซต

สื่อนอกวิเคราะห์ 5 สาเหตุที่ "M3GAN 2.0" เกมพลิก! ทำเงินไม่ปังบนบ็อกซ์ออฟฟิศ

สื่อนอกวิเคราะห์ 5 สาเหตุที่ "M3GAN 2.0" เกมพลิก! ทำเงินไม่ปังบนบ็อกซ์ออฟฟิศ
Jeaneration
4 กรกฎาคม 2568 ( 16:00 )
1.6K

เพราะผลงานที่ค่อนข้างน่าตกใจของ "M3GAN 2.0" เลยทำให้หลาย ๆ ฝ่ายหันมาสนใจในปัญหาที่เป็นไปได้เกี่ยวกับการมาของภาคต่อหนังสยองขวัญไซไฟหุ่นยนต์เอไอเรื่องนี้ ที่ภาคต้นฉบับเคยโกยรายได้เอาไว้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งยังสร้างตำนานและมีมเป็นกระแสประดับโลกโซเชียล แต่กลายเป็นว่าการมาของภาคต่อในปีนี้ แทบไม่สร้างความน่าตื่นเต้นให้กับทั้งวงการหนังและในกลุ่มผู้ชม หนังเปิดตัวสุดสัปดาห์ในอเมริกาแบบพลาดเป้า และทำเงินลดลงจากที่ภาคแรกทำไว้เกือบ 2 เท่าตัว

ล่าสุดสื่อดัง Variety ได้ทำการวิเคราะห์ปัจจัยที่น่าจะเป็นไปได้ ที่นำพาให้ M3GAN 2.0 มีผลลัพธ์ออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทั้งที่หนังยังค่อนข้างได้กระแสในแง่คำวิจารณ์ที่อยู๋ในระดับน่าพอใจอยู่ก็ตาม ด้วยคะแนนเฉลี่ยฝั่งนักวิจารณ์ในระดับกลาง ๆ ที่ 57% บนเว็บไซต์ Rotten Tomatoes อาจจะน้อยลงจากภาคแรก แต่ก็ไม่ถึงขั้นเลวร้าย ขณะที่ผู้ชมก็ให้เกรด B+ จากการสำรวจของ CinemaScrore ที่หน้าโรงหนัง แต่ทว่าทำไมความนิยมในจำนวนรายได้ของหนัง ถึงออกมาได้เกมพลิกเช่นนี้?

เสน่ห์อันน่าประทับใจที่เหือดหาย

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มีสิ่งที่ M3GAN 2.0 ไม่สามารถเจริญรอยตาม M3GAN ภาคแรกได้ นั่นก็คือกิมมิกการสร้างกระแสไวรัลได้อย่างเข้มแข็งเท่าเทียบ เพราะถ้ายังจำกัดได้ภาคต้นฉบับดังมาก ๆ กับท่าเต้นยั่ว ๆ บด ๆ กับพลังตวามเฟียสอนเหลือของเมแกน แต่กลายเป็นว่าภาคต่อนั้นแทบไม่เห็นด้านดีด้านนี้เปล่งประกายออกมาเลย อีกทั้งเนื้อหาของหนังที่ยืดยาวขยายเกินไป กลายเป็นหนังระดับ 2 ชั่วโมงขึ้น ก็บั่นทอนอารมณ์หนังไปพอประมาณ ทั้งที่มาตรฐานทั่วไปหนังระทึกขวัญมักจะมีความยาวไม่ค่อยเกิน 100 นาที

วันฉายที่กล้าได้กล้าเสี่ยงเกินไป

การที่หนังภาคแรกประสบความสำเร็จมาก ๆ ก็เพราะว่าได้วันฉายที่เหมาะเจาะ ภาคแรกเข้าฉายในช่วงเริ่มต้นปีใหม่ สุดสัปดาห์แรก ๆ ของเดือนมกราคม ที่แทบจะไม่มีหนังคู่แข่งเข้ามาแทรกตัวเลย มีเพียงควันหลงจากหนังช่วงปลายปีที่ยังเหลืออยู่ เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ชมไม่ได้มีทางเลือกมากนัก ซึ่ง M3GAN 2.0 น่าจะยังยึดหลักเกณฑ์นี้ต่อ หรือไปก็ส่งเข้าฉายในช่วงเดือนตุลาคม ที่เป็นไฮไลต์ของหนังสยองขวัญทุก ๆ ปีก็น่าจะมีลุ้นในแง่ความสำเร็จและกระแสมากขึ้น

แต่กลับกลายว่าสตูดิโอเลือกส่งหนังภาคต่อเรื่องนี้เข้าฉายในช่วงซัมเมอร์ ซ้ำยังเป็นช่วงเวลากลางฤดู ที่หนาแน่นไปด้วยโปรแกรมหนังที่แข่งขันกันอย่างดุเดือดมาจนถึงครึ่งทางด้วย แน่นอนว่านั่นทำให้ M3GAN 2.0 ถูกขนาบตัวหนังบ็อกซ์บัสเตอร์เต็มไปหมด แทบจะกลบกระแสความน่าสนใจในตัวหนังลงไปอย่างน่าเสียดาย และผู้ชมก็สามารถเมินหนังเรื่องไป เพราะยังมีตัวเลือกอื่น ๆ ที่น่าสนใจให้ดูชมมากกว่า

เน้นความเริ่ดความเชิดมากกว่าความหนักแน่นสยองขวัญ

ปกติทั่วไปการกลับมาของหนังแนวนี้ที่กลับมาเป็นภาคต่อ การตลาดมักจะเน้นโปรโมตว่า 'สยองขึ้นแบบทวีคณู' แต่ไม่ใช่กับ M3GAN 2.0 เพราะกลายเป็นว่าหนังเลือกที่ชูความเด่นในแง่การอัปเกรดเมแกนเวอร์ชันใหม่ ในรูปลักษณ์หุ่นยนต์สายเฟียส สายปัง หรือตามศัพท์ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า ใส่ความกะเทยเข้าไป ซึ่งก็เป็นสิ่งที่สอดแทรกเข้าไปเพื่อเพิ่มอรรถรสความสนุกได้ดี แต่มุกเสียดสีต่าง ๆ กลับเป็นการสร้างความขบขันมากกว่า จนเกือบลืมไปว่าตัวเองเป็นหนังแนวสยอง ที่้ท้ายที่สุดหนังได้ถูกปรับเป็นหนังสยองหนังระทึกแบบไม่แท้จริงอย่างน่าพอใจ

ดูเหมือนว่า เอไอ เป็นสิ่งที่น่ากลัวมากกว่าตลกขบขันในสังคมยุคนี้

การเข้ามามีบทบาทของปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ในสังคมยุคปัจจุบัน แน่นอนว่ามันกลายเป็นข่าวที่สะท้อนความหวั่นวิตกให้กับผู้คนไม่น้อย เพราะเดี๋ยวนี้อะไร ๆ ก็ใช้เอไอสั่งการและทำงานแทนมนุษย์ได้หลายสิ่ง ทำให้การหยิบเอาเอไอมาเป็นประเด็นขบขัน อาจจะไม่ได้ทำให้ผู้ชมสนุกไปด้วย เพราะเอไอก็ไม่ต่างกับผู้ที่จะมาแทนมนุษย์ในแง่แรงงานในอนาคต นั่นเป็นสิ่งที่ผู้คนกำลังกังวลกับการถูกแทนที่หน้าที่ด้วยเอไอ

ภ่าพที่สะท้อนออกมารายวันเกี่ยวกับความพยายามควบคุมกฎเกณฑ์และขอบเขตในการใช้เทคโนโลยีเอไอในเวลานี้ยังเป็นข้อกังขาในสังคมทั่วโลก และการเปลี่ยนแปลงดันส่งผลกระทบต่อ M3GAN 2.0 ด้วย ในยุคที่คนดูรู้จักและคุ้นเคยกับเอไอมากยิ่งขึ้นจากภาคแรก และพวกเขาก็เริ่มตระหนักได้ว่าการมาของเอไอไม่ใช่เรื่องน่าตลกขบขันอีกต่อไป ความพยายามสื่อถึงความบ้งในการระบบค่าของหุ่นยนต์ในหนังใช่ไม่ได้อีกแล้ว ในเมื่อทุกคนรู้ว่ามันเป็นเทคโนโลยีที่อัจฉริยะจริง ๆ และน่าจะเหนือกว่ามนุษย์ไปแล้วด้วยซ้ำ

ช่วงเวลาเป็นหลุมเป็นบ่อของสตูดิโอ บลัมเฮาส์

ดูเหมือนว่าค่ายหนังที่ผลิตป้อนหนังสยองเบอร์ต้น ๆ ของยุคกำลังเผชิญหน้ายุคที่ยากลำบากบนบ็อกซ์ออฟฟิศอยู่จริง ๆ เป็นในช่วง 1-2 ปีนี้ พวกเขาค่อนข้างผิดกระบวนท่าไปหลายครั้ง โดยเฉพาะในปี 2025 ที่ทุกหมากยังผิดทางทั้งหมด ไม่ว่าจะ Wolf Man ที่ทำเงินไปแค่ 34 ล้านเหรียญ เมื่อช่วงต้นปี ตามมาด้วย The Woman in the Yard ที่เงียบกริบได้ฉายแค่ในอเมริกา ตามมาด้วย Drop ที่กระแสตอนฉายในโรงก็แทบถูกหนังดังเรื่องอื่นบดบังไปหมด

แล้วยิ่งมาเจอสถานการณ์ของ M3GAN 2.0 ที่ทำเงินรายได้เปิดตัวได้แบบลดต่ำลงจากที่ภาคทำเอาไว้กว่าครึ่งหนึ่ง ยิ่งตอกย้ำความลุ่ม ๆ ดอน ๆ ของคอนเทนท์หนังสยองขวัญในศักราชนี้ และยังสร้างความบอบช้ำให้กับสตูดิโอหนังผู้สร้างแห่งนี้อยู่ต่อไป แม้ว่าจะโชคดีที่การลงทุนในหนังประเภทนี้มักจะใช้ทุนไม่สูงนัก สัดส่วนการขาดทุนจึงไม่เยอะจนเจ็บตัวมากมาย แต่บลัมเฮาส์ก็ต้องเสาะหาวิธีแก้เกม เพื่อตอบสนองคนดูและเรียกศรัทธาคืนเพื่อให้ได้มาซึ่งรายได้ที่เหมาะสมต่อไป โดยในปีนี้พวกเขายังเหลืออีก 2 ภาคต่อ อย่าง The Black Phone 2 กับ Five Nights at Freddy's 2 ที่ก็ยังหวังว่าจะคืนเกมได้อีกครั้ง

-------------------------------------

>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa